ฝนตกติดต่อกันสองวันสองคืน ผักตี้เอ่ออิ่มน้ำอีกครั้ง สะท้อนแสงวิบวับ คนจำนวนไม่น้อยต่างไปเก็บผักตี้เอ่อตามท้องนาแล้ว เซียวเหลียงก็ส่งท่านปู่เซียวกลับหมู่บ้านสกุลเซียว
เถียนเอ๋อเก็บผักตี้เอ่อในละแวกหมู่บ้าน เห็นรถม้ามาแต่ไกล รู้ว่านั่นเป็นรถม้าของเซียวเหลียง จึงรีบวิ่งไปยังบ้านของท่านปู่เซียว
รถม้าของเซียวเหลียงจอดอยู่หน้าบ้านจริงๆ ประตูใหญ่เปิดอยู่ เซียวเหลียงกำลังขนของลง ส่งข้าวสาร แป้ง และข้าวของอื่นๆ มา
“พี่เซียวเหลียง กลับมาแล้วงั้นหรือ? ” เถียนเอ๋อเดินขึ้นหน้าไปทักทายอย่างเป็นกันเอง
เซียวเหลียงเห็นว่าเป็นเถียนเอ๋อ ก็กล่าวทักทาย “น้องสะใภ้เองหรือ เมื่อวานเย็นท่านพ่อข้าบอกว่าจะกลับมารับซื้อผักตี้เอ่อ วันนี้ฟ้าโปร่งพอดี ข้าจึงส่งท่านพ่อกลับมา”
เถียนเอ๋อยกตะกร้าในมือตนเอง ยิ้มพร้อมกล่าว “พอฝนตก ผักตี้เอ่อก็ขึ้นมา ท่านดูสิ ข้าเพิ่งเก็บไประยะหนึ่งในช่วงเช้า ก็เก็บได้มากขนาดนี้แล้ว”
เซียวเหลียงเพียงยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไร ขนย้ายของต่อ
เถียนเอ๋อยังไม่ไป เดินขึ้นหน้าอีกหลายก้าว ยิ้มพร้อมกล่าว “พี่เซียวเหลียง ข้ามีเรื่องอยากรบกวนท่าน”
“รบกวนไม่รบกวนอะไรกัน น้องสะใภ้มีเรื่องอะไรก็พูดมาได้เลย หากข้าช่วยได้ต้องช่วยแน่นอน! ” เซียวเหลียงเป็นคนซื่อตรง เมื่อได้ยินว่าคนในหมู่บ้านมีเรื่องขอร้องตนเอง ย่อมตอบตกลงทันที
เถียนเอ๋อเห็นดังนั้นจึงยิ้ม “จะว่าไป ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ท่านพยักหน้าก็พอแล้ว คือว่า ข้าอยากช่วยท่านอาเซียวรับซื้อผักตี้เอ่อ ภรรยาเซียวยวี่นั่น รูปร่างบอบบาง จะทำงานอย่างทะมัดทะแมงเหมือนข้าได้อย่างไร ข้าเห็นว่าครั้งก่อนงานหนักมีแต่ท่านอาเซียวเป็นคนทำ ไม่สู้ให้ข้ากับเซียวจินมาช่วย ท่านอาเซียวจะได้สบายขึ้น ท่านเองก็วางใจได้ ถูกไหม? “
ที่แท้จะมาหางานทำ
เซียวเหลียงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “เรื่องนี้ เกรงว่าจะทำไม่ได้! “
เถียนเอ๋อ “มีอะไรทำไม่ได้กัน ครั้งก่อนท่านอาเซียวให้พวกภรรยาเซียวยวี่มาช่วย ครั้งนี้น่าจะยังไม่ได้ไปบอกพวกเขานี่ ให้ใครช่วยก็เหมือนกัน ให้พวกเราช่วยก็เสียเงินเท่ากัน จะช่วยงานได้มากกว่าด้วย มีอะไรไม่ดี”
เซียวเหลียงรู้สึกลำบากใจมาก
ถึงอย่างไรผักตี้เอ่อนั่นพวกเขาก็ไม่ใช่คนรับซื้อ ภรรยาเซียวยวี่ต่างหากที่รับซื้อ
แต่เรื่องนี้ก็พูดออกมาไม่ได้
เมื่อเห็นเซียวเหลียงลังเล เถียนเอ๋อจึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่เซียวเหลียง เรื่องนี้ตัดสินใจยากงั้นหรือ? ท่านวางใจ ข้ากับสามีจะช่วยรับแค่ครั้งนี้ หาเงินแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็พอแล้ว”
คราวนี้เซียวเหลียงปฏิเสธโดยตรง “ขอโทษด้วยน้องสะใภ้ เรื่องนี้เราคุยกับภรรยาเซียวยวี่ไว้แล้ว เรื่องรับผักตี้เอ่อจะให้พวกเขามาช่วยงาน เรื่องนี้ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ “
กล่าวจบ ก็ไม่สนใจเถียนเอ๋ออีก ไปขนย้ายข้าวของต่อ ไม่ว่าเถียนเอ๋อจะกล่าวอะไร เขาก็ไม่ปริปากอีกแม้แต่คำเดียว
“พี่เซียวเหลียง พวกเราล้วนทำงานได้ เหตุใดท่านไม่ให้พวกเราทำ? กลับต้องให้เซี่ยยวี่หลัวนั่นทำ เซี่ยยวี่หลัวนอกจากหน้าตาดี ยังทำอะไรเป็นอีก? ” สุดท้ายเถียนเอ๋อโมโหเดือดดาล จึงโวยวายเสียงดัง
เซียวเหลียงเพียงทำหูทวนลม ไม่สนใจนาง
เถียนเอ๋อโมโหจนทนไม่ไหว หิ้วตะกร้าไปทันที เดินไปไกลแล้วยังได้ยินเสียงก่นด่าของนางดังแว่วมา “เซี่ยยวี่หลัวที่มีดีแต่หน้าตาจะทำอะไรได้ มีแค่ใบหน้าที่ดูดี นางจะช่วยอะไรได้? ถุย คนใจคด ใครจะรู้ว่าแอบวางแผนอะไรลับหลัง! “
เซียวเหลียงเป็นคนซื่อตรง ถือว่าดี ได้ยินก็ทำหูทวนลม ท่านปู่เซียวเดินออกมาจากด้านใน ได้ยินเสียงก่นด่าของเถียนเอ๋อดังแว่วมาแต่ไกล เขาเคาะกล้องยาสูบทีหนึ่ง “ภรรยาเซียวจินเคยมางั้นหรือ? ”
เซียวเหลียงพยักหน้า “ใช่ นางเคยมา”
“นางมาทำไม? ” เรื่องครั้งก่อนวุ่นวายจนผู้คนรู้กันทั่ว เรื่องที่เถียนเอ๋อบอกว่าขาของหลัวซื่อถูกเซี่ยยวี่หลัวตีจนหัก ในภายหลังนางใส่ความไม่สำเร็จทั้งยังรับผลกรรมเอง ตัวนางและหลัวซื่อถูกขังให้สำนึกผิดอยู่ในศาลบรรพชน เรื่องนี้ผู้คนรู้กันทั่วทั้งหมู่บ้าน
ท่านปู่เซียวไม่ชอบคนที่อยู่ดีไม่ว่าดีคอยแต่จะหาเรื่องเป็นที่สุด ครั้งก่อนเขาก็รู้สึกขัดหูขัดตาแล้ว เดิมทีไม่อยากรับซื้อผักตี้เอ่อของเถียนเอ๋อ แต่ตัวภรรยาเซียวยวี่เองยังไม่ว่าอะไร เขาจึงไม่ได้กล่าว
เซียวเหลียงบอกจุดประสงค์ที่เถียนเอ๋อมา ท่านปู่เซียวโมโหยิ่งนัก “หน็อยแน่ จิตใจภรรยาเซียวจินช่างชั่วร้ายนัก ครั้งก่อนภรรยาเซียวยวี่ปล่อยนางไป นางยังไม่รู้จักสำนึกผิด ยังจะมาหาเรื่องที่นี่อีก”
เซียวเหลียงรู้ว่าบิดาตนเองเป็นคนโมโหร้าย จึงหัวเราะทีหนึ่ง “ช่างเถอะ เราไม่ต้องสนใจนาง”
ท่านปู่เซียวส่งเสียงเย็นในลำคอทีหนึ่ง
เถียนเอ๋อกลับไปในท้องนาด้วยอารมณ์หงุดหงิด ยิ่งคิดยิ่งโมโห จะปล่อยเซี่ยยวี่หลัวไปทั้งอย่างนี้ได้อย่างไร เมื่อพบเห็นหญิงชาวบ้านที่ปกติสนิทกับตนเองก็บอกว่าเซี่ยยวี่หลัวมีดีแค่หน้าตา ดูดีแต่ใช้การไม่ได้ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เหตุใดท่านปู่เซียวถึงต้องให้เซี่ยยวี่หลัวไปช่วยรับซื้อผักตี้เอ่อ
“ต้าหมิน บ้านข้าเห็นกับตาว่าเซียวจื่อเซวียนมักจะออกมาจากบ้านพ่อเซียวเหลียง ใครจะรู้ว่าเขาเข้าไปทำอะไร! บางทีเขาอาจจะไปส่งข่าวอะไรก็เป็นได้! ” เถียนเอ๋อกล่าวอย่างเป็นนัย
เมื่อหญิงชาวบ้านที่สนิทกับเถียนเอ๋อได้ฟังดังนั้น ก็กล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ภรรยาเซียวยวี่กับพ่อเซียวเหลียง? ไม่น่าจะเป็นไปได้กระมัง? ”
“เหตุไรจะเป็นไปไม่ได้? ต้าหมินของข้าเห็นกับตา บอกว่าเซียวจื่อเซวียนเข้าออกบ้านพ่อเซียวเหลียง ทั้งยังยกข้าวไปให้พ่อเซียวเหลียงกิน เอาใจประจบทั้งที่ไม่มีเหตุ ย่อมมีใจคิดไม่ซื่อ นางจิ้งจอกเซี่ยยวี่หลัวนั่นนอกจากหลอกล่อบุรุษ ยังจะทำอะไรเป็นอีก! ” เถียนเอ๋อแพร่ข่าวลือต่อ
นางกล่าวเสียสมจริง คนจำนวนไม่น้อยฟังแล้วจึงเชื่อ อย่างไรเสียเซี่ยยวี่หลัวนั่นก็หน้าตาดีเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเซียวยวี่ก็ไม่ดีนัก สตรีอาศัยหน้าตาที่ดูงดงาม คิดจะโยกย้ายโบยบินขึ้นกิ่งที่อยู่สูง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เถียนเอ๋อกล่าวเสียงดัง ทั้งยังกล่าวอย่างโผงผางไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ไม่ทันเห็นเลยว่า มีคนร่างเล็กคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังนาง กำลังสะกดเพลิงโทสะที่ลุกโชนอย่างสุดความสามารถ เมื่อเผชิญกับเรื่องที่พี่สะใภ้ใหญ่ถูกคนอื่นกล่าววาจาให้ร้าย เซียวจื่อเซวียนก็เหมือนดั่งคันธนูที่ถูกง้างจนสุด แทบอยากปล่อยลูกธนูให้พุ่งทะลุร่างเถียนเอ๋อที่อยู่ตรงหน้า
“ข้าว่าเซี่ยยวี่หลัวนั่น ต้องเป็นนางจิ้งจอกแน่ ล่อลวงให้ท่าบุรุษทุกประเภท ตั้งแต่คนแก่อายุห้าสิบหกสิบ จนถึงชายหนุ่มอย่างเซียวยวี่ บุรุษเหล่านั้น ไม่มีผู้ไหนเลยจะหนีใบหน้านางจิ้งจอกอย่างเซี่ยยวี่หลัวไปได้ ข้าเห็นนางไปในตัวเมืองบ่อยๆ คงไม่ใช่ไปหาเซียวเหลียงกระมัง? ” เถียนเอ๋อกล่าววาจาเย้ยหยัน
“แม่ต้าหมิน พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าไม่มีความแค้นกับท่าน เหตุใดท่านต้องพูดจาให้ร้ายพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเช่นนี้ด้วย! ” เซียวจื่อเซวียนกำหมัดแน่น แค้นจนอยากพุ่งขึ้นหน้าไปฉีกปากของเถียนเอ๋อเสีย