เล่มที่ 4 บทที่ 114 หัวหน้าหมู่บ้านคงถลกหนังข้า

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

บิดามารดาของหลัวไห่ฮวาจากโลกนี้ไปเร็ว ให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรทั้งหมดสามคน บุตรชายสองคนบุตรสาวหนึ่งคน หลัวไห่ฮวาเป็นลูกคนรอง หลัวไห่ตี้เป็นคนสุดท้อง ปีนี้อายุยี่สิบสามยี่สิบสี่แล้ว กลับยังไม่ได้แต่งภรรยา

ใช่ว่าเป็นเพราะครอบครัวยากจนจึงไม่มีเงินแต่งภรรยา แต่เป็นเพราะหลัวไห่ตี้ชั่วช้าเกินไป

หากสาวไส้อันบ้าตัณหาของเขาออกมา คงวางจากหมู่บ้านสกุลเซียวได้ยาวไปจนถึงเมืองหลวง ทั้งสายตา จิตใจ ไปจนถึงลำไส้มีแต่ตัณหา ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่บ้าตัณหา

บุรุษเยี่ยงนี้ ขอเพียงไม่ใช่ครอบครัวที่ยากจนถึงขั้นต้องรีบขายบุตรสาวเพื่อซื้อข้าวมาประทังชีวิต ทุกคนต่างไม่ยินยอมให้บุตรสาวแต่งกับคนเช่นนี้

ดังนั้น หลัวไห่เทียนจัดหาสตรีให้น้องชายของเขาอยู่หลายคน แต่พอพวกนางได้ยินชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของหลัวไห่ตี้ บ้างก็ขอถอนตัวทันที บ้างก็เรียกร้องขอสินสอดมากมาย

บ้านสกุลหลัวก็ไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวยอะไร ต้องเสียเงินมากมายเพียงเพื่อแต่งภรรยา ต่อให้หลัวไห่เทียนยอมเสีย ภรรยาของเขาก็ไม่ยอม

ดังนั้น เรื่องใหญ่ในชีวิตอย่างการแต่งงานของหลัวไห่ตี้จึงยืดเยื้อมาถึงปัจจุบันนี้

หลัวไห่ตี้กลับไม่รีบร้อน อย่างไรเสียเมื่อยังไม่แต่งงาน เขาก็ร่ำสุราเคล้านารีได้ทั้งวัน ยังมีหญิงหม้ายและหญิงครองเรือน เขาถูกใจคนใด เพียงกวักนิ้วเรียก เรื่องเช่นนั้นก็ใช่ว่ามีแต่ภรรยาของตัวเองถึงจะทำได้ ภรรยาคนอื่นกลับได้รสชาติยิ่งกว่า

เงินในบ้านมีเขาใช้เพียงคนเดียว ขอเพียงตัวเขากินอิ่มก็ไม่มีคนอื่นในครอบครัวให้ต้องกังวล ทั้งยังไม่มีใครมาคอยคุมเขา อย่าให้พูดเลยว่าหลัวไห่ตี้มีอิสระมากเพียงใด

เซียวเฉิงซานเดินส่ายไปมาจนมาถึงบ้านหลัวไห่ตี้

บนโต๊ะมีกับแกล้มสามอย่าง และสุราหนึ่งไห

ในบ้านไม่มีใคร เซียวเฉิงซานกำลังคิดจะเรียกหา ก็มีเสียงที่ชวนให้จินตนาการดังขึ้นจากภายในห้อง

เสียงครางทุ้มต่ำของบุรุษ และเสียงสะอื้นของสตรีคล้ายกำลังรู้สึกเจ็บ เตียงไม้ด้านในโยกจนเกิดเสียงกึกๆ แค่ได้ยินก็รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ในนั้น

เซียวเฉิงซานได้ยินเสียงนี้ ร่างกายก็เหมือนแช่อยู่ภายในกระทะน้ำมัน รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว โชคดีที่เสียงด้านในเงียบไปอย่างรวดเร็ว

หลัวไห่ตี้เดินออกมาพลางผูกผ้าคาดเอว ใบหน้าขึ้นสีแดง เมื่อเห็นเซียวเฉิงซานก็แสดงสีหน้ายินดี “ในที่สุดเจ้าก็มา! รอเจ้ามาครึ่งค่อนวัน ข้าร้อนใจแทบแย่! “

เซียวเฉิงซานเบ้ปาก เจ้าร้อนใจบ้าอะไร

เผด็จศึกจนเสร็จสมไปหนึ่งครั้งแล้ว!

หางตาเซียวเฉิงซานเหลือบไปเห็นแผ่นหลังซูบผอมด้านใน กำลังสวมเสื้อโดยหันหลังให้เขา เซียวเฉิงซานมองแล้วมองอีกอย่างไม่อาจละสายตา ในภายหลังหลัวไห่ตี้ปิดประตู จึงมองไม่เห็นอีก

ได้แต่ปล่อยไป

ทั้งสองคนมานั่งตรงโต๊ะ หลัวไห่ตี้รินสุราใส่ถ้วยตรงหน้าทั้งสองคน ไม่มีใครบ่ายเบี่ยง จึงเริ่มดื่มสุราร่วมกัน

“หลัวไห่ตี้ เจ้าไม่เห็นข้าเป็นพี่น้องหรืออย่างไร แต่งภรรยาตั้งแต่เมื่อไรเหตุไรถึงไม่บอกข้าสักคำ? กลัวข้าจะดื่มสุราบ้านเจ้าจนเกลี้ยงหรือไง? “

เซียวเฉิงซานลูบปากพลางกล่าว แสดงสีหน้าอิจฉา

หลัวไห่ตี้ก็ดื่มสุราคำโต ก่อนหยิบขาหมูมันเยิ้มบนโต๊ะขึ้นมาใส่ปาก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “แต่งภรรยาแล้วจะใช้ชีวิตสุขสบายเช่นนี้ได้หรือ? “

เขาชี้นิ้วมือมันเยิ้มไปยังข้าวของบนโต๊ะ “ดูสิ เนื้อหมูนี่ ปลานี่ แล้วยังสุราอีก ข้าไม่เสียเงินแม้แต่อิแปะเดียว! หากแต่งภรรยา ก็ต้องจ่ายเงินเองไม่ใช่หรือ? “

เซียวเฉิงซานตกใจ “ไม่ใช่เงินของเจ้า แล้วของพวกนี้มาจากที่ใดกัน? “

หรือว่าจะเล่นกลเป็น คิดสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น?

หรือว่า…

เซียวเฉิงซานรีบวางขาหมูในมือลง “นี่หลัวไห่ตี้ ของพวกนี้เจ้าคงไม่ได้ขโมยมาหรอกนะ? “

“ขโมย? ข้าจำเป็นต้องลักขโมยด้วยหรือ? ” หลัวไห่ตี้ส่งเสียงเย็นในลำคอ กล่าวอย่างได้ใจ “ของที่ข้าอยากกินยังต้องไปขโมยด้วยหรือ ข้าจะบอกให้ ข้าอยากกินเนื้อหมู มีคนนำมาให้แต่โดยดี ข้าอยากดื่มสุรา ก็มีคนนำมาให้แต่โดยดี…”

บางทีอาจเพราะดื่มสุรา และภายในบ้านก็มีผู้ชายอยู่ด้วยกันเพียงสองคน หลัวไห่ตี้เป็นคนปากไม่มีหูรูดมาแต่ไหนแต่ไร จึงกล่าววาจาสกปรกเต็มที่ “เหมือนกับสตรีนางนี้ ข้าอยากทำเรื่องอย่างว่าเมื่อไร นางก็ต้องเปลื้องผ้าจนเปลือยเปล่า คลานขึ้นมาบนเตียงข้าแต่โดยดี”

เขาบุ้ยปากชี้ไปด้านใน “เห็นสตรีที่อยู่ในนั้นหรือยัง ข้าเพียงตวัดนิ้วเรียก นางก็มาอย่างว่าง่ายแล้ว ดูสิ เนื้อหมูเนื้อปลาและสุรานี่ ล้วนเป็นของที่นางนำมามอบให้ข้าด้วยความเคารพ! “

เซียวเฉิงซานแสดงสีหน้าฉงน “นี่หลัวไห่ตี้ เจ้าทำได้อย่างไร? เจ้าหลอกล่อสตรีที่อยู่ด้านในอย่างไรกัน? “

หลัวไห่ตี้แบ่งปันประสบการณ์ของตนเองอย่างได้ใจ “ข้าจะบอกให้ สตรีนี่นะ หากเป็นหญิงบริสุทธิ์ที่ยังไม่ออกเรือนจะยุ่งยาก ยุ่งเกี่ยวด้วยแล้วมีแต่กลิ่นคาวเลือด เหมือนหนังวัวก็มิปาน ติดหนึบสลัดให้หลุดได้ยากนัก แต่หากเป็นหญิงที่ออกเรือนแล้ว…”

หลัวไห่ตี้ดื่มสุราอีกหนึ่งคำ ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแสดงสีหน้าล้ำลึกยากหยั่งถึง

เซียวเฉิงซานอิจฉาจนแทบทนไม่ไหว รีบเอ่ยถาม “พี่หลัว รีบพูดสิ รีบพูด หญิงที่ออกเรือนแล้วจะเป็นอย่างไร? “

หลัวไห่ตี้เห็นเซียวเฉิงซานขอร้องตนเอง ก็กล่าวด้วยสีหน้ายินดี “เฉิงซาน หากเจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง ข้าก็จะบอกเจ้า ต่อไปให้เจ้าได้กินดีอยู่ดีทุกวัน ตกลงหรือไม่? “

เซียวเฉิงซานไม่ถามด้วยซ้ำว่าให้ช่วยเรื่องอะไร ก็ตอบรับเต็มปากเต็มคำแล้ว “เจ้ารีบพูด พูดมาสิ! ”

หลัวไห่ตี้กระซิบข้างหูเซียวเฉิงซานอยู่ครู่หนึ่ง พอเซียวเฉิงซานได้ฟังก็ท้อแท้ใจ “นั่นเป็นภรรยาของเซียวยวี่ เจ้าแค่เอ่ยวาจาแทะโลมบ้างก็พอแล้ว หากพาภรรยาเขาขึ้นเตียง อย่าว่าแต่เซียวยวี่เลย เซียวจิ้งยี่คงได้ถลกหนังพวกเราแน่”

เซียวจิ้งยี่เคารพให้ความสำคัญคนเรียนหนังสือเป็นที่สุด หากสอบติดได้เป็นซิ่วไฉ ก็ถือเป็นหน้าเป็นตาของหมู่บ้าน หากพวกเขาฉวยโอกาสช่วงที่เซียวยวี่ไม่อยู่ ข่มเหงรังแกภรรยาเซียวยวี่ ต้องถูกเซียวจิ้งยี่ถลกหนังแน่!

การแทะโลม กับสวมเขาให้เซียวยวี่อย่างแท้จริง มันเป็นคนละเรื่องกัน

หลัวไห่ตี้ถลึงตาใส่เซียวเฉิงซานทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลน “เจ้าก็เป็นชายชาตรี ดูเจ้าสิมีความกล้าแค่นี้! “

เซียวเฉิงซานกล่าวด้วยท่าทางจนใจ “เซียวจิ้งยี่ให้ความสำคัญกับคนเรียนหนังสือเป็นที่สุด เซียวยวี่เป็นคนที่เขาชื่นชมมาก ข้าขอพูดคำพูดที่ไม่น่าฟัง หากข้าสวมเขาให้เซียวยวี่ อย่าว่าแต่เซียวจิ้งยี่จะถลกหนังข้าเลย อาจควักหัวใจข้าออกมากินด้วยซ้ำ! “

หากกล่าวถึงสิ่งที่เซียวเฉิงซานกลัว ก็มีเพียงเซียวจิ้งยี่เท่านั้น

เซียวจิ้งยี่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ปกติเซียวเฉิงซานหลอกลวงคดโกงบ้าง เซียวจิ้งยี่เห็นแก่หน้าบิดามารดาของเขาที่ตายไป ขอเพียงไม่ทำเกินเหตุ เขาก็จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่

แต่การลักลอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภรรยาผู้อื่นนั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง!

ทั้งยังมีอะไรกับภรรยาของคนที่เซียวจิ้งยี่ให้ความสำคัญมากที่สุดด้วย!

เซียวเฉิงซานไม่กล้า ต่อให้ถลกหนังเขาก็ไม่กล้า!