เล่มที่ 4 บทที่ 118 อะไรคือเรื่องไม่ดีงาม

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

“ไอโย๊…” เถียนเอ๋อหันกลับมาเห็นว่าเป็นเซียวจื่อเซวียน ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย กลับพูดจาเยาะเย้ยถากถาง “ให้ร้าย? ข้าให้ร้ายพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าอย่างไร? พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ายุ่งแทบตายอยู่ทุกวัน แต่งตัวเสียงดงามเหมือนบุปผาผลิบาน จะไปทำอะไรได้เล่า? ได้ยินว่าไปในตัวเมืองใช่ไหม? ได้พาพวกเจ้าไปด้วยหรือไม่? พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าไปล่อลวงคนในตัวเมือง ทิ้งพวกเจ้าไว้ที่บ้านน่ะสิ! ”

เซี่ยยวี่หลัวเคยไปในตัวเมืองเพียงลำพังอยู่หลายครั้งจริงๆ เพราะตัวเมืองไม่ได้อยู่ใกล้หมู่บ้านสกุลเซียว เดินทางไปเดินทางมา พาเด็กสองคนไปด้วยไม่สะดวก ทั้งยังเหนื่อยด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น นางจะไปทำอะไรในตัวเมือง ก็จะบอกเซียวจื่อเซวียนไว้ล่วงหน้า!

“ท่านพูดจาเหลวไหล พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าไปในตัวเมืองเพราะมีธุระ! ” เซียวจื่อเซวียนตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราด

ขายผักตี้เอ่อ รับซื้อผักตี้เอ่อ หากไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า พวกเจ้าจะได้เงินมากขนาดนี้หรือไง?

เซียวจื่อเซวียนเกือบพูดโพล่งออกมา สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไร พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ให้พูด เขาก็จะไม่พูด

“มีธุระ? เป็นธุระหรือเรื่องไม่ดีงาม? หากเป็นเรื่องไม่ดีงาม ข้ายังเชื่อว่าเซี่ยยวี่หลัวน่าจะทำได้ ส่วนธุระ เจ้าฝันไปเถอะ พี่สะใภ้ใหญ่จะทำธุระอะไรได้? นอกจากแต่งหน้าเป็น ล่อลวงบุรุษเป็น ยังทำอะไรเป็นอีก? ”

เถียนเอ๋อเหน็บแนมถึงที่สุด “เซียวเหลียงรับซื้อผักตี้เอ่อ ทำไมไม่ให้คนอื่นช่วย แต่กลับให้พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าไปช่วย คงไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าเห็นว่าเซียวเหลียงหาเงินได้ ไม่ยินยอมจะใช้ชีวิตที่ยากจนข้นแค้น จึงบากหน้าไปขอเป็นอนุของเขากระมัง? ”

เซี่ยยวี่หลัวพาสองพี่น้องไปช่วยงานท่านปู่เซียว ทุกคนต่างก็เห็น

เซียวจื่อเซวียนได้ยินดังนั้น ในห้วงภวังค์เกิดเสียงระเบิดดังอื้ออึง เดิมทีเขาก็มีอารมณ์โมโหอยู่ในใจ ขณะนี้ได้ยินคนมาพูดจานินทาว่าร้ายต่อหน้า ก็โมโหจนตะคอกทันที “แม่ต้าหมิน อาหารสามารถกินส่งเดชได้ แต่วาจาจะกล่าวส่งเดชไม่ได้ พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเป็นคนปฏิบัติตัวตามทำนองคลองธรรม ข้าไม่ให้ท่านว่าร้ายนางเช่นนี้! ”

เซียวจื่อเมิ่งก็กำหมัดเล็ก กล่าวด้วยอารมณ์โมโห “ห้ามใส่ร้ายพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าเป็นคนดี”

“หึ เซียวเหลียงกำลังช่วยคนทั้งหมู่บ้านให้ร่ำรวยขึ้น พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้ากลับเอาแต่ประจบประแจงอย่างไม่มียางอาย เซียวจื่อเซวียน เจ้าอายุยังน้อย ไม่รู้ความ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าจึงให้เจ้าไปส่งข้าว? เจ้าช่วยพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าลักลอบคบชู้ เจ้าจะมองหน้าพี่ใหญ่ของเจ้าได้อย่างไร! ”

เซียวจื่อเมิ่งร้องไห้แล้ว “ฮือฮือ ข้าไม่ให้ท่านว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า”

เถียนเอ๋อส่งเสียงเย็นทีหนึ่ง “ข้าไม่พูด ก็มีคนอื่นพูด เซี่ยยวี่หลัวหน้าตาเหมือนนางจิ้งจอก ล่อลวงบุรุษไปทั่ว ได้ยินว่าระยะนี้บ้านเจ้าอาหารการกินไม่เลว รู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร? จื่อเซวียน ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้ถูกใบหน้านางจิ้งจอกของเซี่ยยวี่หลัวหลอกเอา อาหารดีๆ เหล่านั้นมาจากใดและได้มาอย่างไร ต้องถามให้ชัดเจน อย่าให้พี่ใหญ่ของเจ้าถูกสวมเขาแล้วยังไม่รู้ตัว! ”

เถียนเอ๋อกล่าวอย่างแยบยล

เหมือนกำลังเป็นห่วงเซียวยวี่และเซียวจื่อเซวียน แต่วาจาที่กล่าวออกมา ล้วนแต่เป็นการว่าร้ายเซี่ยยวี่หลัว

เซียวจื่อเซวียนกำหมัดแน่น ตะคอกเสียงแข็ง “ท่านพูดจาเหลวไหล พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น! พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าบริสุทธิ์”

เถียนเอ๋อกล่าวด้วยสีหน้าได้ใจ “พวกเจ้าสองพี่น้องช่วยพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าลักลอบคบชู้ เงินที่พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าใช้ร่างกายแลกมาก็เอามาทำอาหารดีๆ ให้พวกเจ้ากิน ไม่มีใครจะสนิทชิดเชื้อไปกว่าคนในครอบครัวเสียจริง! ”

“อ๊า… ” เซียวจื่อเซวียนโมโหจนจะพุ่งเข้าไปตีเถียนเอ๋อ “ใครให้ท่านว่าร้ายพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า…”

เซียวจื่อเซวียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาพุ่งเข้าใส่เถียนเอ๋อราวกับเป็นราชสีห์น้อยที่คลุ้มคลั่งก็มิปาน

เมื่อทุกคนเห็นเซียวจื่อเซวียนพุ่งมาเหมือนราชสีห์ตัวน้อย ต่างก็ตกใจ

เถียนเอ๋อแอ่นท้องไปด้านหน้า “มาเลย เจ้าชนเลย…”

เซียวจื่อเซวียนไม่ได้ชนใส่เถียนเอ๋อ กลับชนเข้ากับอ้อมกอดที่อบอุ่น เสียงเบาบางที่คุ้นเคยดังขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะได้กลิ่นหอมจางๆ ที่คุ้นเคยอย่างรวดเร็ว

พี่สะใภ้ใหญ่!

เซียวจื่อเซวียนเงยหน้าขึ้นดู ก็เห็นพี่สะใภ้ใหญ่กำลังแสดงสีหน้าเจ็บปวด

เมื่อครู่เขาออกแรงเยอะมาก ต้องชนจนพี่สะใภ้ใหญ่เจ็บแน่นอน

“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าชนจนท่านเจ็บหรือไม่ขอรับ? ” เซียวจื่อเซวียนรีบพยุงเซี่ยยวี่หลัว พร้อมกล่าวด้วยความปวดใจ

เซี่ยยวี่หลัวรออยู่ที่บ้านนานสองนาน ก็ไม่เห็นเด็กสองคนกลับมา นางกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไร จึงออกมาตามหา ใครจะรู้ว่านางจะบังเอิญได้ยินและได้เห็นภาพเหตุการณ์เมื่อครู่

กล่าวตามจริง นางเองก็อยากให้เซียวจื่อเซวียนพุ่งชนเถียนเอ๋อให้กระเด็นไปเสีย แต่นางไม่ได้ทำเช่นนั้น นางขวางเซียวจื่อเซวียนไว้

“จื่อเซวียน เจ้าทำอะไร? พุ่งชนคนอื่นได้อย่างไร? ” เซี่ยยวี่หลัวใช้มือหนึ่งกุมท้องที่ถูกชนจนเจ็บ อีกมือหนึ่งลูบศีรษะเซียวจื่อเซวียน พร้อมซักถามเสียงเบา

“พี่สะใภ้ใหญ่ นางว่าร้ายท่าน…” เซียวจื่อเซวียนทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลพราก ร่ำไห้เสียงดังทันที

ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นเพียงเด็กอายุแปดขวบ เห็นคนอื่นว่าร้ายพี่สะใภ้ใหญ่ที่ตัวเองสนิทสนม อย่าให้กล่าวเลยว่าภายในใจเขารู้สึกโมโหและอึดอัดใจเพียงใด

เซี่ยยวี่หลัวทอดถอนใจ ย่อตัวลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับคราบน้ำตาให้เซียวจื่อเซวียน “เด็กโง่ หากคนอื่นข่มเหงรังแกเรากันหมด เราจะพุ่งเข้าใส่แล้วตีพวกเขาทุกคนงั้นหรือ? ปากอยู่บนตัวพวกเขา สมองก็อยู่บนตัวพวกเขา พวกเขาปากสกปรก ความคิดโสมม พวกเราควบคุมพวกเขาไม่ได้ แต่พวกเราควบคุมตัวเองได้นี่นา! “

เถียนเอ๋อถูกเหน็บแนม คนที่อยู่รอบข้างต่างหัวเราะพรืด นางรีบถลึงตามองคนรอบข้าง คนเหล่านั้นจึงไม่ได้กล่าวอะไร

เซียวจื่อเซวียนหยุดร้องไห้แล้ว “พี่สะใภ้ใหญ่ แต่พวกเขา…”

เซี่ยยวี่หลัวตบไหล่ของเขาเบาๆ “พวกเราเป็นชายชาตรี อย่าได้ถือสาหาความสตรีเลย ต่อไปก็เช่นกัน เจ้าต้องจำไว้ ถ้อยคำบางคำเราได้ยินก็ปล่อยมันไป ถึงแม้จะไม่น่าฟังก็อย่าได้ถือสาพวกเขา ถึงอย่างไร คนที่จะมีความเข้าใจเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างเรานั้นมีไม่มาก พวกเราก็ให้อภัยที่พวกเขาความคิดตื้นเขิน ไม่รู้จักมองการณ์ไกล! “

เซียวจื่อเซวียนถูกปลอบใจจนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ได้แต่เอ่ยเรียกพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยท่าทางจนใจ

เซี่ยยวี่หลัวปลอบประโลมสองพี่น้องเสร็จแล้ว จึงลุกขึ้น มองไปทางเถียนเอ๋อ

แววตาของนางใสบริสุทธิ์แฝงเร้นด้วยความน่าเกรงขามที่เย็นเยียบ เถียนเอ๋อถูกมองจนรู้สึกพะว้าพะวัง ก้มหน้าลงอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ แต่ก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จ้องมองเซี่ยยวี่หลัวอย่างไม่ยอมจำนน

“ท่านป้าเทียนเอ๋อ ครั้งก่อนถูกขังในศาลบรรพชนยังไม่พองั้นหรือ? ” น้ำเสียงของเซี่ยยวี่หลัวเย็นเยียบถึงขีดสุด นี่เป็นช่วงเดือนสี่แล้ว เถียนเอ๋อได้ยินยังรู้สึกเย็นสันหลังวาบ

เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ พอขึงขังขึ้นมาก็ช่างน่ากลัวนัก

เมื่อครู่เถียนเอ๋อยังกล่าววาจาราวกับกำลังผดุงความเป็นธรรม เวลานี้กลับเหมือนน้ำเต้าที่ถูกเลื่อยปากออก เพียงกัดริมฝีปาก พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ได้แต่คอยหลบสายตาของเซี่ยยวี่หลัวที่คมกริบประหนึ่งใบมีดอันแหลมคมก็มิปาน

เถียนเอ๋อยังคงไม่กล่าวอะไร เซี่ยยวี่หลัวถลึงตาใส่นางด้วยท่าทีดุดัน พร้อมทั้งมองดูผู้คนข้างๆ ที่สร้างข่าวลืออย่างชัดเจน ในจำนวนนั้นมีหลิวซี่เหลียนที่ครั้งก่อนเคยถามนางว่าดูแลผิวพรรณอย่างไรด้วย นางก็อยู่ในเหตุการณ์

หลิวซี่เหลียนรู้สึกวางตัวไม่ถูก รีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองเซี่ยยวี่หลัว เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวก็จูงมือเด็กสองคนเดินจากไปแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งเดินออกห่างได้ไม่กี่เมตร เสียงของเถียนเอ๋อที่โมโหจนแทบคลั่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เซี่ยยวี่หลัว เจ้ามีอะไรน่าภาคภูมิใจกัน เจ้ามันไร้ยางอาย! “

เซี่ยยวี่หลัวหยุดฝีเท้า

นางหันกลับมาช้าๆ ยิ้มพร้อมเอ่ยถามเถียนเอ๋อ “เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ? “