เฉินหลินยังไม่ทันจะได้เงินกลับเจอยมทูตตัวเป็นๆเสียก่อน
เขาได้ข่าวจากพี่ชายคนรองว่าเจี่ยซิ่วฟางรวยแล้ว ส่วนรายละเอียดที่ว่าเพราะไปรู้จักกับใครนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ได้ยินมาว่าตอนนี้ชีวิตดีสุดๆ ทำธุรกิจรับซื้อเศษวัสดุก่อสร้างแบบกินรวบ ทำกำไรได้ไม่น้อย
เสี่ยวเชี่ยนไม่ยอมให้เจี่ยซิ่วฟางไปใกล้ชิดกับอดีตญาติอีก นอกจากบ้านอาสี่ที่ยังมีติดต่อกันบ้าง คนอื่นๆก็ไม่ไปมาหาสู่กันแล้ว ดังนั้นลุงรองจึงไม่รู้ว่าเจี่ยซิ่วฟางไปรู้จักกับใคร รู้แค่ว่ารวยแล้ว
นับตั้งแต่หย่ากันไปเฉินหลินก็มีชีวิตลุ่มๆดอนๆ เมียน้อยหนีหาย บ้านถูกเสี่ยวเชี่ยนจัดการยึดมาเป็นของเจี่ยซิ่วฟาง ชีวิตสบายมาตลอดอยู่ๆก็สิ้นเนื้อประดาตัวหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง และก็ยังไม่ยอมหางานเป็นหลักเป็นแหล่งทำเลี้ยงตัวเอง
เมื่อก่อนเจี่ยซิ่วฟางดีกับเขาเกินไป ตอนเปิดร้านซักแห้งไม่เคยให้เขาต้องมานั่งปวดหัว ไม่ว่าจะกิจการในร้านหรืองานบ้านเจี่ยซิ่วฟางเป็นคนทำหมด เขามีหน้าที่แค่นับเงิน เลี้ยงเมียน้อย ทำตัวเป็นเถ้าแก่
พอตกสวรรค์ลงมา ยังไม่ทันได้สติจากที่อยู่ๆต้องหมดตัว เขาก็ได้ยินว่าเมียเก่ารวยแล้ว
แบบนี้มันยากเกินกว่าจิตใจจะรับได้ บ้านเก่าถูกรื้อก็สะเทือนใจเฉินหลินมากแล้ว เพราะเขาอยู่มาตั้งนาน มีข่าวว่าจะรื้อหลายรอบก็ยังไม่รื้อ แต่พอหย่าปุ๊บก็ถูกเวนคืนทันที เขาไม่ได้เงินส่วนแบ่งเลยสักบาท
วันๆอยู่อย่างยากลำบาก ไม่มีรายได้ บ้านเก่าที่บ้านนอกขายทิ้งไปแล้ว แต่เงินแค่นั้นใช้ไม่นานก็หมด เปิดร้านไพ่ก็ไม่รู้ว่าใครไปแจ้งตำรวจเลยต้องหยุดทำ ต่อมาไปเปิดร้านขายผลไม้ต้องตื่นเช้าเลิกดึก ทำได้สองวันหยุดสามวันบ่อยๆ ผลไม้ไม่สดลูกค้าก็น้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ทำไม่ไหว
ผู้ชายที่มีเงินใช้ไม่เคยขาดก็มักจะติดสบาย ไม่ยอมไปเป็นลูกน้องทำตามใจคนอื่น อยากแต่จะเป็นเถ้าแก่ เปิดร้านขายของเหนื่อยเกินไปเลยคิดจะหวังรวยทางลัดด้วยการเล่นพนัน บ่อนใหญ่หน่อยอวี๋หมิงลี่ก็ได้ไปบอกกล่าวล่วงหน้าไว้แล้วเลยไม่มีใครให้เฉินหลินเข้าไปเล่น ดังนั้นจึงไปเข้าวงไพ่นกกระจอกเล็กๆไม่ได้ขาด แต่เงินที่ได้จากวงพวกนั้นก็ไม่เท่าไร ไม่พอใช้ชีวิตอย่างมีหน้ามีตา อีกอย่างวงไพ่เล็กๆมีเหรอที่จะชนะได้บ่อยๆ แพ้เยอะชนะน้อยชีวิตลำบากขึ้นเรื่อยๆ
เฉินหลินพอไม่มีเงินซื้อข้าวกินก็ไปพึ่งบรรดาพี่ชายขอยืมเงินซื้อข้าว ขอทีครั้งละสองร้อยสามร้อย ถ้าไม่ให้ก็จะอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ได้เงินมาก็รีบเอาไปเล่นพนัน ชีวิตไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
บรรดาพี่น้องของเขาต่างก็เกษียณหมดแล้วมีเงินมีทองใช้ แต่ใครล่ะจะทนคนแบบนี้ได้ นอกจากน้องสี่ที่ยังพอเห็นแก่ความเป็นพี่น้องอยู่บ้าง คนอื่นๆก็ไม่มีใครสนใจแล้ว
เฉินหลินยังไม่กล้าไปหาน้องสี่ ถึงน้องสี่จะยังติดต่อเสี่ยวเชี่ยนกับเจี่ยซิ่วฟางอยู่บ้าง แต่บ้านน้องชายดูแลแม่อยู่ แม่เป็นโรคหัวใจ ถ้าเห็นเฉินหลินในสภาพซอมซ่อได้โมโหตายแน่ เลยไปหาพี่น้องคนอื่นๆ รบกวนอยู่ไม่กี่ครั้งคนอื่นๆก็ทนไม่ไหว
เมียของพี่คนรองเอาเรื่องที่เจี่ยซิ่วฟางร่ำรวยมาพูดประชดเฉินหลิน แต่กลับจงใจปิดบังความจริงที่ว่าเบื้องหลังของเจี่ยซิ่วฟางมีคนคอยหนุนอยู่
เฉินหลินพอรู้เรื่องก็นอนไม่หลับไปหลายวัน แค่หลับตาก็เห็นเจี่ยซิ่วฟางมีทุกอย่าง ส่วนเขาอดมื้อกินมื้อ ความโกรธนี้สุมอยู่ในอก
เขาเริ่มอิจฉาริษยาอย่างรุนแรง เขารับไม่ได้ที่เมียเก่าที่เคยถูกเขาทุบตีอยู่ๆก็ร่ำรวยขึ้นมา
หลังจากอิจฉาจนได้ที่แล้ว สิ่งที่เหลือก็คือความไม่ยอมจำนนกับจิตใจโหดร้าย คิดอยู่นานในที่สุดก็หาวิธีที่แนบเนียนไร้ที่ติได้
เมื่อก่อนเคยได้ยินคนพูดว่า พวกเจ้าหนี้นอกระบบเวลาทวงนี้โหดร้ายมาก ตัดแขนตัดขา ถ่ายรูปโหดร้ายสารพัน หรือถึงขนาดที่…แบบนั้น
เฉินหลินคิดว่าเจี่ยซิ่วฟางยังเป็นคนเดียวกับสมัยก่อนที่แค่ให้มะเขือเทศก็ดีใจไปทั้งวัน ในใจยังคงคิดว่าเขาเป็นเหมือนท้องฟ้าของเธอ จึงคิดจะฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้ไปข่มขู่ ให้เธอควักเงินออกมา ยิ่งถ้าผ่านเรื่องนี้แล้วทำให้กลับมาคืนดีกันได้จะดีมาก
อย่างไรเสียก็มีลูกด้วยกันแล้วสองคน เขาไม่เชื่อว่าเจี่ยซิ่วฟางขาดเขาแล้วจะอยู่ได้ ถึงตอนนั้นแค่เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วบอกว่าตัวเองน่างสาร ยังจะกลัวว่าเอาเจี่ยซิ่วฟางไม่อยู่หมัด?
ตอนที่เฉินหลินทำเรื่องนี้ ในใจรู้สึกหวาดกลัวอยู่คนเดียวไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือเฉินเสี่ยวเชี่ยน ลูกสาวที่อยู่ๆนิสัยก็เปลี่ยนไปมาก
นิสัยของเสี่ยวเชี่ยนคล้ายกับเปลี่ยนในชั่วข้ามคืน ทำให้คนอื่นเดาทางเธอไม่ถูก รู้สึกเหมือนเธอจะเป็นคนควบคุมทุกอย่าง เฉินหลินกลัวมาก
แต่ครั้งนี้เฉินหลินก็ยังแอบหวังว่าโชคจะเข้าข้าง เขาคิดว่าต่อให้ตัวเขาจะเป็นอย่างไรก็ยังเป็นพ่อของเฉินเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนเรียกเขาว่าพ่อมาตั้งหลายปี แล้วจะมีเหรอที่จะไม่คิดถึงสายใยความเป็นพ่อลูก?
หากถึงเวลาเสี่ยวเชี่ยนไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อลูกจริงๆ เขาไม่ได้ผลประโยชน์ก็จะเอาเธอไปพูดให้ร้าย บอกว่าเด็กคนนี้ใจดำไม่สนใจใยดีพ่อตัวเอง ถ้ายังไม่ได้จริงๆก็จะให้แม่ออกหน้า ถ้าเสี่ยวเชี่ยนทำแม่เขาเป็นอะไรไป ก็จะเอาเรื่องนี้เล่นงานเรื่องศีลธรรม จะปล่อยให้เด็กคนนี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ได้
แต่เฉินหลินไม่มีทางนึกได้เลยว่า ลูกน้องที่เขาส่งไปจัดการ ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็มีคนมาหาเขาแล้ว
ไม่ได้เอาเงินมาให้ แต่มาพร้อมความน่าสะพรึง
เฉินหลินอยู่บ้านเพิ่งซื้อซาลาเปามาสองลูก ยังไม่ทันจะได้กัดก็ได้ยินเสียงหนวกหูจากด้านนอก เขานึกว่าพวกนักเลงที่เขาส่งไปกลับมาแล้ว จึงยืนขึ้นด้วยความดีใจ แต่กลับไม่คิดว่าจะเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง
คนพวกนี้พอเข้ามาก็ไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในตึกนั้นต่างพากันหวาดกลัว คนพวกนี้ดูมีมาดน่าเกรงขาม เหมือนไม่ได้มาดี
เฉินหลินเองก็อยากตามออกไปด้วย แต่คนที่นำมากลับกวาดตามองแล้วลากเขากลับมา หิ้วคอเสื้อโยนเข้าไปในห้อง ด้านนอกมีคนเฝ้าไม่ให้เขาออกไป
เฉินหลินกล้าถามอีกฝ่ายว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ถูกตอบกลับมาด้วยประโยคเดียวอย่างเย็นชาว่า เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้ ไม่ต้องถามมาก
คนพวกนี้ไม่ทำร้าย ไม่ด่า ไม่ทำลายข้าวของ แค่ไม่ให้เฉินหลินหนีออกไป แต่ระหว่างที่รออยู่นั้นทรมานมาก เฉินหลินกลัวเสียจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง
ถ้าคนพวกนี้บอกวัตถุประสงค์ที่มา บางทีเขาอาจไม่รู้สึกกลัวขนาดนี้ แต่คนพวกนี้ไม่พูด ไม่ทำร้าย ไม่มีข้าวของเสียหาย ถามอะไรไปก็ไม่ตอบ ถามมากก็ส่งสายตาโหดเ**้ยมใส่ แบบนี้น่ากลัวยิ่งกว่าเข้ามาแล้วแนะนำตัวเสียอีก
ในขณะที่เฉินหลินกำลังจะถูกความคิดของตัวเองทรมานตายอยู่นั้น ประตูก็เปิดออก
“หัวหน้า”
คนที่นำมาพอเห็นอวี๋หมิงหลางเดินเข้ามาก็รีบทักทายด้วยความเคารพ สีหน้าแสดงความนับถือ
อวี๋หมิงหลางถาม “เสียวอู่ ขาเป็นไงบ้าง?”
“ขอบคุณหัวหน้าที่เป็นห่วงครับ เวลาวันฟ้าครึ้มจะปวดอยู่บ้าง แต่ไม่ส่งผลต่อการทำงานครับ วันนี้ที่หัวหน้าโทรหา ผมดีใจมากจริงๆครับ”
“ตั้งใจทำงาน ทหารที่ผมเคยดูแลเก่งขนาดนี้ผมก็ได้หน้าไปด้วย”
อวี๋หมิงหลางตบบ่าเขา ได้รับคำชมจากอวี๋หมิงหลาง เสียวอู่มีความสุขมาก
“หัวหน้าต้องการให้ช่วยอะไรอีกไหมครับ?”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ เลิกงานได้ ผมอยู่คนเดียวก็พอแล้ว”
อวี๋หมิงหลางไล่คนออกไปหมด จากนั้นสีหน้าก็เย็นชาลง เขาผลักประตูเข้าไปหาเฉินหลิน
จะได้ไปเจอพ่อเฮงซวยคนนี้อีกแล้ว ดูซิว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ทิ่มแทงใจแก้วตาดวงใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ทำเสี่ยวเชี่ยนก็เท่ากับทำเขา ความแค้นนี้ต้องสะสาง