ช่วงเช้า วันที่ 16 มีนาคม…
ห้องรับแขก…
เผยเชียนมองชื่อบนประวัติส่วนตัวแล้วรู้สึกสับสนเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่าจะมีคนใช้ชื่อแบบนี้
แต่ก็โอเค เขาพยายามออกเสียงชื่อให้ถูก
“หม่าตู๋เปียวใช่ไหมครับ” เผยเชียนเงยหน้าขึ้นมามองนักวางเนื้อเรื่องที่หวงซื่อปั๋วแนะนำมา
หม่าอี้ฉวินพยักหน้า “ใช่ครับ บอสเผย เรียกผมว่า ‘หม่าอี้ฉวิน’ ก็ได้ คนอื่นๆ เรียกกันแบบนั้นครับ”
“อืมๆ”
เผยเชียนเริ่มไล่สายตาดูประวัติส่วนตัวในขณะที่หม่าอี้ฉวินนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ
จริงๆ แล้วเผยเชียนไม่ได้ตั้งใจจะรับใคร
ตอนนี้เขามีพนักงานเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์และพัฒนาเกมนักออกแบบเกมแล้ว
ส่วนอนาคตจะจ้างคนเพิ่มหรือเปล่า จะค้นคว้าและพัฒนาสองเกมไปพร้อมๆ กันไหม…
เผยเชียนยังไม่อยากคิดอะไรตอนนี้
แต่หวงซื่อปั๋วเป็นคนแนะนำหม่าอี้ฉวิน เผยเชียนเลยต้องมาสัมภาษณ์
ถ้าชายคนนี้มีประวัติส่วนตัวยอดเยี่ยม เขาคงต้องหาเหตุผลมาปฏิเสธไม่จ้าง
เผยเชียนไล่สายตาดูประวัติส่วนตัวอย่างรวดเร็ว
อืม ดูจากประสบการณ์ทำงานก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น
เขามีประสบการณ์ทำงานแค่ที่เดียวเหมือนหวงซื่อปั๋ว
ทั้งสองคนทำงานที่ฉางหยางเกมส์มาก่อน หวงซื่อปั๋วดูแลเรื่องการวางแผนงาน ส่วนหม่าอี้ฉวินดูเรื่องการวางเนื้อเรื่อง ดูแล้วสองคนนี้น่าจะเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันมา
อีกฝ่ายมีประสบการณ์ทำงานไม่ถึงปี ซึ่งเผยเชียนก็ค่อนข้างพอใจในจุดนี้
รายละเอียดอื่นๆ บนประวัติส่วนตัวก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย
หม่าอี้ฉวินเขียนประสบการณ์ทำงานไปตามจริงอย่างที่หวงซื่อปั๋วแนะนำ จริงๆ ก็ไม่มีเรื่องให้เขียนมากนัก ทำให้ประวัติส่วนตัวของเขาไม่ค่อยมีอะไร
หลังจากตรวจดูประวัติส่วนตัวเสร็จ เผยเชียนก็รู้สึกพึงพอใจ
จากสถานการณ์ในปัจจุบัน โต๊ะของหวงซื่อปั๋วช่วงนี้ก็ว่างอยู่ ถึงจะรับหม่าอี้ฉวินเข้ามาก็ไม่น่ามีอะไรต่างไปจากเดิม ให้เจ้าเด็กอมมือนี่ได้เดินเล่นในออฟฟิศคงไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับเขา
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เผยเชียนไม่ค่อยพอใจ
นั่นก็คือการศึกษาของอีกฝ่าย!
หวงซื่อปั๋วจบจากมหาวิทยาลัยธรรมดาทั่วไป แต่หม่าอี้ฉวินจบสาขาภาษาจีนจากหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำสิบอันดับต้นของประเทศ ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากสำหรับงานวางเนื้อเรื่อง
นอกจากนั้น การที่อีกฝ่ายเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับนี้ได้ก็บ่งบอกชัดเจนว่าน่าจะฉลาดไม่เบา
พอเห็นว่าบอสเผยดูประวัติส่วนตัวของตัวเองเสร็จแล้ว หม่าอี้ฉวินก็หยิบเอกสารอีกปึกออกมา “บอสเผยครับ นี่คือเรื่องสั้น เรียงความ และนิยายที่ผมเคยเขียน ลองดูได้นะครับ”
หืม
มีอะไรไม่ถูกต้อง!
เผยเชียนระแวดระวังขึ้นมาทันที เขาหยิบปึกงานเขียนขึ้นมาอ่านอย่างรวดเร็ว ใบหน้าบ่งบอกอารมณ์อันสับสนปนเป
หม่าอี้ฉวินดูหวั่นๆ
เขากลัวว่าบอสเผยจะไม่รับเขาเข้าทำงานเพราะไม่เห็นว่ามีความสามารถพิเศษอะไร จึงถ่ายเอกสารงานเขียนทั้งหมดที่เคยเขียนไว้ตอนเรียนมหาวิทยาลัยและตอนที่ทำงานที่เก่า โดยหวังว่าจะได้คะแนนพิเศษจากบอสเผย
ตามหลักการแล้ว งานเขียนพวกนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นในการพิจารณาเลือกคนมาทำตำแหน่งวางเนื้อเรื่อง
เผยเชียนเปิดอ่านงานเขียนที่อีกฝ่ายให้มา ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
ดีจริงๆ ที่หม่าอี้ฉวินเอางานเขียนให้ดูก่อน
ไม่อย่างนั้นเผยเชียนคงจ้างเขาไปแล้ว!
พอได้อ่านงานเขียนเหล่านี้ดูคร่าวๆ เผยเชียนก็รู้ว่าชายคนนี้ไม่ได้เป็นเหมือนที่ประวัติส่วนตัวบอกเอาไว้
ทักษะการเขียนของเขาไม่ได้แย่เลย!
เขียนได้ไหลลื่นมาก เลือกศัพท์มาใช้ได้อย่างสวยงาม แถมยังแสดงให้เห็นว่ามีความเข้าใจอันลึกซึ้งในเรื่องวรรณกรรมคลาสสิก!
บทสรุปที่เขียนให้ฉางหยางเกมส์ก็ดีมากๆ
เท่าที่เผยเชียนรู้ ชายคนนี้มาจากตระกูลมีการศึกษา
แน่นอนว่าเขาไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมายขนาดนั้น
อย่างน้อยก็จากที่ได้อ่านงานเขียนเหล่านี้
เผยเชียนจ้างชายคนนี้ไม่ได้
เขาไม่อยากแบกรับความเสี่ยง
ชายคนนี้คุณสมบัติไม่ตรงตามที่บริษัทเถิงต๋าต้องการ!
เผยเชียคิดหาเหตุผลปฏิเสธไม่จ้างหม่าอี้ฉวิน
ให้เหตุผลไปว่าอะไรดีนะ
เผยเชียนไล่สายตาดูประวัติส่วนตัวของหม่าอี้ฉวินอย่างรวดเร็วอีกครั้ง พยายามหาจุดบกพร่อง
เขาพบว่าหม่าอี้ฉวินเข้าทำงานที่ฉางหยางเกมส์เดือนตุลาคมปีก่อน
ไม่ได้เข้าทำงานที่นั่นทันทีที่เรียนจบ
หม่าอี้ฉวินเว้นระยะหลังเรียนจบไปประมาณสามถึงสี่เดือน เอาเวลาไปทำอะไรกันนะ
หรือจะเปลี่ยนงานกลางทางเหมือนหวงซื่อปั๋ว
มีอะไรแอบซ่อนอยู่หรือเปล่า
ดูท่าจะเอามาใช้เป็นข้ออ้างได้ดีเลย
“คุณเข้าทำงานที่ฉางหยางเกมส์เดือนตุลาคมปีก่อน ก่อนหน้านั้นคุณทำงานที่ไหนเหรอครับ” เผยเชียนถามอย่างเรียบง่าย
“อ๋อ เปล่าหรอกครับ หลังเรียนจบผมเขียนเว็บโนเวลอยู่พักหนึ่งเลยไม่ได้หางานทันที” หม่าอี้ฉวินตอบ
เขียนเว็บโนเวลเหรอ
ถือเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่!
หมอนี่ไม่ใช่เด็กหนุ่มผู้เก่งกาจและมากความสามารถนี่
“แล้วทำไมถึงเลิกเขียนเหรอครับ” เผยเชียนถาม
หม่าอี้ฉวินนึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป “คืองี้ครับบอสเผย
“จริงๆ แล้วผมเริ่มเขียนเว็บโนเวลตอนปีสี่ ช่วงแรกนิยายผมคือขยะเลย ไม่มีคนแชร์ ไม่มีแม้แต่คนอ่าน ผมเลยเขียนๆ เลิกๆ
“ช่วงปีนั้น ในที่สุดงานผมก็เริ่มมีคนเข้ามาอ่านบ้าง ถึงจะไม่มีใครแชร์นิยายผมผ่านช่องทางออนไลน์ แต่นักอ่านก็บอกกันปากต่อปาก จากนั้นผมก็เริ่มมีกลุ่มแฟนนักอ่านเป็นของตัวเอง ดูจากสถิติแล้ว ผมคิดว่าน่าจะได้กระแสตอบรับดีถ้าเปิดให้เสียเงินอ่าน แต่สุดท้ายคนที่ยอมเสียเงินอ่านวันแรกมีแค่…สามสิบคน”
“…” เผยเชียนรู้สึกสงสาร “เรื่องนั้นอาจจะวางเนื้อเรื่องได้ไม่ดีเท่าไหร่ ทำไมไม่ลองเขียนอีกสักเรื่องล่ะ”
“ผมไม่ได้เขียนแค่เรื่องเดียวน่ะสิครับ ผมเขียนเพิ่มอีกสามเรื่อง ทุกเรื่องสถิติดีมากก่อนเปิดให้เสียเงินอ่าน แต่พอเปิดให้เสียเงินอ่าน คนที่ยอมเสียเงินอ่านวันแรกมีไม่ถึงร้อยคน รวมๆ แล้วผมเขียนไปมากกว่าล้านคำ แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
“ผมไม่มีทางเลือกอื่น ผมจะอดตาย ก็เลยต้องไปหางานเป็นฝ่ายวางเนื้อเรื่อง” หม่าอี้ฉวินดูสิ้นหวัง
เผยเชียนสงสัยขึ้นมา “คุณ…ดันทุรังกับแนวที่เขียนไปหรือเปล่า หรือเนื้อเรื่องคุณไม่ดีตรงไหนทำไมถึงเป็นแบบนี้”
หม่าอี้ฉวินยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่รู้สิครับ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน”
“โอเค ผมรับคุณ!”
เผยเชียนตัดสินใจทันที
ทำอะไรก็พลาด นี่มันพนักงานแบบที่เขาต้องการไม่ใช่เหรอ
นายเปลี่ยนไปใช่แซ่หวง[1]เหมือนหวงซื่อปั๋วก็ได้นะ!
หม่าอี้ฉวินอึ้งไป เขาไม่คิดว่าบอสเผยจะจ้างตนเองง่ายๆ แบบนี้!
หรือบอสจะเห็นพรสวรรค์ของเราจริงๆ
หวงซื่อปั๋วบอกว่าบอสเผยเป็นคนสายตาแหลมคม แค่มองคนจากภายนอกก็เห็นทะลุเข้าไปถึงความสามารถพิเศษข้างใน
บางทีคนคนนั้นอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสามารถที่บอสเผยเห็นคืออะไร!
ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นอย่างนั้น!
เผยเชียนลุกขึ้นยืน “รีบไปลาออกจากที่เก่า แล้วกลับมาเซ็นสัญญากับเลขาซินนะครับ
“เรื่องเงินเดือน ผมจะจ่ายคุณเดือนละห้าพันหยวน มีโอกาสขึ้นเงินเดือนให้ภายหลัง”
…
เผยเชียนมองหม่าอี้ฉวินจากไปด้วยจิตใจชื่นบาน
หม่าอี้ฉวินเป็นคนมีความสามารถ ไม่ค่อยตรงกับคุณสมบัติที่เผยเชียนต้องการเท่าไหร่
แต่การเขียนหนังสือแล้วดับถึงสามครั้งไม่ใช่เรื่องธรรมดา!
เขามากับดวงจริงๆ!
ตอนนี้เผยเชียนต้องการคนดวงซวยแบบนี้!
ไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ที่ผ่านมามีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขาเต็มไปหมด ทำให้เขาเริ่มเชื่อเรื่องดวงชะตา
เผยเชียนเริ่มสงสัยว่าตัวเองน่าจะโชคดีเกินไป
มีคำพูดหนึ่งที่คนพูดกันบ่อยๆ ในวงการ
ถ้าคนไหนโชคดีเกินไปจะไม่เรียกว่าโชคแต่เป็นดวง!
โชคส่งผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวในช่วงหนึ่ง
ไม่เหมือนดวง ดวงเป็นเหมือนออร่าที่นำพาความโชคดีเข้ามาหาตัวเองอย่างต่อเนื่อง!
ดังนั้นเผยเชียนจึงคิดว่าถ้าจ้างคนแบบหม่าอี้ฉวินมาจะเป็นการถ่วงดุลความโชคดีของตัวเอง
ไม่อย่างนั้นถ้าทุกอย่างที่จับเป็นเงินเป็นทองไปหมดเขาคงได้กระอักเลือดแน่
ถึงจะดูเป็นเรื่องงมงาย ไม่มีหลักเหตุผล และไม่น่าเชื่อถือเกินไปหน่อย แต่ลองทดสอบดูก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่
………………..