ตอนที่ 118 รวมตัวในจวนโหวโดยบังเอิญ แม่ทัพช่วยชีวิตคน (3)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

“น้องสาว เป็นอย่างไรบ้าง” ซุนฮูหยินน้อยก็ลิ้มลองไปหนึ่งคำ แล้วถามขึ้น

“เป็นชาชั้นดีอย่างถ่องแท้” เหยาเยี่ยนอวี่แค่ตอบกลับพอเป็นพิธี ภายในใจกำลังครุ่นคิดว่าหากไม่ใช่ชาชั้นดี ก็คงไม่มีทางได้เข้าประตูวังหลวงหรอก

ซุนฮูหยินน้อยเผยสีหน้าที่แลดูภูมิใจออกมา กลับไม่ได้เอ่ยชมด้วยตนเอง แค่แสดงความเห็นที่คล้อยตามเหยาเยี่ยนอวี่เพียงสองสามประโยค แล้วคลี่ยิ้มพลางเอ่ยถาม “ตอนนี้ใต้เท้าเหยาและพี่ชายของเจ้าเข้าเมืองมาแล้ว เจ้าคงไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ที่บ้านนาอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “ท่านพ่ออาศัยอยู่ในเมืองหลวง ข้าที่เป็นบุตรีก็ควรปรนนิบัติรับใช้ เพื่อแสดงความกตัญญูอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

ซุนฮูหยินน้อยแย้มยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “เช่นนี้ก็ดี พวกเราจะได้เจอะเจอกันบ่อยๆ พี่สาวของเจ้าจะได้บำรุงครรภ์อย่างสบายใจ”

“อย่างไรพวกเราก็พักอยู่ไกลห่างจากที่นี่อยู่บ้าง ทางฝั่งพี่สาวยังต้องรบกวนฮูหยินน้อยรองช่วยคอยดูแลให้ด้วยเจ้าค่ะ”

“เจ้ามักเอ่ยวาจาเกรงอกเกรงใจตลอด” ซุนฮูหยินน้อยคลี่ยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็เปรยขึ้น “จะว่าไป สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ก็ควรระมัดระวังให้มาก เจ้าดูพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเราสิ วันนี้กลับตกอยู่ในสภาพเช่นนี้…เฮ้อ! ภายในใจมีคำพูดอยากจะเอ่ย ทว่ากลับไม่กล้าไปเยี่ยมเยียนนาง เพราะแค่ได้เห็นนางในสภาพเยี่ยงนั้น จิตใจของข้าก็รู้สึกชอกช้ำยิ่งนัก”

เหยาเยี่ยนอวี่นึกไม่ถึงว่าซุนฮูหยินน้อยจะพูดถึงเฟิงฮูหยินน้อยขึ้นมาในตอนนี้ จึงนิ่งงันไปสักพัก แล้วพูดขึ้นพอเป็นพิธี “ฮูหยินน้อยรองกล่าวถูกแล้วเจ้าค่ะ”

ซุนฮูหยินน้อยจึงเอ่ยต่อ “น้องสาวรู้หรือไม่ หมอหลวงจางบอกว่าวันข้างหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเราไม่สามารถมีบุตรได้อีก”

เหยาเยี่ยนอวี่ตกตะลึงอีกครั้ง นางเดาความหมายจากคำพูดนี้ของซุนฮูหยินน้อยไม่ออกจริงๆ จากนั้นก็หันไปมองทางฝั่งแม่นมที่กำลังรมยาให้กับซูจิ่นเซวียนอยู่ นางก็คงไม่อาจจากไปในตอนนี้ จึงเอ่ยวาจาพอเป็นพิธีอีกครั้ง “นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ ทว่าฮูหยินท่านซื่อจื่อยังมีอวิ๋นเจี่ยเอ๋อร์อยู่ อนาคตก็ยังถือว่ามีที่พึ่งพาเจ้าค่ะ”

“เฮ้อ!” ซุนฮูหยินน้อยส่ายหน้าอย่างรู้สึกเสียดาย “ให้ข้าพูดอะไรที่ไม่ควรพูดหน่อยเถอะ ต่อให้บุตรีจะดีมากเพียงใด อนาคตก็ย่อมเป็นของผู้อื่น จะให้บุตรีคอยอยู่ข้างกายตนตลอดไปกระนั้นหรือ”

เรื่องของผู้อื่น เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้อยากจะเอ่ยถึงเลย ดังนั้นจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบแล้วไม่พูดไม่จา

ซุนฮูหยินน้อยเห็นสีหน้าของเหยาเยี่ยนอวี่ จึงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เอ่ยขึ้น “เมื่อวานฮูหยินยังบอกกับข้าว่าจะเชิญน้องสาวมารักษาพี่สะใภ้ใหญ่ดีหรือไม่ ก่อนหน้านี้น้องสะใภ้สามป่วยหนักเช่นนั้น สุดท้ายก็คือน้องสาวที่เป็นคนชุบชีวิตให้ฟื้นคืนชีพมิใช่หรือ ซ้ำวันนี้ยังสามารถตั้งครรภ์มีบุตร และยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก”

เหยาเยี่ยนอวี่คาดเดาไม่ได้ว่าซุนฮูหยินน้อยกำลังหมายความว่าอะไรกันแน่ ทำได้เพียงถอนหายใจ “อาการไม่เหมือนกันเจ้าค่ะ” ตอนนั้นเหยาเฟิ่งเกอภาวนาให้ตนเองมีชีวิตอยู่ ทว่าตอนนี้เฟิงฮูหยินน้อยกำลังเสียใจอย่างมากและท้อแท้สิ้นหวัง ทั้งสองต่างคนต่างมีวาระที่แตกต่างกัน

“ทำไม หรือว่าน้องสาวก็รู้สึกว่าพี่สะใภ้ใหญ่…” ซุนฮูหยินน้อยมองเหยาเยี่ยนอวี่อย่างแตกตื่น แล้วลังเลที่จะเอ่ยวาจาบางอย่างออกมา

เหยาเยี่ยนอวี่แค่รู้สึกจนปัญญากับเรื่องนี้ นางจึงคลี่ยิ้มอย่างจนใจ “ฮูหยินน้อยรอง ข้าพูดอะไรออกมาหรือ”

“เอ่อ” ซุนฮูหยินน้อยหยุดชะงักไปเพราะคำถามของเหยาเยี่ยนอวี่ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตนเองพูดมากเกินไป พลันนั่งตัวตรง แล้วคลี่ยิ้มพลางจิบชาเพื่อกลบความรู้สึกอับอายลง

ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่แค่ภาวนาให้การรมยารีบจบลง ตนจะได้รีบออกจากที่นี่

หลี่หมัวมัวถูกเหยาเฟิ่งเกอส่งมาเพื่อคอยจับตามองสถานการณ์ นางจึงอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา คอยดูซุนฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่สนทนากันโดยที่นางไม่พูดไม่จาอะไรเลย เพื่อจะได้เข้าใจว่าซุนฮูหยินน้อยมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ จนกระทั่งเห็นว่าเหยาเยี่ยนอวี่อดทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป จึงพูดขึ้นโดยทันที “คุณหนูรองเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ฮูหยินได้สั่งให้คนมาส่งสาร บอกว่ามื้อเที่ยงให้คุณหนูรองไปกินที่เรือนของนางเจ้าค่ะ บ่าวดูเวลาก็ใกล้เข้ามาแล้ว เช่นนี้พวกเราไม่ควรให้ฮูหยินต้องคอยนาน”

“อา ดูความจำของข้าสิ กลับลืมไปเลย!” เหยาเยี่ยนอวี่พลันเหยียดกายลุกขึ้น จากนั้นก็กล่าวคำขอโทษกับซุนฮูหยินน้อย “ฮูหยินน้อยรอง ทางฝั่งเซวียนเอ๋อร์เองก็ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ท่านก็คอยจับตามองแม่นมที่รมยาให้บุตรชายของท่านในวันพรุ่งนี้ และระวังเรื่องอาหารการกิน อีกสองสามวันอาการก็คงจะดีขึ้นเองเจ้าค่ะ”

ซุนฮูหยินน้อยลุกขึ้นพลางกล่าวขอบคุณ “ในเมื่อเป็นคำสั่งของท่านแม่ ข้าก็ไม่กล้ารั้งน้องสาวอยู่ที่นี่อีกต่อไป น้องสาวไปก่อนเถอะ ข้าจะดูอาการของเซวียนเอ๋อร์แล้วค่อยตามไปทีหลัง”

เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวขอตัวและสาวเท้าพาหลี่หมัวมัวออกจากเรือนอันจวูแล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนของเหยาเฟิ่งเกอ

เดิมทีลู่ฮูหยินต้องการต้อนรับเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยตัวเอง วันนี้ไม่เหมือนดั่งที่ผ่านมา เหยาเยี่ยนอวี่ติดตามเหยาหย่วนจือมาเยี่ยมเยียนพี่สาว จึงถือว่าวันนี้พวกเขามาเยือนในฐานะที่เป็นตัวแทนจวนที่เกี่ยวดองเป็นญาติกับจวนโหว อีกทั้งเหยาเยี่ยนอวี่เคยช่วยชีวิตของเฟิงฮูหยินน้อยไว้ แต่ลู่ฮูหยินก็ยังไม่ได้แสดงท่าทีใดออกมา นี่ก็ทำให้เหยาเฟิ่งเกอรู้สึกไม่สบายใจมากแล้ว

สาวใช้ในเรือนของลู่ฮูหยินมาเชิญด้วยตัวเอง เหยาเฟิ่งเกอจึงพาเหยาเยี่ยนอวี่ไปที่เรือนของลู่ฮูหยิน นางไม่ได้ถามถึงเรื่องของซุนฮูหยินน้อยและซูจิ่นเซวียนแม้แต่คำเดียว

ซูอวี้เหิงได้ข่าวว่าเหยาเยี่ยนอวี่มาเยือน จึงได้มาเยือนที่จวนเหมือนกัน พอมิตรสหายได้เจอกันก็ย่อมดีใจเป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้ลู่ฮูหยินจะไม่โปรดปรานเหยาเฟิ่งเกอมากเพียงใด อย่างไรก็ต้องเห็นแก่ทารกในครรภ์ของนาง จึงต้องคลี่ยิ้มให้นางมากกว่าที่ผ่านมา หลังจากที่ทุกคนนั่งลง ลู่ฮูหยินก็เอ่ยถาม “เหตุใดสะใภ้รองถึงยังไม่มาอีกล่ะ”

เหลียนหมัวมัวรีบตอบกลับ “เมื่อครู่ฮูหยินน้อยรองสั่งให้คนมาบอกว่า เซวียนเกอเอ๋อร์ท้องไส้ไม่ดีมาทั้งคืน เมื่อครู่กำลังรมยาตามคำแนะนำของคุณหนูรองเหยาอยู่เจ้าค่ะ หลังจากที่เสร็จสิ้นจะตามมาเจ้าค่ะ”

ลู่ฮูหยินถอนหายใจ “เด็กคนนี้ป่วยบ่อยจริงๆ !” นางคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับเหยาเยี่ยนอวี่ “รบกวนคุณหนูเหยาอีกแล้ว! เจ้ามาเยี่ยมเยียนพี่สาวแล้วยังต้องมาเป็นธุระให้ผู้อื่นอีก เยี่ยงนี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกละอายใจ”

“ฮูหยินเกรงใจเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้เยี่ยนอวี่อาศัยอยู่ในจวนโหวช่วงเวลาหนึ่ง ก็ได้เจอกับเซวียนเกอเอ๋อร์อยู่หลายครั้ง วันนี้พอเห็นเขาป่วย เยี่ยนอวี่ก็รู้สึกเหมือนถูกบีบหัวใจเจ้าค่ะ”

ลู่ฮูหยินฟังคำๆ นี้จึงรู้สึกดีใจ แล้วคลี่ยิ้ม “นึกไม่ถึงว่าคุณหนูรองกลับชื่นชอบเด็กอยู่เหมือนกัน”

“เด็กย่อมมีจิตใจที่งดงามและบริสุทธิ์ผุดผ่อง ความบริสุทธิ์อันงดงามของเด็กเป็นเรื่องที่ดี จะทำให้คนไม่ชื่นชอบได้อย่างไรเจ้าคะ”

ประจวบกับเวลานี้ ซูจิ่นอวิ๋นถูกหยิ่นหมัวมัวพาเข้ามาจากด้านหลังของนางพอดี ยัยหนูน้อยเดินเข้ามาก็น้อมคำนับให้กับลู่ฮูหยิน จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้เหมือนไข่มุกและหยกมากระทบกัน “ท่านแม่ได้ยินว่าท่านอาเหยามาเยือน เลยสั่งให้โรงครัวตุ๋นรังนกนมสดมาโดยเฉพาะ ท่านแม่บอกว่า อาเหยาเป็นผู้มีพระคุณที่ท่านแม่ไม่มีวันลืม แค่ตอนนี้สุขภาพร่างกายไม่ดี เลยไม่สามารถมากล่าวขอบคุณท่านอาเหยาเจ้าค่ะ จึงให้อวิ๋นเอ๋อร์มาขอบคุณแทนเจ้าค่ะ” ขณะที่กล่าว ซูจิ่นอวิ๋นจึงคุกเข่าตรงหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ดั่งที่กล่าวไว้

เหยาเยี่ยนอวี่จะปล่อยให้ตุ๊กตาเด็กหญิงตัวน้อยมาน้อมคำนับตนเองได้อย่างไร นางจึงยื่นมือไปดึงซูจิ่นอวิ๋นไว้ แล้วพูดขึ้น “อย่าทำเช่นนี้เลย”

ลู่ฮูหยินถอนหายใจ “คุณหนูเหยาช่วยชีวิตมารดาของนางไว้ นางน้อมคำนับก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”

“ฮูหยินกล่าวเกินไปแล้ว อวิ๋นเจี่ยเอ๋อร์ยังเล็กอยู่เจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่ลูบใบหน้าของซูจิ่นอวิ๋นด้วยความเอ็นดู ช่วงนี้เด็กน้อยคนนี้ซูบผอมไปเยอะ หว่างคิ้วก็ขมวดเป็นปมอยู่ตลอดเวลา นางเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยอายุห้าหกขวบเท่านั้น วันนี้ดูๆ แล้วนางกลับดูรู้จักกาลเทศะเช่นนี้ แสดงว่าเรื่องของเฟิงฮูหยินน้อยคงส่งผลกระทบกับนางเป็นอย่างมาก

ซูอวี้เหิงกวักมือเรียกซูจิ่นอวิ๋นไป ซูจิ่นอวิ๋นจึงหมุนตัวไปซบอยู่ในอ้อมกอดของซูอวี้เหิง ซูอวี้เหิงกอดนางไว้พร้อมกับถามถึงอาการของมารดาในวันนี้ว่าเป็นเช่นไรด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ ซูจิ่นอวิ๋นจึงตอบกลับทุกคำถาม น้ำเสียงของนางอ่อนเยาว์ ทว่ากลับดูแล้วหนักแน่น ทำให้นางคล้ายกับผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ คนหนึ่ง

เหยาเฟิ่งเกอกำลังตั้งครรภ์ และได้ผ่านช่วงเวลาของการแพ้ท้องมาแล้ว เวลานี้พอเห็นของกินจึงค่อนข้างรู้สึกหิว ดังนั้นนางจึงจับขนมหนึ่งชิ้นขึ้นมากิน ลู่ฮหยินเห็นเลยพูดขึ้น “ซานหู ไปตักรังนกนมสดให้กับนายหญิงของเจ้าสักถ้วยเถอะ”

ซานหูขานรับแล้วไปตักรังนกให้กับลู่ฮูหยินก่อน จากนั้นก็ค่อยตักให้เหยาเฟิ่งเกอ