เซียวเฉิงซานกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ใจ “เจ้าก็ได้แต่พูดเท่านั้น หากทำจริง ระวังเจ้าจะโดนถลกหนัง”
หลัวไห่ตี้ส่งเสียงเย็นในลำคอ “เจ้าลองดูหมู่บ้านของเจ้า แล้วดูหมู่บ้านของข้า มีใครมีหน้าตาเทียบรูปโฉมของเซี่ยยวี่หลัวได้บ้าง? “
เซียวเฉิงซานพูดโพล่งออกมา “จะมีได้อย่างไร! “
รูปโฉมของเซี่ยยวี่หลัว อย่าว่าแต่ในหมู่บ้านเลย ต่อให้เป็นทั้งเมืองโยวหลัน ก็ถือว่าโดดเด่นที่สุด! แม่คนนั้น เหตุใดถึงงดงามนัก
งดงามจนสามารถสะกดวิญญาณของผู้อื่นได้
“เจ้าไม่ลองดูรูปโฉมนั่น แล้วดูรูปร่างนั่น เซียวเฉิงซาน เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้าไม่เคยคิดมาก่อน! ” หลัวไห่ตี้กล่าวด้วยท่าทีเย้าหยอก “หมู่บ้านสกุลเซียวของพวกเจ้า มีสตรีรูปงามร่างบอบบางเช่นนี้ เจ้าไม่เคยคิดอะไรเลย? “
เซียวเฉิงซานเบ้ปาก “ต่อให้คิดแล้วจะทำอะไรได้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องไม่มีทางได้กิน ต่อให้ได้กินก็มีแต่ปัญหา! เรื่องนี้หากให้เซียวยวี่รู้เข้า ต้องฆ่าพวกเราแน่”
ต่างก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ต่างก็แซ่เซียวเหมือนกัน เซียวเฉิงซานย่อมไม่มีความกล้าเหมือนหลัวไห่ตี้ที่เป็นคนจากหมู่บ้านอื่น
หากถึงเวลาเซี่ยยวี่หลัวพูดออกมา เขาต้องถูกหัวหน้าหมู่บ้านไล่ออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวแน่!
เมื่อเห็นท่าทางไม่เอาไหนของเซียวเฉิงซาน หลัวไห่ตี้หัวเราะเยาะอย่างเย็นเยียบ “ดูท่าทางอ่อนหัดของเจ้าสิ แค่ผู้หญิงยังเอาไม่อยู่! “
หลัวไห่ตี้เคยคบชู้กับหญิงครองเรือนมาก่อน ย่อมรู้ว่าควรปิดปากผู้หญิงอย่างไร!
“เจ้ากังวลอะไร? เซี่ยยวี่หลัวนั่นเป็นสตรีที่มีสามีแล้ว หากถูกพวกเราบังคับขืนใจ เจ้าคิดว่านางจะกล้าบอกเซียวยวี่หรือ? หากเซียวยวี่รู้เข้า ต้องหย่ากับนางแน่ นอกจากนั้น หากผู้หญิงไม่มีชื่อเสียงอันบริสุทธิ์แล้ว นางก็ต้องกระโดดน้ำฆ่าตัวตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ? ดังนั้น หากนางยังอยากใช้ชีวิตอยู่เหมือนเดิม ก็ต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หากกล้าพูดออกมาแม้แต่น้อย นางก็จะไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขอีก! “
หญิงครองเรือนนั้นต่างกับหญิงหม้าย อย่างไรเสียหญิงหม้ายก็เป็นคนที่สามีตายไปแล้ว ต่อให้แอบคบกัน ก็แค่คบกัน ต่างเพียงตอบสนองความต้องการของตนเองเท่านั้น
แต่หญิงครองเรือนนั้นต่างกัน
หญิงครองเรือนลักลอบคบชู้ ขอเพียงเขาได้มาไว้ในกำมือ คิดจะดิ้นให้หลุด ก็ไม่ง่ายถึงเพียงนั้นแล้ว
อย่างไรเสีย เขาเป็นผู้ชาย จะสนใจเรื่องชื่อเสียงไปทำไม คนที่ไม่มีอะไรให้เสียย่อมไม่กลัวคนที่ต้องคอยปกป้องชื่อเสียง
ขณะนี้เขายังไม่แต่งงาน หากหญิงครองเรือนกล่าวเรื่องนี้ออกไป อย่างมากเขาก็โดนตำหนิและโดนตี ทว่าหญิงครองเรือนไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น สถานเบาก็โดนหย่าและกลับบ้านเดิม สถานหนักคือไม่มีหน้าจะอยู่ต่อ ให้โดนผู้คนครหาจนอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด
ดังนั้น หญิงครองเรือนที่หลัวไห่ตี้คบชู้ด้วยในเวลานี้ ไม่เพียงแต่ทำตามความต้องการของเขา ทั้งยังต้องเชื่อฟังเขา ด้วยกลัวว่าเขาจะป่าวประกาศเรื่องระหว่างนางกับเขาออกไป เหมือนแมวเชื่องตัวหนึ่งก็มิปาน
ถึงอย่างไรเซียวเฉิงซานก็ไม่มีประสบการณ์มากอย่างหลัวไห่ตี้ เพียงฟังหลัวไห่ตี้เล่าอย่างออกรส “ข้าจะบอกให้ สตรีย่อมไม่อาจแยกจากบุรุษไปได้ เจ้าลองคิดดู เซียวยวี่ไปสองเดือนกว่าแล้ว ดึกดื่นค่ำคืนนางจะไม่คิดถึงบุรุษหรือ? นอกจากนั้น หากเราแอบจัดการนางเสีย นางมีหรือจะป่าวประกาศเรื่องนี้ด้วยตัวเอง? เจ้าคิดดูหากนางพูดเรื่องนี้ เซียวยวี่ยังจะเลือกนางอยู่หรือ? เหมือนรองเท้าขาด เดินไปที่ใดก็ต้องจมน้ำลายคนอื่นจนตาย พวกเราไม่พูด เจ้าว่านางจะพูดเองหรือไม่? “
เซียวเฉิงซานเข้าใจทันที “เช่นนั้นคนที่อยู่ข้างในเมื่อครู่นี้…”
เมื่อกล่าวถึงหญิงครองเรือนที่อยู่ด้านใน หลัวไห่ตี้ก็แสดงสีหน้าภาคภูมิใจ
“เป็นหญิงครองเรือนคนหนึ่งในหมู่บ้านข้า สามีของนางเป็นช่างไม้ มักไม่อยู่บ้านเป็นประจำ ข้าเพียงช่วยหาบน้ำให้นางสองวัน เคยซื้อขนมและผ้าเช็ดหน้าให้นางอยู่หลายหน แค่บุญคุณเล็กน้อยเหล่านี้ ข้าก็ได้ตัวนางมาแล้ว อย่างไรเสียก็เป็นการสมยอม ต่อไปหากข้าไม่อยากสวมเสื้อเก่าขาดนี่แล้ว ค่อยเปลี่ยนตัวใหม่ก็ได้ เจ้าว่าถูกหรือไม่? “
เซียวเฉิงซานผงะไป “พี่หลัว เจ้า… เจ้าเก่งกาจเกินไปแล้ว! หญิงครองเรือนเจ้ายังจัดการได้! “
“ไม่เข้าถ้ำเสือใดเลยจะได้ลูกเสืออย่างไร เวลานี้จับเสือได้แล้วก็กลายเป็นกระต่าย เนื้อที่ทิ้งออกไปก่อนหน้านี้เพื่อใช้หลอกล่อ ก็ได้คืนมานานแล้ว ขอเพียงข้าต้องการ นางก็ต้องเปลื้องผ้าขึ้นไปรอข้าบนเตียงอย่างว่าง่าย หากข้าขาดเงิน…” หลัวไห่ตี้ยื่นมือออกมา ใช้นิ้วมือถูกันไปมา แสดงท่าทางการจับเงิน “ข้าอยากได้เท่าไร ขอเพียงนางมี นางก็ต้องส่งมาให้ข้าแต่โดยดี! “
เซียวเฉิงซานรู้สึกอิจฉาจนแทบทนไม่ไหว “พี่หลัว เจ้าช่างร้ายกาจนัก”
หลัวไห่ตี้ดื่มมากไปหน่อย ดวงตาจึงแดงก่ำ เมื่อคุยโวโอ้อวดถึงวีรกรรมของตนเอง ก็ภาคภูมิใจยิ่งนัก “หญิงที่เพิ่งออกเรือนและยังไม่เคยมีบุตร ดีกว่าพวกหญิงหม้ายมากนัก ทั้งแน่นทั้งมีความยืดหยุ่น แล้วยังอ่อนเยาว์ด้วย! หากมีรูปลักษณ์เหมือนเซี่ยยวี่หลัวอีก…”
หลัวไห่ตี้หรี่ตา เหมือนจะจินตนาการถึงท่าทางของหญิงรูปงามเช่นนั้นนอนอยู่ใต้ร่างตัวเองพร้อมส่งเสียงร้องอย่างเป็นจังหวะ แสดงสีหน้าพึงพอใจ “ต่อให้ข้าต้องตายเร็วขึ้นอีกสิบปีก็ยอม! “
เซียวเฉิงซานยังคงลังเลเล็กน้อย “ข้าเกรงว่าภรรยาเซียวยวี่จะจัดการไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น! “
หลัวไห่ตี้กลับมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม “กลัวอะไร? เจ้าวางใจได้ ข้าแค่ขอหลบอยู่บ้านเจ้าสักสองวัน รอให้มีโอกาส ข้าจะพาเจ้าไปกินเนื้อด้วยกัน หากเกิดเรื่องจริง ข้าจะแบกรับไว้คนเดียว ไม่สาวไปถึงเจ้าแน่นอน เจ้าว่าเป็นอย่างไร? “
กินเนื้อ ย่อมไม่ใช่แค่การกินเนื้อเฉยๆ !
เซียวเฉิงซานดวงตาลุกวาว “เจ้าพูดจริง? “
หลัวไห่ตี้ตบอกพร้อมกล่าว “ข้าเคยพูดไม่จริงตั้งแต่เมื่อไรกัน! “
ในห้วงความคิดเซียวเฉิงซานคิดถึงรูปลักษณ์ของเซี่ยยวี่หลัว ก่อนตอบตกลงทันที “ได้! ตกลงตามนี้! “
บุรุษสองคนตกลงเรื่องนี้กันเสร็จสรรพ จึงคุยกันถึงช่วงเวลาที่จะลงมือ เซียวเฉิงซานกล่าว “เรื่องนี้ต้องลงมือเร็วหน่อย เซียวยวี่สอบเสร็จช่วงเดือนห้า ประมาณกลางเดือนห้าก็น่าจะกลับถึงบ้านแล้ว! “
หลัวไห่ตี้หัวเราะอย่างชั่วร้าย “ใจร้อนจะไม่ได้กินเต้าหู้ร้อน เรื่องนี้เราต้องวางแผนในระยะยาว! เซียวยวี่กลับมาแล้วอย่างไร ขอเพียงมีโอกาส เราก็จัดการเซี่ยยวี่หลัวบนเตียงของเขาได้เหมือนกัน! จะสวมเขาให้แน่นเลย! “
เซียวเฉิงซานรู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่าน พูดย้ำว่าจะฟังหลัวไห่ตี้ทุกอย่าง
บุรุษสองคน เจ้าหนึ่งถ้วยข้าหนึ่งถ้วย ดื่มจนเมามาย วาจาที่เอ่ยออกมามีแต่ถ้อยคำสกปรกโสมม แค่ฟังก็อยากอาเจียน
หญิงครองเรือนอายุน้อยที่หลบอยู่ด้านในตลอดไม่ได้ออกมา คอยเช็ดคราบน้ำตาอยู่ตลอด ได้ฟังบุรุษด้านนอกเอ่ยวาจาสกปรกเต็มปากพร้อมวางแผนคิดร้ายผู้อื่น ก็แค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เมื่อก่อนตนเองเคยโดนหลัวไห่ตี้วางแผนคิดร้าย หลงผิดเดินตามแผนของหลัวไห่ตี้จนไม่อาจถอนตัวได้ ก็เศร้าเสียใจอย่างหนัก นึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดเสีย