บทที่ 104 เพื่อนร่วมทุกข์ของหวงซื่อปั๋ว

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

“วันนี้เยี่ยมมากครับ! ปิดกองได้!”

ผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อสั่งปิดกองประจำวันนี้

เผยเชียนรู้สึกเฉยๆ กับการถ่ายทำ

เขาเริ่มชินแล้ว!

วันนี้ถ่ายทำกันกลางถนนด้านนอก แถมยังเอารถปอร์เช่ คาเยนน์ที่เผยเชียนเช่าไว้มาเข้าฉากด้วย

ถ้าเอาแต่ถ่ายในออฟฟิศ คนดูจะเบื่อเอาถ้าไม่มีอะไรใหม่ๆ เลย

แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนธีมหรือฉากหลังอย่างไร แก่นเนื้อเรื่องก็ยังคงเหมือนเดิม

หลังจากคุยกับเผยเชียนรอบที่แล้ว จูเสี่ยวเช่อกับหวงซื่อปั๋วก็ทำตามความคิดของเผยเชียน พวกเขาไม่รับสปอนเซอร์ที่ให้โปรโมตสินค้าอย่างชัดเจนและหันไปทุ่มเทกับซีรีส์อย่างเต็มที่!

ถึงจะไม่ใช่ทุกตอนที่ออกมาเข้มข้นและสมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังรักษามาตรฐานไว้ได้

จนถึงปัจจุบัน พวกคลิปที่ดังมากๆ มียอดคนดูอยู่ที่หกถึงเจ็ดแสนวิว ส่วนคลิปที่ดังน้อยลงมา ยอดคนดูจะอยู่ที่ประมาณสี่ถึงห้าแสนวิว

สำหรับซีรีส์ตอนสั้นที่เพิ่งปล่อยไป เรื่องนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก!

หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ ทุกคนก็พร้อมตรงกลับบ้าน

หวงซื่อปั๋วหันไปพูดกับทุกคน “กลับกันก่อนได้เลยนะครับ ผมมีธุระส่วนตัวต้องจัดการต่อ”

ไม่มีใครถามอะไร

หวงซื่อปั๋วโบกแท็กซี่ไปร้านกาแฟที่นัดเพื่อนเอาไว้

ผ่านไปสิบกว่านาที แท็กซี่ก็ไปถึงที่หมาย

ชายหนุ่มเดินลงจากรถ มองไปยังตึกที่คุ้นเคยแต่ก็ดูแปลกตาตรงหน้า แล้วรู้สึกราวกับถูกตัดขาดจากโลกนี้ไปพักใหญ่

ที่ชั้นสองของตึกมีคำสามคำติดเอาไว้ว่า ฉางหยางเกมส์

ที่นี่คือที่ทำงานเก่าของหวงซื่อปั๋ว

ก่อนหน้านี้หวงซื่อปั๋วทำงานเป็นพนักงานแถวล่างสุดของบริษัท คอยช่วยจัดการงานยิบย่อยต่างๆ และช่วยวางแผนคร่าวๆ ต้องตรากตรำทนทุกข์ จึงเป็นปกติที่จะไม่มีเพื่อน

มีเพียงพนักงานแถวล่างสุดเหมือนกันที่เขาสนิทด้วย

นั่นเพราะพวกเขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ต้องทนทุกข์ร่วมกัน เลยรู้สึกสนิทสนมเพราะต้องลงเรือลำเดียวกัน

หลังจากหวงซื่อปั๋วผ่านสัมภาษณ์และได้เข้าทำงานที่บริษัทเถิงต๋า ถึงจะยังติดต่อกับเพื่อนคนนี้อยู่ แต่เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องงานมากนัก

ทำไมน่ะเหรอ

เหตุผลหนึ่งก็เพราะเขานึกสงสัยมาตลอดว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในบริษัทต้มตุ๋นหรือเปล่า เลยไม่กล้าบอกเพื่อนไป

แต่พอตระหนักว่าทางบริษัทดูแลพนักงานดีและเกมก็ประสบความสำเร็จถล่มทลาย เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยที่จะพูดเรื่องงานเพราะจะดูเหมือนไปคุยโว

หวงซื่อปั๋วกลัวว่าเพื่อนของเขาจะรับไม่ได้

หลังจากนั้นหวงซื่อปั๋วก็ง่วนอยู่กับการทำซีรีส์ ส่วนเพื่อนก็ต้องทำงานล่วงเวลาอยู่ตลอดเลยไม่มีเวลามาเจอกัน

ในที่สุดพอผ่านช่วงตรุษจีน ทั้งสองก็หาเวลามาเจอกันได้

หวงซื่อปั๋วนั่งอยู่ในร้านกาแฟอยู่พักหนึ่ง ไม่นานเพื่อนของเขาก็มาถึงร้าน

คนคนนี้สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร รูปร่างไม่ค่อยดีเท่าไหร่จากการที่ต้องทำงานล่วงเวลาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงจะไม่ค่อยมีเวลา ก็ดูจะจัดการตัวเองได้ค่อนข้างดี

ลักษณะพิเศษของเขาคือมีมือขาวเรียวสวย บ่งบอกชัดเจนว่าตอนเด็กๆ ไม่ค่อยได้ทำงานเยอะ

“อี้ฉวิน ทางนี้”

หวงซื่อปั๋วโบกมือเรียก

เพื่อนของเขาเห็นหวงซื่อปั๋วทันที จากนั้นก็เดินมานั่งลงตรงข้าม

ชื่อจริงๆ ของเขาคือหม่าตู๋เปียว แต่ไม่มีใครเรียกด้วยชื่อนั้น ทุกคนเรียกเขาว่าหม่าอี้ฉวิน[1]

หม่าอี้ฉวินรับผิดชอบวางแผนเนื้อเรื่องที่ฉางหยางเกมส์

เขาเรียนจบสาขาภาษาจีนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่บ้านล้วนมีแต่คนมีการศึกษาดี

ชื่อของเขาได้มาจากปู่ที่เป็นอาจารย์สอนวิชาวรรณกรรมคลาสสิกที่มหาวิทยาลัยชั้นนำ

แล้วด้วยเหตุผิดพลาดอะไร ทำไมถึงมาทำงานวางเนื้อเรื่องให้บริษัทเกมได้น่ะเหรอ

เรื่องมันยาว

หม่าอี้ฉวินก็เหมือนหวงซื่อปั๋ว ทั้งคู่เป็นพนักงานแถวล่างสุดของบริษัท แต่หม่าอี้ฉวินมีชีวิตความเป็นอยู่ในบริษัทดีกว่าหวงซื่อปั๋วเล็กน้อย

ตำแหน่งของหวงซื่อปั๋วคือฝ่ายวางแผน ทุกอย่างที่หัวหน้าฝ่ายวางแผนหลิวต้องการ เขาจะผลักไปให้หวงซื่อปั๋วทำ โดยไม่สนว่าชายหนุ่มจะทำได้หรือไม่

ส่วนหม่าอี้ฉวินที่รับผิดชอบวางเนื้อเรื่องก็ต้องทำงานของฝ่ายวางแผนด้วยเช่นกัน แต่เพราะรับผิดชอบเนื้อเรื่องเสียเยอะเลยไม่ค่อยได้งานจากฝ่ายวางแผนเท่าไหร่

อีกอย่างงานเกี่ยวกับการวางเนื้อเรื่องเปิดโอกาสให้เขาค่อยๆ ทำอย่างไม่เร่งรีบได้

เช่นงานตั้งชื่อและเขียนคำอธิบายสามารถทำให้เสร็จได้ในสามถึงสี่ชั่วโมง แต่หม่าอี้ฉวินใช้เวลาทำไปสองวันเต็มและส่งงานให้วันที่สาม แต่หัวหน้าหลิวก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

เพราะอย่างไรการตั้งชื่อก็ต้องใช้หัวคิด หัวหน้าหลิวจึงไม่ได้กดดันหม่าอี้ฉวินมากนัก

ด้วยเหตุนี้หวงซื่อปั๋วจึงทนไม่ไหวและลาออกมา

ส่วนหม่าอี้ฉวินยังลังเลและคิดดูก่อน เขาคิดดูก่อนอยู่หลายเดือน

“ซื่อปั๋ว ทำไมคล้ำลง” หม่าอี้ฉวินนั่งลงแล้วสังเกตเห็นว่าผิวของหวงซื่อปั๋วคล้ำลงเล็กน้อย

“จริงดิ น่าจะเพราะช่วงนี้ทำงานข้างนอกบ่อยเลยดำขึ้นมั้ง” หวงซื่อปั๋วยื่นเมนูให้ “ฉันสั่งกาแฟมาแล้ว นายอยากกินอะไรก็สั่งเลย ฉันเลี้ยงเอง”

“ทำงานข้างนอกเหรอ”

หม่าอี้ฉวินหยิบเมนูขึ้นมาสั่งลาเต้โดยไม่ได้คิดอะไรมาก

พอได้ยินที่หวงซื่อปั๋วพูด เขาก็ตกใจเล็กน้อย

ไม่เห็นจะเคยได้ยินว่างานพัฒนาเกมต้องทำงานข้างนอกเลย…

“อ๋อ ฉันลืมบอกนาย ฉันไม่ได้ทำงานในวงการเกมแล้ว ตอนนี้หันมาทำซีรีส์ตอนสั้นของตัวเอง นายเคยดูซีรีส์เรื่องชีวิตประจำวันของบอสเผยมั้ย เรื่องนั้นแหละที่เรากำลังถ่ายกันอยู่” หวงซื่อปั๋วอธิบาย

หม่าอี้ฉวินเบิกตากว้าง

“พวกนายเป็นทีมสร้างซีรีส์เรื่องชีวิตประจำวันของบอสเผยเหรอ โห! ช่วงนี้ซีรีส์นี่โคตรดังเลย ฉันดูทุกตอนเลยเว้ย! นายอยู่ฝ่ายไหน เขียนบทเหรอ หรือฝ่ายฉาก ทำไมไม่เป็นนักแสดงรับเชิญอะไรงี้ล่ะ”

หวงซื่อปั๋วหัวเราะ “ฉันแสดงไม่เก่ง ชั้นทำ…. ไม่ค่อยอยากเจาะจงเท่าไหร่ เอาเป็นว่าต้องวิ่งไปนั่นไปนี่ น่าจะเป็นหุ้นส่วนแหละมั้ง”

“เจ๋งเลย  เหมือนนายจะเจอวงการที่เหมาะกับตัวเองแล้วนะซื่อปั๋ว ดีใจด้วย” หม่าอี้ฉวินรู้สึกดีใจกับหวงซื่อปั๋วจริงๆ

“ฉันว่านายก็ทำได้เหมือนกัน นิยายนาย…”

หม่าอี้ฉวินโบกไม้โบกมือแล้วพูดขึ้นขัดหวงซื่อปั๋ว “โอ๊ย อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลย”

เขาสังเกตดูหวงซื่อปั๋วอีกรอบแล้วพบว่านอกจากจะดูดีขึ้นแล้วยังมีชีวิตชีวาขึ้นมาก

“เหมือนสองสามเดือนที่ผ่านมานายจะได้ทำอะไรเยอะแยะเลยนะ นายดูเปลี่ยนไปเยอะเลย เล่าซิทำอะไรมาบ้าง”

ไม่นานกาแฟก็มาเสิร์ฟ

หวงซื่อปั๋วยกกาแฟขึ้นจิบ “คุยเรื่องนายก่อนดีกว่า ที่บริษัทเป็นไงบ้าง”

“จะเป็นไงล่ะ ก็เหมือนเดิม หดหู่ใกล้เฉาตายแล้วเนี่ย” หม่าอี้ฉวินดูจะรู้สึกไม่ค่อยดี

พอได้เจอเพื่อนที่ร่วมทุกข์มาด้วยกัน หม่าอี้ฉวินก็เลิกข่มความรู้สึกแล้วเริ่มบ่นออกมา

“ช่วงที่ผ่านมาไม่รู้หัวหน้าหลิวเป็นบ้าอะไร เขายืนกรานจะให้ขายดาบที่จะเพิ่มเข้าเกมใหม่แปดร้อยแปดสิบแปดหยวน!

“ประเด็นคือดาบไม่ใช่ของหายากอะไร ถ้าเป็นของลิมิเต็ดมีแค่ชิ้นเดีว ฉันก็โอเคด้วยแหละ แต่นี่มีเป็นร้อยแล้วจะขายตั้งแปดร้อยแปดสิบแปดหยวน นายว่าบ้าป้ะ

“สุดท้ายหัวหน้าหลิวก็ไม่ยอมลดแม้แต่หยวนเดียว จะขายที่แปดร้อยแปดสิบแปดหยวนให้ได้

“หลังจากนั้นเราก็รู้ว่าเขาหมกมุ่นกับเกมฐานทัพกลางทะเล คิดว่าถ้าปืนกิเลนเพลิงขายราคานี้ได้ ดาบเราก็ต้องขายได้!

“สุดท้ายพอปล่อยอัปเดตไป ผู้เล่นก็รุมด่ากันตามคาด!

“บอสเรียกหัวหน้าหลิวไปด่าชุดใหญ่ ขนาดนั่งอยู่ที่โต๊ะยังได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องประชุมเลย…”

 ………………………….

[1] ชื่อหม่าตู๋เปียว (马騳骉) มีแต่ตัวอักษรที่แปลว่าม้า คนอื่นๆ  เลยเรียกว่า 马一群 (หม่าอี้ฉวิน) ซึ่งแปลว่าม้าหนึ่งฝูงแทน