เล่มที่ 4 บทที่ 116 หัวรั้นโง่เขลา

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซี่ยยวี่หลัวเก็บผักตี้เอ่อเสร็จ ก็ก้มหน้าเขียนซีโหยวจี้อยู่ที่บ้าน เมื่อมีเวลาว่างก็จัดการสวนหลังบ้าน ขึ้นเขาไปจับปลามาจำนวนหนึ่งเป็นครั้งคราว นำมาเลี้ยงบ้างนำมากินบ้าง ไม่ก็ขุดดอกไม้ป่ากลับมาสองต้นเพื่อปลูกไว้ในสวนหลังบ้าน

นางย้ายต้นเก๋ากี้สองต้นบนเขากลับมา เอาใจใส่ดูแลรักษาจนแตกใบอ่อนออกมาไม่น้อย น่าจะเคลื่อนย้ายสำเร็จแล้ว

ในภายหลังเห็นกุหลาบเลื้อยที่เลื้อยขึ้นสูงจำนวนไม่น้อยอยู่บนเขา ช่วงนี้เพิ่งถึงเดือนสี่ มีกิ่งก้านและใบหนาแน่น กุหลาบเลื้อยนั้นเคลื่อนย้ายง่ายมาก เซี่ยยวี่หลัวขุดต้นดอกกุหลาบเลื้อยกลับมาทั้งราก จากนั้นจึงตัดกิ่งจากช่วงโคนต้นที่หนาและแข็งแรงออกมาปักชำ ช่วงเดือนสี่อากาศอบอุ่น เมื่อปักชำกิ่งดอกกุหลาบเลื้อยลงไปในดิน ใช้เวลาเพียงสามถึงสี่วันก็มีใบไม้สีเขียวมรกตงอกขึ้นมา เซี่ยยวี่หลัวปลูกเป็นแถวตามแนวกำแพง

รออีกสักสองถึงสามปี กำแพงสวนหลังบ้าน จะมีดอกกุหลาบเลื้อยเลื้อยขึ้นเต็มกำแพง เมื่อถึงเวลา ที่นี่จะกลายเป็นสวรรค์บนดินที่แท้จริง!

ต้นกล้าผักที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้เติบโตจนสูงขึ้นไม่น้อย รดน้ำใส่ปุ๋ยเป็นประจำ รอให้ถึงฤดูร้อน ก็จะมีผักเยอะจนกินไม่หมด

ใช้เวลานานหลายวัน ก็เขียนซีโหยวจี้เสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือนางยังคงเขียนต่อ แต่ครึ่งเล่มนี้ เซี่ยยวี่หลัวคิดจะไปหาร้านหนังสือที่เหมาะสมให้พิมพ์ออกมาขาย

เพิ่งวางแผนว่าวันรุ่งขึ้นจะเข้าไปในตัวเมือง ทว่าหาใช่เช่นนั้นไม่ อากาศเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ฝนตกหนัก ตกอย่างต่อเนื่องมาสองวันสองคืน เซี่ยยวี่หลัวออกบ้านไม่ได้ เมื่อฝนหยุดตก ผู้คนทั้งหมู่บ้านต่างพาคนในครอบครัวหิ้วตะกร้าไปเก็บผักตี้เอ่อในท้องนาอีกครั้ง

หน้าบ้านเซี่ยยวี่หลัวมีพื้นหญ้าสีเขียวอยู่ไม่น้อย เมื่อฝนตก บนพื้นหญ้าก็มีผักตี้เอ่อขึ้นมาเป็นจำนวนมาก

เซี่ยยวี่หลัวเห็นดังนั้น รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องรับซื้อผักตี้เอ่อในหมู่บ้านอีกครั้ง จึงไม่ได้ไปตัวเมือง หิ้วตะกร้าพาเด็กสองคนไปเก็บผักตี้เอ่อในท้องนา

ท่านป้าสี่หิ้วตะกร้าไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ เมื่อเห็นคนจำนวนมากต่างพากันไปเก็บผักตี้เอ่อ ก็รีบร้อนจนทนไม่ไหว ซักผ้าอย่างขอไปทีก็รีบกลับบ้าน ลากท่านลุงสี่ไปเก็บผักตี้เอ่อพร้อมนาง

ท่านลุงสี่ได้ยินว่าผักตี้เอ่อนี้ขายได้เงินไม่น้อย จึงรีบไปตระเตรียมข้าวของ

ท่านป้าสี่ไปหาเซียวหมิงจู

มีคนเพิ่มหนึ่งคนก็มีแรงเพิ่มขึ้น หากในท้องนามีผักตี้เอ่อจำนวนมาก ก็สามารถเก็บได้คนละหนึ่งตะกร้าเชียว หนึ่งตะกร้ามีห้าถึงหกจิน จินละสามอิแปะ คำนวณแล้ว วันหนึ่งจะหาเงินได้สามสิบกว่าอิแปะ!

ท่านป้าสี่มาถึงหน้าห้องเซียวหมิงจูอย่างรีบร้อน ด้วยความรีบเร่ง จึงผลักเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า

เซียวหมิงจูกำลังง่วนกับงานในมือ ไม่เงยหน้าด้วยซ้ำ เพียงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ท่านแม่ ท่านเข้าห้องข้าเหตุใดถึงไม่เคาะประตูก่อนเจ้าคะ? “

ท่านป้าสี่กล่าวด้วยความรีบร้อน “เจ้าเป็นบุตรสาวของข้า ข้าเข้าห้องเจ้าจะเคาะประตูไปทำไม? “

นางกล่าวจบก็เดินขึ้นหน้ามาดูว่าเซียวหมิงจูกำลังทำอะไรอยู่

เมื่อเห็นรูปแบบลวดลายในมือนาง ล้วนเป็นลายที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “หมิงจู พวกนี้มันของอะไรกัน! “

เซียวหมิงจูกล่าว “ท่านแม่ ของพวกนั้นเป็นผ้าชั้นดี ท่านอย่าแตะต้องเชียว หากเสียหายข้าต้องชดใช้นะเจ้าคะ! “

ท่านป้าสี่ได้ยินดังนั้น จึงรีบชักมือกลับ

เนื้อผ้าของผ้าเช็ดหน้าเหล่านั้นสะท้อนแสงได้ ไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้าเนื้อผ้าหยาบเหมือนที่พวกเขาใช้ตามปกติ บนมือนางมีผิวด้านและมีเงี่ยงไม่น้อย หากสัมผัสผ้าเงางามเหล่านี้ ต้องเกิดความเสียหายแน่นอน

ท่านป้าสี่รู้สึกประหลาดใจนัก “แล้วเจ้ากำลังปักอะไร? ผ้าเช็ดหน้าหรือ? “

เซียวหมิงจูพยักหน้า “เจ้าค่ะ ท่านแม่ ข้าจะบอกให้ ขณะนี้ข้ากำลังปักผ้าเช็ดหน้าให้ฮวาหม่านยี ข้าไม่ต้องออกค่าวัตถุดิบ ปักผ้าเช็ดหน้าเสร็จหนึ่งผืนข้าจะได้เงินห้าอิแปะ ไม่ต้องเสียอะไรเลยเจ้าค่ะ! “

ท่านป้าสี่ได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจ “เราไม่ต้องเสียค่าอะไรเลย แถมเขายังให้เราห้าอิแปะด้วย? “

เซียวหมิงจูพยักหน้า “ระยะนี้ฮวาหม่านยีได้แบบลวดลายของผ้าเช็ดหน้ามา ขายดีจนขาดตลาด ใครๆ ก็อยากได้ ฮวาหม่านยีบอกว่าฝีมือการปักของข้าดี ให้ข้าเป็นช่างปักของฮวาหม่านยี ขอเพียงปักได้ดี ข้าปักกี่ผืนก็จะรับทั้งหมด เวลานี้ขอเพียงข้าปักได้ ไม่ว่าจะกี่ผืนก็ล้วนขายได้เจ้าค่ะ! “

เมื่อท่านป้าสี่ได้ยินว่าบุตรสาวของตนเองเก่งกาจถึงเพียงนี้ ก็ดีใจเสียยิ่งกว่ากระไร “เนื้อผ้านี่เงางามถึงเพียงนี้ อย่าให้มือหยาบเชียว ผ้าเช็ดหน้านี้ผืนหนึ่งก็ได้ห้าอิแปะ วันหนึ่งปักได้หลายผืน ข้าปักไม่เป็น หากปักเป็นข้าคงปักกับเจ้าแล้ว”

เซียวหมิงจูแย้มรอยยิ้ม มือก็ยังปักไม่หยุด

ท่านป้าสี่เห็นบุตรสาวตนเองรู้ความถึงเพียงนี้ ก็รู้สึกยินดียิ่ง “เช่นนั้นเจ้าก็อย่าเอาแต่นั่งอย่างเดียว ลุกขึ้นมาเดินบ้าง อย่าให้ตัวเองเหนื่อยเกินไป เข้าใจหรือไม่? “

ท่านป้าสี่เริ่มบ่นไม่หยุดอีก เซียวหมิงจูเพียงแย้มรอยยิ้ม มือก็ปักไปโดยไม่หยุดแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

“แม่หมิงจู เราไปกันได้แล้ว…”

ท่านป้าสี่รินน้ำให้เซียวหมิงจูถ้วยหนึ่ง ก่อนจะออกไปอย่างพึงพอใจ

เมื่อออกไป ท่านลุงสี่เห็นภรรยาตนเองยิ้มอย่างเบิกบานใจ จึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “แม่หมิงจู เจ้ายิ้มอะไร? “

ท่านป้าสี่เดินตาม เดินไปพลางกล่าวไปพลาง ท่านลุงสี่ได้ฟังก็รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก “ลูกสาวเราเก่งกาจถึงเพียงนี้เชียว? “

ท่านป้าสี่ยิ้มพร้อมกล่าวอย่างได้ใจ “ใช่น่ะสิ เจ้าก็ไม่ดูเสียบ้าง ว่าหมิงจูเป็นลูกใคร! “

พ่อแม่คนไหนบ้างไม่คาดหวังให้ลูกตัวเองมีความสามารถเก่งกาจ ฮวาหม่านยีเป็นร้านขายผ้าอันดับต้นๆ ในตัวเมืองเชียว คนเขาเจาะจงต้องการให้บุตรสาวตนเองช่วยพวกเขาปักผ้าเช็ดหน้า นี่ถือเป็นเรื่องดีอย่างใหญ่หลวง

“หมิงจูของเราหน้าตาก็ดี ทั้งยังมีความสามารถเก่งกาจ ในหมู่บ้านละแวกนี้ ในบรรดาหญิงโสดหญิงครองเรือนที่พวกเรารู้จัก มีใครเทียบกับหมิงจูของเราได้บ้าง! ” ท่านป้าสี่กล่าวอย่างได้ใจ

ท่านลุงสี่ก็หัวเราะร่าอย่างมีความสุข “นั่นน่ะสิ ใครจะเทียบกับลูกสาวเราได้! รอให้ถึงปีหน้า ธรณีประตูบ้านเราต้องถูกคนเหยียบไปมาจนพังเป็นแน่! “

จู่ๆ รอยยิ้มตรงมุมปากท่านป้าสี่พลันแข็งทื่อ

ท่านลุงสี่ไม่ทันเห็นสีหน้าภรรยาของตนเอง เพียงกล่าวต่อ “เจ้าว่าหมิงจูของเราหน้าตาก็ดี นิสัยก็ดี ทั้งยังมีฝีมือเย็บปักหาเงินได้ ไม่รู้ว่าต่อไปเจ้าหนุ่มคนไหนจะได้นางไปครอง! “

บุตรสาวแสนดีที่ตนเองเลี้ยงดูมาสิบกว่าปี พอคิดว่าต่อไปจะโดนบุรุษคนหนึ่งพาตัวไป ท่านลุงสี่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเศร้า

ในห้วงภวังค์ของท่านป้าสี่นึกถึงเซียวยวี่ขึ้นมา

นางไม่พึงพอใจเซียวยวี่เป็นอย่างมาก

แต่ใครให้บุตรสาวของนางชอบเซียวยวี่เล่า!

แม้กระนั้น เซียวยวี่ก็อย่าฝันว่าจะได้แต่งกับบุตรสาวของนางเลย เซียวยวี่จะคู่ควรกับบุตรสาวของนางได้อย่างไร!

ท่านป้าสี่มีความคิดเช่นนี้ ตัดสินใจเด็ดขาด ว่าจะหาคนดีๆ ให้บุตรสาวของตัวเอง

ต้องไม่ใช่คนอย่างเซียวยวี่!