บทที่ 98 ศิลปะคือการระเบิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 98 ศิลปะคือการระเบิด
เมื่อได้ฟังคำฟ้องร้องอันถูกต้องชอบธรรมของจางอวิ๋นซีแล้ว ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตที่เพิ่งทำเรื่องน่าละอายใจไปหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

เขามองลงไปข้างล่างเรือเหาะด้วยความอับอายและแค้นใจ “ไอ้ตาถั่วที่ไหนกล้าระเบิดเรือข้า!”

ทุกคนมองตามนักพรตชราเช่นกัน เห็นว่าข้างล่างเรือเหาะเป็นทะเลสาบมหึมา

เหนือทะเลสาบตอนนี้ยังมีไอน้ำและหมอกลอยขึ้นอยู่จำนวนมาก ประกายสายฟ้าในนั้นขยับวูบวาบ

เมื่อครู่ทะเลสาบแห่งนี้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง แรงปะทะโถมใส่เรือเหาะ

ตอนนี้พอเห็นนักพรตชราถามก็มีเด็กหนุ่มผมทองก้าวออกมา

เขาสวมชุดคลุมเต๋าของศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ดวงตาตี่เล็กน้อย ดูสุภาพมาก

ตอนนี้เห็นนักพรตชราโผล่มา เด็กหนุ่มนั่นทำหน้าจะร้องไห้นิดๆ “ขอคารวะอาจารย์ลุงบัวมรกต”

นักพรตชราพยักหน้า “ที่แท้ก็เจ้านี่เอง ทำการศึกษาระเบิดอีกแล้วรึ”

เด็กหนุ่มผมทองยิ้มน้อยๆ “ขอรับ อวิ๋นตี๋กำลังทดลองรูปแบบการผสานพลังวิญญาณใหม่อยู่ ศึกษายันต์ระเบิดอัสนีที่มีขีดความสามารถสูงขึ้น

เพราะภูเขารอบๆ แดนศักดิ์สิทธิ์โดนระเบิดจนเรียบหมดแล้ว ข้าเลยจำใจได้แต่มาทดลองที่ทะเลสาบกระจกจันทรา ไม่เคยคิดเลยว่าแรงปะทะจากยันต์ระเบิดอัสนีจะรบกวนอาจารย์ลุง อวิ๋นตี๋ขออภัยจริงๆ”

นักพรตชราเบ้ปาก “พูดขอโทษคำเดียวก็จบรึ มันระเบิดโดนเรือข้ารู้หรือไม่ จะต้องชดใช้เงิน!”

เด็กหนุ่มผมทองพูดด้วยความจนปัญญา “แต่ว่าอาจารย์ลุงบัวมรกต ตามหลักการล่องเรือเหาะเทพสวรรค์แล้ว ไม่ควรจะเปิดค่ายกลหรอกรึ”

นักพรตชราหน้าดำมืด ขณะกำลังคิดหาข้อแก้ตัวนั้น จางอวิ๋นซีกลับพูดด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรแล้ว “อาจารย์ลุง นี่จะโทษศิษย์น้องไม่ได้นะ!”

เด็กหนุ่มผมทองหรี่ตาลงส่งสายตาซึ้งใจให้จางอวิ๋นซี แม้จางอวิ๋นซีอาจจะไม่รับก็ตาม

ชื่อเสียงไม่ดีของอาจารย์ลุงบัวมรกตโด่งดังในแดนศักดิ์สิทธิ์มาก ครั้งนี้ล่วงเกินเขาคงจัดการไม่ได้ง่ายจริงๆ

ยังดีที่ศิษย์พี่หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดถือความถูกต้องชอบธรรมที่สุดอยู่ข้างกาย ไม่อย่างนั้นเป็นปัญหาแน่

เฮ้อ ศิษย์พี่หญิงสตรีศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพยำเกรงเลื่อมใสเหมือนเดิมเลยจริงๆ!

……

เรือเหาะบินขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ทุกคนอยู่ไม่ไกลจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว เพราะทะเลสาบกระจกจันทราเป็นทะเลสาบใหญ่ที่สุดใกล้เคียงเมืองเทพสวรรค์ ใกล้กับยอดเขาเทพสวรรค์มาก

ถ้าไม่อย่างนั้น ศิษย์สายตรงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คงไม่ตั้งใจมาทดลองวิชาอัสนีเป็นพิเศษ

บนดาดฟ้าเรือ เสิ่นเทียนพิจารณาอยู่ชั่วครู่ก่อนถาม “ศิษย์พี่หญิง เมื่อครู่ท่านนั้นคือศิษย์พี่แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกันรึ”

จางอวิ๋นซีพยักหน้า “ใช่ ยุคนี้ในฝ่ายเรามีผู้อาวุโสระดับหลอมรวมเทพเก้าท่าน แบ่งกันปกครองเก้ายอดเขาวิญญาณแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ เด็กหนุ่มคนเมื่อครู่นั้นคือศิษย์ที่มีตำแหน่งสูงสุดของยอดเขาวิญญาณบัวทองคำ ฉินอวิ๋นตี๋ และก็เป็นบุตรชายคนเดียวของอาจารย์อาหญิงบัวทองคำ

แต่ศิษย์น้องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายเรา ดังนั้นตามกฎแล้วเขาควรจะเรียกเจ้าว่าศิษย์พี่ต่างหาก”

เสิ่นเทียนเหมือนมีความคิดบางอย่าง “ที่แท้ก็เช่นนี้เอง ข้าว่าศิษย์น้องนั่นองอาจห้าวหาญไม่ธรรมดามากเลยนะ!”

ใช่ วงรัศมีของเจ้านั่นเป็นสีแดงบริสุทธิ์ขอบทอง จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!

และที่สำคัญกว่านั้นคือเมื่อครู่เสิ่นเทียนชำเลืองตามองด้วยความตกใจ เห็นภาพบนศีรษะเจ้านั่นด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ที่นี่มีคนเยอะมาก ไม่สะดวกจะเสแสร้งแกล้งทำละก็ ตอนนี้เขาคงกระโดดลงมาโอ้อวดแล้ว

เฮ้อ เมื่อครู่เห็นไม่ชัด เดี๋ยวว่างแล้วค่อยไปหาศิษย์น้องท่านนี้ หวังว่าเขาจะยังไม่พบโชคลิขิตนะ

เสิ่นเทียนจดจำศิษย์น้องสายตรงนามฉินอวิ๋นตี๋นี้เอาไว้เงียบๆ ในใจ ทว่าจางอวิ๋นซีกลับไม่คิดเช่นนั้น

นางเอ่ยนิ่งๆ ว่า “จะว่าไม่ธรรมดาก็ไม่ธรรมดาจริงๆ เสียดายก็แต่ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋มีเพียงพรสวรรค์แต่กลับเปล่าประโยชน์ ด้วยคุณสมบัติของเขาหากตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ตอนนี้คงอยู่ระดับแก่นพลังทองแล้ว

น่าเสียดายก็แต่ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ไม่ได้สนใจการฝึกบำเพ็ญเลย เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการศึกษายันต์อัสนี ถึงยันต์อัสนีที่เขาทำขึ้นจะมีอานุภาพไม่ธรรมดาจริงๆ เหนือกว่าของคนอื่นๆ หลายส่วน ซ้ำยังเคยใช้ค่ายกลยันต์ระเบิดอัสนีสร้างฐานหกพันใบระเบิดสัตว์อสูรช่วงปลายแก่นพลังทองตัวหนึ่งตาย

แต่ในมุมมองข้า การอาศัยพลังภายนอกต่อสู้ มันก็ยังเป็นการเดินออกนอกลู่นอกทางอยู่ดี ภายภาคหน้าหากศิษย์น้องต้องการยันต์ระเบิดอัสนีก็ไปขอซื้อจากศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ได้

บอกชื่อศิษย์พี่หญิงไป น่าจะได้ลดราคาบ้าง แต่อย่าเอาอย่างศิษย์น้องอวิ๋นตี๋เด็ดขาด การฝึกบำเพ็ญสิคือรากฐาน”

…….

จางอวิ๋นซีเหมือนจะกลัวว่าเสิ่นเทียนจะเสียคนตามฉินอวิ๋นตีเลยร่ายสถานการณ์ต่างๆ มากมายให้ฟังในอึดใจเดียวอย่างพบเห็นได้ยาก

เสิ่นเทียนพยักหน้า เขาพอจะเข้าใจศิษย์น้องฉินอวิ๋นตี๋คนนั้นคร่าวๆ แล้ว

ศิษย์น้องคนนั้นก็คือทายาทของผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพเช่นกัน ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจในแดนศักดิ์สิทธิ์รุ่นสอง แต่เจ้านี่เอาเงินค่าขนมทั้งหมดที่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำมารดาเขาไปใช้ศึกษาวิจัยหมด

ส่วนในศิษย์พี่ศิษย์น้องรุ่นเดียวกันตอนนี้ ฟางฉาง จางอวิ๋นถิงและจางอวิ๋นซีรวมแก่นพลังทองออกมาแล้ว สามคนที่เป็นแนวหน้ายังติดสิบอันดับแรกในรายนามแก่นพลังทองแดนบูรพาอีก

ทว่าฉินอวิ๋นตี๋จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นไก่อ่อนระดับสร้างฐานเท่านั้น

ทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำมารดาเขาโกรธจนแทบจะตัดแม่ตัดลูกกับเขา

ทุกคนรู้ว่าการศึกษาวิจัยเผาเงินมากที่สุด

เห็นบุตรชายตนเอาเงินไปใช้นอกลู่นอกทางเช่นนี้ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวทองคำจึงโมโหและตัดสวัสดิการศิษย์สายตรงของฉินอวิ๋นตีทันที

เดิมทีคิดว่าทำเช่นนี้บุตรชายตนจะไม่มีทางเลือก ได้แต่กลับมายอมแพ้ว่านอนสอนง่าย

แต่ไม่นึกเลยว่าด้วยการถูกบีบบังคับ ฉินอวิ๋นตี๋กลับเดินบนเส้นทางใหม่ เริ่มขายยันต์อัสนีในแดนศักดิ์สิทธิ์

ต้องพูดว่าแม้ฉินอวิ๋นตี๋จะมีพลังบำเพ็ญไม่สูง แต่ยันต์อัสนีขั้นสองหลังจากที่เขาปรับแก้แล้วก็ไม่เลวจริงๆ

ยันต์อัสนีขั้นสองธรรมดาหนึ่งแผ่นมีอานุภาพพอๆ กับอานุภาพครึ่งหนึ่งของผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานที่โจมตีสุดแรง แต่ยันต์อัสนีขั้นสองที่ฉินอวิ๋นตี๋ปรับแก้มันมีอานุภาพเท่ากับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับสร้างฐานโจมตีถึงเจ็ดส่วน

หรือก็คือ ยันต์อัสนีของฉินอวิ๋นตี๋มีอานุภาพแกร่งกว่ายันต์อัสนีธรรมดาถึงสี่ส่วน!

ด้วยเหตุนี้ยันต์อัสนีของเขาจึงถูกผลักดันเข้าตลาด ศิษย์ระดับล่างจำนวนมากในแดนศักดิ์สิทธิ์พากันยื้อแย่ง กระทั่งผู้ฝึกบำเพ็ญธาตุสายฟ้านอกแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยยังมาชื่นชมชื่อเสียงหวังจะได้ซื้อยันต์อัสนีของฉินอวิ๋นตี๋

ถึงอย่างไรบางครั้งผู้บำเพ็ญเซียนก็จะออกไปเสี่ยงอันตรายฝึกฝนข้างนอก ยามเจออันตรายไม่มีทางเร่งรัดพลังวิญญาณของตนได้ไร้ขีดจำกัดออกมาโจมตีได้

ภายใต้สถานการณ์เสียพลังวิญญาณอย่างหนัก ยันต์อัสนีที่มีอานุภาพแข็งแกร่งหลายใบก็มากพอจะช่วยเจ้าสร้างโอกาสหนีรอดแล้ว

กระทั่งหากดวงดี เรียกยันต์อัสนีออกมาหลายใบให้ระเบิดพร้อมกัน บางทีอาจจะสวนกลับเอาชนะได้

ภายใต้สถานการณ์นี้ ยันต์อัสนีที่ฉินอวิ๋นตี๋ขายจึงเป็นของดีราคาถูก ย่อมเป็นที่ยอมรับ

…….

ทว่าฉินอวิ๋นตี๋เขียนยันต์อัสนีขึ้นมาไม่ได้สบาย อีกทั้งหลักๆ ทำเพราะความสนุกไม่ใช่หาเงิน แต่เป็นการศึกษาวิจัย

ด้วยเหตุนี้ยันต์อัสนีส่วนใหญ่ที่เขาวาดออกมา เขาจะจุดชนวนด้วยตัวเองและสังเกตอานุภาพกับจดบันทึกข้อมูลเปรียบเทียบ

ส่วนที่เอาไปขายในตลาดจริงๆ เป็นเพียงส่วนน้อยในนั้น

นี่ทำให้ฉินอวิ๋นตี๋ร่ำรวยจากการขายยันต์ได้ยาก ยังคงใช้ชีวิตไปด้วยสภาพเงินขาดมือ

พอได้ฟังจางอวิ๋นซีแนะนำตัวฉินอวิ๋นตี๋จบแล้ว เสิ่นเทียนอดอึ้งไปมิได้

ไม่นึกเลยว่าในโลกบำเพ็ญเซียนที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์นี้จะมีอัจฉริยะลุ่มหลงในการศึกษาวิจัยอยู่ ที่สำคัญที่สุดคือเขาฝึกฝนวิชาอัสนี แต่กลับมีใจศึกษาระเบิด

ระเบิดคือศิลปะ เสี่ยวตี๋ นั่นใช่เจ้าหรือไม่เสี่ยวตี๋[1]

…………………………………………………..

[1] เสี่ยวตี๋ ชื่อย่อแบบจีนของเดอิดาระตัวละครในการ์ตูนเรื่องนารูโตะ คลั่งไคล้ระเบิด มีคำพูดติดปากว่าศิลปะคือการระเบิด