บทที่ 105 ช่วยเพื่อนด้วยการแนะนำ

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

“โห…”

หวงซื่อปั๋วเองก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าเกมฐานทัพกลางทะเลจะทำให้หัวหน้าหลิวคลั่งขนาดนั้น

แต่พอคิดดูอีกที หัวหน้าหลิวก็น่าจะมีอาการแบบนั้นแหละ

ปืนกิเลนเพลิงตั้งราคาไว้แปดร้อยแปดสิบแปดหยวน นอกจากผู้เล่นจะไม่ติดขัดอะไรแล้วยังเปิดใจยอมรับกันอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้น่าจะทำให้นักออกแบบเกมคนอื่นๆ เกิดความเชื่อผิดๆ คิดว่าตั้งราคาไอเทมหายากเท่านั้นได้!

หัวหน้าหลิวน่าจะรู้อยู่แล้วว่าผู้เล่นต้องด่า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ

เขาสนแค่ว่าดาบราคาแพงจะต้องทำเงินได้!

ถึงจะโดนผู้เล่นรุมด่า แต่บอสก็น่าจะขึ้นเงินเดือนไม่ก็เลื่อนขั้นให้เขา

แต่ดันกลายเป็นนอกจากจะโดนผู้เล่นรุมด่าแล้ว ดาบก็ขายไม่ค่อยออก โดยบอสสับเละ ชื่อเสียงเกมตก ทำเงินไม่ได้อีก

“รอบนี้หัวหน้าหลิวโง่มาก

“ปืนกิเลนแดงของเกมฐานทัพกลางทะเลเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การวางราคาในภาพรวม หัวหน้าหลิวเห็นตั้งราคาแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนก็เกิดหิวเงิน ไม่ยอมนึกถึงภาพรวมของกลยุทธ์การวางราคา สุดท้ายก็โดนด่าตามคาด”

หวงซื่อปั๋วอดด่าหัวหน้าหลิวด้วยไม่ได้

หัวหน้าหลิวเป็นหัวหน้าของเขาตอนทำงานที่ฉางหยางเกมส์

ตอนนั้นหวงซื่อปั๋วก็ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกที่มีต่อหัวหน้าหลิวอย่างไรดี

ถึงหัวหน้าหลิวจะยัดงานให้เขากองพะเนิน แต่หวงซื่อปั๋วก็คิดว่าตัวเองน่าจะเรียนรู้อะไรจากหัวหน้าหลิวได้

ตอนนี้เขาไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว

หัวหน้าฝ่ายวางแผนอย่างหัวหน้าหลิวทำงานในวงการนี้มาหลายปีแล้ว เด็กใหม่ต่างพากันนับถือ

แต่เอาเข้าจริง

คนที่อยากประสบความสำเร็จจะใส่ใจตัวเอง ส่วนคนที่ใส่ใจกำไรแค่เล็กน้อยชีวิตจะล่มจม หัวหน้าหลิวแค่ขายไอเทมราคาแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนตามคนอื่น คนแบบนี้เป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนได้อย่างไร

วิสัยทัศน์ของเขาไม่กว้างไกล ชีวิตก็ไม่น่าจะไปได้ไกลนัก

หม่าอี้ฉวินจิบกาแฟ คิดว่าที่หวงซื่อปั๋วพูดก็ถูก

“ซื่อปั๋ว นายว่าทำไมเกมฐานทัพกลางทะเลถึงขายปืนกิเลนเพลิงที่ราคาแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนได้”

หวงซื่อปั๋วยิ้ม “นายถามถูกคนแล้ว”

“ทำไมเกมฐานทัพกลางทะเลถึงขายปืนกิเลนเพลิงที่ราคาแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนได้น่ะเหรอ ก็เพราะมีช่องทางให้จ่ายเงินแค่ช่องทางเดียวไงล่ะ!

“เกมมีโหมดเนื้อเรื่อง ภาพกับรูปแบบการเล่นก็ทำออกมาดี ตามมาตรฐานตลาด เกมแบบนี้น่าจะตั้งราคาได้อย่างต่ำที่ห้าสิบหยวนใช่มั้ยล่ะ

“แต่เกมฐานทัพกลางทะเลเล่นได้ฟรี มีแค่ปืนกิเลนเพลิงราคาแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนขาย! เป็นการยกประโยชน์ให้ผู้เล่น!

“ถ้าบอกผู้เล่นทั่วไปว่าเล่นเกมได้ฟรี 99.99% เลยนะ ผู้เล่นก็ต้องดีใจใช่ไหมล่ะ แล้วจะไม่รู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณเหรอ

“อีกอย่างปืนกิเลนเพลิงยังไม่เหมือนดาบที่หัวหน้าหลิวพยายามขายด้วย ดาบนั่นค่าพลังสูงจะตาย พวกอวดรวยซื้อไปก็ไล่ฆ่าคนได้เป็นสิบคนด้วยตัวคนเดียว ผู้เล่นทั่วไปก็ไม่มีพื้นที่ให้เกิดกันพอดี

“แต่ค่าพลังของปืนกินเลนเพลิงไม่ได้สูงกว่าปืนอื่นๆ ในเกมเลย แถมยังช่วยคูณเพิ่มค่าประสบการณ์กับค่าเงินให้ผู้เล่นคนอื่นอีก

“ถ้าพวกอวดรวยกับผู้เล่นทั่วไปคิดตรงกัน อาวุธนี่ก็จะไม่มีวันเสื่อมคุณค่า รูปลักษณ์ก็สวย ถือไปไหนก็มีแต่คนยกย่องนับถือ ทำไมจะไม่ขายดีล่ะ!

“เพราะงั้นกลยุทธ์การวางราคาต้องมองที่ภาพรวมทั้งหมด ต้องประเมินองค์รวมทั้งหมด การขายปืนกิเลนเพลิงที่ราคาแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนไม่ใช่การขูดรีดอย่างหน้าเลือด แต่เป็นการยกประโยชน์ให้ผู้เล่น!”

หม่าอี้ฉวินพยักหน้าเป็นครั้งคราวระหว่างที่ฟัง

“งี้นี่เอง! ก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าเกมฐานทัพกลางทะเลตั้งราคาปืนไว้แปดร้อยแปดสิบแปดหยวน ตอนแรกคิดว่ามีผู้เล่นสายเปย์เยอะเสียอีก

“เหตุผลจริงๆ คือแบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว”

“เพื่อนหวง นายไม่ได้ทำงานในวงการเกมแล้วนี่ ทำไมถึงรู้เยอะจัง”

หวงซื่อปั๋วหยุดจิบชาครู่หนึ่ง

“เอ่อ…เรื่องมันยาว ฉันยังไม่ได้เล่าให้นายฟังเลย สองสามเดือนที่ผ่านมามันเหมือนฝัน ฉันไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี…

“จริงๆ แล้วฉันเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาเกมฐานทัพกลางทะเล ฉันเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผน”

“หา” หม่าอี้ฉวินคิดว่าตัวเองหูฝาด

หัวหน้าฝ่ายวางแผนเกมฐานทัพกลางทะเลเหรอ

แบบนี้ก็เหมือนหวงซื่อปั๋วลากหัวหน้าหลิวมาตบหน้ากลางสี่แยกสิ

เกมฐานทัพกลางทะเลเป็นเกมระดับไหนน่ะเหรอ

ก็เป็นเกมที่ล้มสตูดิโอเทียนหัวได้ยังไงล่ะ!

นอกจากเกม Counter Strike ของต่างประเทศแล้ว ในหมู่เกม FPS ที่พัฒนาในประเทศ เกมฐานทัพกลางทะเลถือเป็นเกมอันดับหนึ่ง เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมมากๆ!

มีคนประเมินไว้ว่า จากยอดผู้เล่นของเกมฐานทัพกลางทะเลในปัจจุบัน นอกจากขายปืนกิเลนเพลิงแล้ว ถ้าทางผู้พัฒนาเพิ่มจุดให้ใช้จ่ายเงินเข้าไปในเกม รายได้ต่อเดือนน่าจะเพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่า!

ถึงคนนอกจะไม่รู้รายได้ของเกมฐานทัพกลางทะเล แต่จากการคำนวณคร่าวๆ น่าจะอยู่ที่หกถึงเจ็ดล้านหยวนต่อเดือน โดยกำไรอยู่ที่ประมาณสามล้านหยวน

นี่คือยอดกำไรของเกมที่เพิ่งจะเปิดให้บริการได้เดือนกว่าๆ

ดูจากระยะเวลาการให้บริการที่ยาวนานของเกมแนว FPS แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่รายได้ของเกมนี้จะพุ่งไปอยู่ที่สิบล้านหยวนต่อเดือน ถือเป็นบ่อเงินบ่อทองที่เพิ่งผุดขึ้นมาเลยทีเดียว!

หัวหน้าฝ่ายวางแผนของเกมนี้จะต้องเป็นคนระดับไหนน่ะเหรอ

ถ้าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ แม้แต่บอสของบริษัทก็คงต้องเคารพและทำตัวสุภาพกับคนผู้นี้!

เพื่อนที่ร่วมทุกข์มาด้วยกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนกลายเป็นมืออาชีพในวงการในชั่วพริบตา

หม่าอี้ฉวินทำใจเชื่อไม่ค่อยลง

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเห็นหวงซื่อปั๋วได้ดี แต่ประเด็นคือเรื่องมันดูตลกเกินไปหน่อย!

หวงซื่อปั๋วเองก็ไม่อยากปิดบังอีก เขาเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์เข้าทำงานในบริษัทเถิงต๋า ตอนบอสเผยบอกใบ้เป็นแนวทางในการสร้างเกมฐานทัพกลางทะเล ไปจนถึงตอนที่เขาได้รับรางวัลพนักงานดีเด่นและได้เงินหนึ่งล้านหยวนมาลงทุนทำซีรีส์

หม่าอี้ฉวินได้ยินเรื่องทั้งหมดก็รู้สึกอ่อนแรง

มีเรื่องดีๆ แบบนี้เกิดขึ้นจริงในโลกด้วยเหรอ

ประวัติการทำงานของหวงซื่อปั๋วไม่น่าจะพาเขาเข้าไปในบริษัทเกมที่แสนมั่งคั่งแบบนี้ได้ เป็นเรื่องที่ดูเกินจริงไปหน่อย

แถมยังได้ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนและยังสร้างเกมฐานทัพกลางทะเลขึ้นมาอีก

ไหนจะได้งบในฝันหนึ่งล้านหยวน…จะตลกเกินไปแล้ว!

“ฉันรู้ว่านายน่าจะตกใจพอได้ยินเรื่องทั้งหมด แต่…ทุกอย่างที่พูดไปคือเรื่องจริง”

หวงซื่อปั๋วดูจริงจังมาก

หม่าอี้ฉวินเงียบไปพักใหญ่

“เพื่อน นายช่วยแนะนำฉันให้บอสนายได้ไหม

“ฉันจะไปลาออกกับหัวหน้าหลิวพรุ่งนี้”

การลาออกทันทีถือเป็นความคิดที่หุนหันพลันแล่นที่สุดของหม่าอี้ฉวิน

แต่เห็นเพื่อนได้ดิบได้ดีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พอกลับมาเทียบกับตัวเองดูแล้ว…

เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป!

หวงซื่อปั๋วเล่าเรื่องบรรยากาศการทำงานในบริษัทเถิงต๋า สวัสดิการของบริษัท และอื่นๆ อย่างละเอียด ทุกอย่างทำให้หม่าอี้ฉวินรู้สึกอิจฉา

“ได้สิ ฉันแนะนำนายได้ แต่…ฉันก็ไม่รู้ว่าบอสเผยมีเกณฑ์คัดคนยังไง

“จะผ่านสัมภาษณ์ไหมก็ขึ้นอยู่กับนายนะ”

หม่าอี้ฉวินรีบพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ซื่อปั๋ว บอกหน่อย ตอนสัมภาษณ์เป็นยังไง ฉันต้องเตรียมอะไรบ้าง”

“เป็นยังไงน่ะเหรอ”

หวงซื่อปั๋วนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น “เอาจริงๆ ฉันคิดว่าตัวเองทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันแค่เอาประวัติส่วนตัวที่เขียนเล่าประสบการณ์การทำงานตามจริงไป”

“ตามจริงเหรอ” หม่าอี้ฉวินแปลกใจเล็กน้อย

ถ้าเขียนไปตามจริง ประวัติส่วนตัวจะดูแย่แค่ไหนกันนะ

หวงซื่อปั๋วได้เข้าทำงานด้วยประวัติส่วนตัวแบบนั้นน่ะหรือ

หวงซื่อปั๋วพยักหน้า “ใช่ ตามจริงเลย อีกอย่างฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง หัวหน้าหลิวก็ไปสัมภาษณ์เหมือนกัน เข้าไปก่อนฉันเลย แต่ตกสัมภาษณ์”

หม่าอี้ฉวิน “…”

เขางงไปหมด

หวงซื่อปั๋วคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไป “เอาเท่าที่ฉันเข้าใจในตัวบอสเผยนะ บอสมีวิธีดูคนที่ไม่เหมือนใคร สามารถมองสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากประสบการณ์ทำงานได้ มองเข้าไปถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ของทุกคน

“ฉันว่านายไม่ควรเสแสร้งหรือพูดอะไรเกินจริง ไม่ต้องเขียนประวัติส่วนตัวให้ดูดี ทำแบบนี้น่าจะตรงใจบอสเผยมากกว่า

“แต่จะทำยังไง นายก็ตัดสินใจเอาเองนะ ฉันก็การันตีไม่ได้ว่าจะได้ผล”

หม่าอี้ฉวินรีบพยักหน้า “โอเค ไม่มีปัญหา เดี๋ยวกลับไปฉันจะเตรียมประวัติส่วนตัวเลย!”

……………….