บทที่ 127 เฉินชางคือใคร?

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

ทว่าในตอนที่รูปภาพในหน้าต่างนำเสนอแต่ละรูปปรากฏ จางโหย่วฝูก็ต้องมองจนตาค้าง!

ที่ประชุมจมลงสู่ความเงียบ เนื่องจากรูปภาพด้านบนทำให้ทุกคนตื่นตะลึงจริงๆ!

ยิ่งไปกว่านั้น…ยังเป็นภาพที่ดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร แต่พอคิดอย่างละเอียดกลับน่าหวาดกลัว!

ทุกคนต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ เพียงมองก็รู้ถึงความไม่ธรรมดาของมันแล้ว แต่ว่าของเหล่านี้ ยิ่งคุณรู้ดี ความตื่นตะลึงที่ได้รับก็ยิ่งน่าตกใจ

ดวงตาทั้งสองของจางโหย่วฝูจับจ้องอยู่บนรูปภาพโดยไม่ละสายตา นั่นคือภาพการเปรียบเทียบระหว่างสองภาพ เขียนหัวข้อไว้ว่าการเปรียบเทียบหลังผ่าตัด

นี่มันเป็นไปไม่ได้น่า?!

จางโหย่วฝูพูดพึมพำ ภาพแรกเป็นภาพการเย็บหลังจากการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบธรรมดา นี่เป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยดี ส่วนภาพที่สองเป็นภาพเปรียบเทียบของสิ่งที่เรียกว่าการผ่าตัดแบบบาดเจ็บน้อยผ่านการส่องกล้องสไตล์คุณเฉิน

เมื่อเปรียบเทียบกันเช่นนี้ จางโหย่วฝูยังรู้สึกอึ้ง

ทำได้อย่างไร!

เนื่องจากในภาพที่สองคล้ายกับไม่เห็นแผลการเจาะรูที่ต้องใช้ในการส่องกล้องเลย ถ้าหากไม่มีความรู้เกี่ยวกับช่องท้องเป็นอย่างดี เขาคงคิดไม่ถึงว่าท้องนี้เคยผ่านการเย็บมาก่อน

แต่ว่า…ปมอยู่ที่ไหน?

จางโหย่วฝูผ่าตัดด้วยการส่องกล้องมาครึ่งชีวิต อย่างอื่นอาจไม่เข้าใจ แต่เรื่องเช่นนี้เขาเชี่ยวชาญจนไม่รู้จะเชี่ยวชาญอย่างไรแล้ว และเป็นเพราะเชี่ยวชาญดี ในตอนที่เห็นความแตกต่างระหว่างภาพทั้งสองจึงคิดหาสาเหตุไปตามสัญชาตญาณ

แต่ว่า…ในขณะที่เขากำลังวิเคราะห์อยู่นั้นเอง จู่ๆ หลี่เป่าซานก็กดเปลี่ยนไปภาพนำเสนอที่สอง!

นี่ทำให้จางโหย่วฝูรู้สึกหงุดหงิด

ไอ้หลี่หน้าดำ ไอ้หลี่หัวล้าน ตอนให้คุณทำอะไรรวดเร็ว คุณกลับชักช้า พอมาถึงตอนที่ควรช้าคุณกลับเร็วซะได้!

แต่คราวนี้จางโหย่วฝูเรียนรู้แล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปแล้วค่อยดูอย่างละเอียด! ครั้งนี้เขาเห็นชัดเจน!

รูปเปรียบเทียบนี้เป็นสภาพหลังการเย็บไปแล้วหนึ่งสัปดาห์ การเปรียบเทียบนี้ทำให้เห็นความแตกต่างชัดเจน!

การเย็บแบบธรรมดามีจุดสีคล้ำที่ปรากฏชัดอยู่หนึ่งจุด คงเป็นรอยแผลเป็นหลังการผ่าตัด เพียงมองก็เห็น

ส่วนภาพเปรียบเทียบอีกภาพหนึ่งซึ่งก็คือการผ่าตัดแบบบาดเจ็บน้อยสไตล์คุณเฉิน กลับไม่เห็นแผลเป็นจากการเย็บเลย

ให้ตายสิ! ยอดเยี่ยมชะมัด!

การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องทำแบบนี้ได้หรือ?

เป็นคนมีพรสวรรค์จริงๆ…ตกลงทำได้อย่างไรกันแน่?

ตอนนี้เขาอยากเห็นภาพการเจาะรูที่ช่องท้องครั้งแรกแล้ว บางทีอาจทำให้รู้ก็เป็นได้

หลี่เป่าซานเปิดงานนำเสนอเสร็จแล้ว ใช้เวลาไปสิบนาที ในสิบนาทีนี้ทุกคนต่างหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปดังแชะๆๆ โดยเฉพาะเหล่าศัลยแพทย์ทั้งหลาย

หลี่เป่าซานปิดงานนำเสนอ หันไปมองทุกคนแล้วพูดขึ้นว่า “ทุกท่านเห็นแล้วนะครับ นี่คือเนื้อหาหลักของหัวข้อการศึกษา”

“แกนหลักของการผ่าตัดแบบแผลเล็กผ่านการส่องกล้องสไตล์คุณเฉินก็คือ ทำอย่างไรจึงจะทำให้จุดเด่นของการส่องกล้อง ซึ่งก็คือการบาดเจ็บน้อย มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมขึ้นได้ หรืออาจไปถึงผลลัพธ์ที่แทบจะไม่มีแผลเลย!”

“นี่ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่เป็นหัวข้อการวิจัยที่ทำได้จริง แผนกฉุกเฉินของพวกผมนำหัวข้อการวิจัยนี้มาดำเนินการแล้ว ส่วนใหญ่มีผลลัพธ์ที่ก้าวหน้า!”

เมื่อหลี่เป่าซานพูดจบก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย

ทุกคนต่างกำลังใคร่ครวญ ตอนนี้มีไม่กี่คนที่วิจัยหัวข้อที่ทำให้การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องมีการบาดเจ็บน้อยลงไปอีก เนื่องจากเดิมทีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องก็มีข้อดีมากพอแล้ว นั่นก็คือการบาดเจ็บค่อนข้างน้อยจนทุกคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก ทำให้กลายเป็นข้อจำกัดไปโดยไม่รู้ตัว

ความคิดนี้ดีมาก! ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเหมาะสมในการใช้งาน

การผ่าตัดแบบบาดเจ็บน้อยด้วยการส่องกล้องนี้เรียกว่ามีความหมายมหาศาลสำหรับโรงพยาบาลชั้นนำทั้งสามแห่งจริงๆ เพราะภายใต้สถานการณ์การแข่งขันเช่นนี้ หากคุณคิดจะพัฒนาให้ก้าวหน้า ก็จำเป็นต้องโดดเด่น!

โรงพยาบาลอันดับสองไม่นับเป็นโรงพยาบาลใหญ่อะไร เป็นเพียงโรงพยาบาลชั้นนำสามแห่งของมณฑลธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แม้แต่แพทย์แผนกศัลยกรรมทั่วไปของที่นี่ก็ยังต้องแย่งผู้ป่วยกับแผนกฉุกเฉิน

แบบนี้จะนับเป็นโรงพยาบาลใหญ่อะไรได้?

ก่อนหน้าที่จางโหย่วฝูจะมา แผนกศัลยกรรมทั่วไปเป็นแผนกที่ต้องวิ่งเต้นไปทั่วเพราะมีผู้ป่วยไม่พอ แต่ตอนนี้ยืนหยัดได้ด้วยตัวเองแล้ว เป็นแผนกใหญ่ที่มีรายได้หลายสิบล้านต่อปี

แต่ทั้งๆ ที่เป็นเช่นนี้ก็ไม่นับว่าติดอันดับในมณฑล ไม่เพียงแค่แผนกศัลยกรรมทั่วไปเท่านั้น แม้แต่แผนกศัลยกรรมทรวงอก แผนกเต้านม แผนกสูตินรีเวช…ต่างก็เป็นเช่นนี้

การผ่าตัดแบบแผลเล็กด้วยการส่องกล้องนี้ปรากฏตัวได้อย่างเหมาะสมจริงๆ เป็นไปได้ว่าจะนำนวัตกรรมใหม่ๆ และความสามารถในการแข่งขันมาสู่โรงพยาบาลอันดับสอง!

หลี่เจี้ยนเหว่ยเป็นรองผู้อำนวยการคณะกรรมการการจัดการของโรงพยาบาล และยังเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมกระดูกด้วย เป็นผู้นำที่มีอำนาจอย่างแท้จริงของโรงพยาบาล!

หลังจากเขาเห็นงานนำเสนอแล้ว หลี่เจี้ยนเหว่ยก็พูดขึ้นมาว่า “เป่าซาน หัวข้อการศึกษานี้เป็นความจริงทั้งหมดหรือครับ?”

เมื่อถามเช่นนี้ออกมา แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าตนไร้ระดับจริงๆ แต่อย่างไรก็ต้องถามออกมา! เพราะเขากลัวว่านี่จะเป็นเพียงมุกตลกของแผนกฉุกเฉิน!

หลี่เป่าซานผงกศีรษะ “ครับ หัวข้อนี้ได้รับการประเมินทางคลินิกเบื้องต้นแล้ว มีผลลัพธ์ที่เป็นจริงได้ รูปภาพทั้งหมด ข้อมูลทั้งหมด รวมถึงแผนภูมิทั้งหมดมีที่มาที่ไปนะครับ!”

หลี่เจี้ยนเหว่ยได้ยินดังนั้น สีหน้าพลันเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง “ดี!”

จู่ๆ เขาก็เคาะโต๊ะเป็นสัญญาณเรียกความสนใจจากทุกคน จากนั้นจึงแสดงท่าทีเคร่งขรึม มองไปที่ทุกคนด้วยความเคร่งเครียดจริงจัง ก่อนจะกล่าวขึ้นช้าๆ “ทุกคนรอหน่อยนะครับ ฟังผมพูดก่อน คุณค่าของงานนำเสนอนี้ผมไม่จำเป็นต้องพูดมาก ทุกคนต่างก็เห็นอยู่ในสายตา แต่วันนี้ผมจำเป็นต้องพูดบางอย่าง!”

“นั่นก็คือทุกคนห้ามเอางานนำเสนอในวันนี้ไปบอกกับคนอื่นเป็นอันขาด เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโอกาสในการการพัฒนาด้านศัลยกรรมของโรงพยาบาลอันดับสองของพวกเรา หวังว่าทุกคนจะระมัดระวังหน่อยนะครับ!”

ทุกคนผงกศีรษะ หากพูดให้ฟังดูแย่สักหน่อย โชคชะตาของพวกเขาและโรงพยาบาลอันดับสองต่างก็ถูกผูกติดกัน หากโรงพยาบาลอันดับสองก้าวหน้าได้ดี พวกเขาก็ก้าวหน้าได้ดี!

ยิ่งไปกว่านั้น หากนำไปพูดข้างนอกก็ไม่แน่ว่าคุณจะได้เรียนมัน เพราะจะอย่างไรการผ่าตัดแบบบาดเจ็บน้อยด้วยการส่องกล้องนี้ก็อยู่ในมือของแผนกฉุกเฉิน!

ตอนนี้หลี่เป่าซานจึงพูดต่อไปว่า “นี่เป็นสาเหตุที่ผมต้องขออภัยหัวหน้าแผนกจางครับ!”

“ความจริงไม่ใช่ว่าผมแย่งผู้ป่วยมาด้วยตัวเอง แต่ว่า…ผู้ป่วยเต็มใจมาหาพวกเราที่แผนกเอง”

หลี่เป่าซานพูดต่อไป “แต่ว่า…ช่วงนี้พวกเรารับผู้ป่วยค่อนข้างเยอะ สาเหตุเป็นเพราะพวกเราต้องการทำการวิจัยหัวข้อนี้ในเฟสสอง กำลังเปลี่ยนวิธีการผ่าตัดให้ดีและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นน่ะครับ ผมเชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ หมอเฉินกำลังพัฒนาการผ่าตัดวิธีนี้ไม่ได้หยุด คาดว่าเขาต้องคิดวิธีการผ่าตัดแบบบาดเจ็บน้อยด้วยการส่องกล้องที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมออกมาได้แน่!”

“พวกผมเองก็ถูกบีบบังคับจนไร้หนทางเหมือนกัน จำเป็นต้องรับผู้ป่วยให้มากสักหน่อย ดังนั้น…ถึงได้เกิดเรื่องในวันนี้ ผมต้องขออภัยหัวหน้าแผนกจางจริงๆ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลี่เป่าซานก็มองไปที่จางโหย่วฝูพลางยิ้มน้อยๆ “แต่ผมเชื่อว่าด้วยสถานภาพและน้ำจิตน้ำใจของหัวหน้าแผนกจางจะต้องเข้าใจความหมายและคุณค่าของการผ่าตัดนี้แน่นอน จะต้องให้ความร่วมมือกับแผนกฉุกเฉินของพวกเราเพื่อปรับปรุงวิธีการผ่าตัดนี้ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นแน่ ใช่ไหมครับ?”

จางโหย่วฝูคิดในใจว่า บ้านปู่คุณสิ! ไอ้หลี่หน้าดำ ไอ้หลี่หัวล้าน สารเลวเอ๊ย!

วันๆ คุณเอาแต่วางแผนร้ายใส่ผม แล้วยังมาพูดว่าผมเป็นคนโจมตีและวางแผนต่างๆ นานาอีก!

จางโหย่วฝูรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา แต่ยังคงแสดงท่าทีและพูดจาเป็นการเป็นงาน “ครับ! ใช่แล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเรื่องใหญ่แบบนี้ พวกเราก็ต้องวางท่าทีส่วนตัวลงแล้วร่วมมือกันให้ดี หัวหน้าแผนกหลี่วางใจเถอะ เรื่องในคราวนี้ผมต้องเข้าร่วมอย่างเต็มตัว ติดตามกระบวนการทั้งหมด และทำงานที่เกี่ยวข้องแน่นอน!”

ตอนนี้มีปัญหาหนึ่งที่ทุกคนสงสัยเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือหลี่เป่าซานได้รับวิธีการผ่าตัดแบบใหม่นี้มาได้อย่างไร?

คุณเฉิน?

ตกลงเป็นผู้เชี่ยวชาญคนไหนกัน?

หลี่เจี้ยนเหว่ยก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “เป่าซาน การผ่าตัดแบบบาดเจ็บน้อยด้วยการส่องกล้องสไตล์คุณเฉินนี้ ใครเป็นผู้วิจัยหรือครับ?”

หลี่เป่าซานยิ้มเล็กน้อย “รองผู้อำนวยการหลี่ก็เคยพบมาแล้วนะครับ เฉินชางไงครับ!”

เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ ทุกคนในที่ประชุมจึงพากันถกขึ้นมาทันที

“ใครคือเฉินชาง?”

“ผมไม่รู้! เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่แผนกฉุกเฉินรับเข้ามาหรือ?”

“อาจจะมาจากตระกูลใหญ่ก็ได้!”

“อ้อ…”

ส่วนจางโหย่วฝู เถามี่ และหลี่เจี้ยนเหว่ย พากันตกตะลึงไปแล้ว!

เป็นเขาหรือ?

พวกเขาคิดไปถึงหมอหนุ่มอายุน้อยถ่อมเนื้อถ่อมตัวคนนั้น หลี่เจี้ยนเหว่ยเผยสีหน้าน่าสนใจออกมา

นี่เป็นคนหนุ่มอย่างไรกันแน่?

ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่สังเกตเห็นเขานะ?

ดูท่าต่อไปนี้คงต้องพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเสี่ยวเฉินให้มากสักหน่อยแล้ว!

ตอนนี้ดวงตาของจางโหย่วฝูกลอกกลิ้งไปมา วางแผนการอยู่ในใจ จากนั้นจึงยกมือขึ้นพูดว่า “รองผู้อำนวยการหลี่ครับ ผมคิดว่างานนี้พวกเราควรให้ความร่วมมือกับแผนกฉุกเฉินอย่างเต็มที่นะครับ เพราะจะอย่างไรการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องก็เป็นงานที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปของพวกเราเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง มีไฟล์ข้อมูลเคสต่างๆ อยู่มาก อาจจำเป็นกับความก้าวหน้าของหัวข้อการศึกษานี้นะครับ!”

หลี่เจี้ยนเหว่ยพยักหน้า “ครับ! แบบนี้ก็ดี!”

หลี่เป่าซานมองดวงตาเล็กหรี่ทั้งสองที่อยู่บนใบหน้าของจางโหย่วฝู เกิดความรู้สึกระแวงขึ้นมา…ไอ้อ้วนนี่เล็งเฉินชางของพวกเราอีกแล้ว!

จางโหย่วฝูยิ้มอย่างสนิทสนม ใช่แล้ว ผมเล็งเสี่ยวเฉินของพวกคุณอยู่ พวกคุณเก็บไว้ให้ดีแล้วกัน ระวังผมขโมยไป!

หลี่เป่าซานหน้าดำทะมึนไปโดยพลัน ไอ้อ้วนนี่ หน้าด้านจริง!