ตอนที่ 151 เธอคือนักแสดงตัวจริง / ตอนที่ 152 บรรยากาศมันประหลาด

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 151 เธอคือนักแสดงตัวจริง

 

 

หลินเยียนคิดว่าหรือบางทีเว่ยสวีเฟิงอาจเป็นพวกโรคจิต…

 

 

เมื่อถ่ายทำเสร็จ หลินเยียนก็กลับไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อล้างเครื่องสำอาง

 

 

“พระเจ้า กว่าจะแต่งหน้าเสร็จก็ใช้เวลาตั้งนาน แล้วตอนนี้ฉันก็ต้องล้างเครื่องสำอางอีก…ทำไมเป็นผู้หญิงมันถึงยากอย่างนี้นะ”

 

 

หลินเยียนเพิ่งทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง

 

 

เว่ยสวีเฟิงมาอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว

 

 

ตั้งแต่เธอถ่ายรูปเสร็จ เว่ยสวีเฟิงก็วนเวียนอยู่รอบตัวเธอตลอดเวลา เหมือนกับเขากลัวว่าเธอจะหนีไป

 

 

หลินเยียนลุกขึ้นและถอยหนีจนกระทั่งห่างจากเขาไม่น้อยกว่าสิบก้าว “คุณเว่ย มีอะไรหรือคะ”

 

 

เว่ยสวีเฟิงที่ดูจะรู้สึกตัวแล้ว มองเธอด้วยสายตาสงบนิ่ง “พี่เยียน พี่เรียกผมว่าเสี่ยวเฟิงก็ได้นะครับ”

 

 

หลินเยียนขมวดคิ้ว และตัดสินใจที่จะไม่อ้อมค้อม “คุณเว่ย ฉันจะพูดตรงๆ นะคะ คุณน่าจะรู้ว่าฉันเป็นคนมีประวัติ แล้วคนก็พากันพูดถึงข่าวลือเรื่องของเรา เมื่อคืนวานนี้ คุณก็ตอบรับแล้ว ฉันคิดว่า ถ้าเป็นคนปกติทั่วไป คุณก็น่าจะอยู่ห่างๆ ฉันเอาไว้ ถึงจะยังไง ฉัน…”

 

 

เว่ยสวีเฟิงยืดตัวและศีรษะขึ้นตรง ก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาว่า “ผมไม่ใช่คนทั่วไป…”

 

 

หลินเยียนอุทาน “หือ”

 

 

เว่ยสวีเฟิงพึมพำ “ผมไม่เข้าใจ…”

 

 

หลินเยียนพูดไม่ออก…

 

 

เว่ยสวีเฟิงสูดหายใจเข้าลึกและมองเธออยู่นาน “พี่เยียน พี่…พี่จำผมไม่ได้เหรอครับ”

 

 

หลินเยียนมองด้วยความประหลาดใจ “คุณหมายความว่ายังไง”

 

 

ทำไมเขาถึงพูดเหมือนกับว่าเธอกับเขาเคยรู้จักกันมาก่อน

 

 

ก่อนวันนี้ เธอไม่เคยพบกับเว่ยสวีเฟิงมาก่อนเลย…

 

 

เว่ยสวีเฟิงที่เห็นหลินเยียนมีท่าทีไม่เข้าใจอะไรเลย เริ่มเป็นกังวล “เมื่อสามปีก่อน ในเมืองหลวงของประเทศเอ็ม ในงานกาล่าดินเนอร์การกุศล ที่จัดโดยสมาพันธ์นักแข่งรถนานาชาติ ทางผู้จัดการเชิญชวนให้นักแข่งดังๆ ร่วมกันบริจาคของส่วนตัวเพื่อนำมาประมูลหาเงินให้กับเด็กๆ…”

 

 

หลินเยียนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นขณะที่เขาพูด

 

 

เธอจำได้ลางๆ ว่า เธอไปร่วมงานดินเนอร์การกุศลที่ว่า เธอนำสร้อยคอที่มีค่ามากสำหรับเธอไปด้วย มันเป็นเหรียญบรอนซ์อันเล็กๆ ที่สลักวันที่ที่เธอลงแข่งอย่างเป็นทางการครั้งแรกเอาไว้

 

 

ค่ำวันนั้น สร้อยคอถูกประมูลไปด้วยราคาที่สูงที่สุดในบรรดาของทุกชิ้น ซึ่งทำให้เธอประทับใจอย่างมาก

 

 

แล้วทำไมอยู่ๆ เว่ยสวีเฟิงถึงได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาไปร่วมงานวันนั้นด้วยเหรอ

 

 

เว่ยสวีเฟิงมองหลินเยียนอยู่นาน ตาของเขาเริ่มแดงเมื่อแน่ใจว่าเธอจำเขาไม่ได้ “พี่เยียน พี่เอาเหรียญบรอนซ์ที่สลักวันที่ที่พี่ลงแข่งขันอย่างเป็นทางการครั้งแรกไป ผมเป็นคนประมูลมัน…”

 

 

ดวงตาของหลินเยียนค่อยๆ เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ แล้วเว่ยสวีเฟิงก็ดึงคอเสื้อ และล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ต เขาดึงเอาเหรียญบรอนซ์อันเล็กๆ ออกมาด้วยความระมัดระวัง

 

 

“คุณจำเรื่องนี้…ไม่ได้เลยสักนิดเดียวเหรอครับ เยวา…”

 

 

หลินเยียนนิ่งอึ้ง…

 

 

ทันทีที่หลินเยียนได้ยินชื่อ ‘เยวา’ เธอก็ตัวแข็งและจ้องมองสร้อยคอของเว่ยสวีเฟิง

 

 

ให้ตายสิ!

 

 

ไม่ว่าเธอจะพยายามนึกแค่ไหน เธอก็นึกไม่ถึงเลยจริงๆ…

 

 

เว่ยสวีเฟิง…คือ…แฟนคลับของเธองั้นเหรอ เหลือเชื่อมาก!

 

 

นี่เธอมีแฟนคลับด้วยงั้นเหรอ น่าทึ่งที่สุด!

 

 

แน่ละ ว่านั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด เรื่องนี้มันจะไม่บังเอิญเกินไปหน่อยเหรอ

 

 

 

 

 

ตอนที่ 152 บรรยากาศมันประหลาด

 

 

เว่ยสวีเฟิงสอดสร้อยคอกลับเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ต แล้วอยู่ๆ เขาก็เริ่มถอดเสื้อโดยไม่พูดอะไร…

 

 

หลินเยียนกลัวสุดขีดกับการกระทำของเขา!

 

 

กรี๊ด…

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

 

 

ทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้…ถอดเสื้อผ้าแบบนี้  เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่ดีๆ!

 

 

แต่ในฐานะนักขับรถแข่งตัวจริง เธอจะไม่มีวันทำเรื่องเสื่อมเสียกับแฟนคลับของเธอ!

 

 

ถ้ามีใครมาเห็นพวกเธอตอนนี้เข้า เธอจะไม่มีทางกอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองได้อีกเลย!

 

 

ปฏิกิริยาแรกของหลินเยียนก็คือพุ่งตัวไปด้านหลังของเว่ยสวีเฟิงในพริบตา และลงกลอนประตู

 

 

เมื่อลงกลอนประตูเสร็จ หลินเยียนก็นึกขึ้นได้ว่า…ถ้าเธอล็อกประตูมันจะยิ่งไม่ดูประหลาดเข้าไปใหญ่หรือ

 

 

ความเงียบอันน่าประหลาดปกคลุมไปทั่วห้องแต่งตัว

 

 

หลินเยียนขยับเท้าและรีบหมุนตัวโดยเร็ว แล้วเธอก็ได้เห็นเว่ยสวีเฟิงยืนกึ่งเปลือยอยู่ตรงนั้น

 

 

เป็นภาพที่อุจาดตาซะจริง

 

 

นี่มัน…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ

 

 

หลินเยียนที่สติหลุดไปแล้ว ยกมือขึ้นทาบหน้าผาก “อะไรกัน… เว่ยสวีเฟิง…ใจเย็นก่อนนะ…ฟังฉันก่อน…”

 

 

สายตาของเว่ยสวีเฟิงจ้องมองเธอแทบทะลุขณะที่ก้าวเท้าเข้ามาหา เขาชี้ไปที่เอวของตัวเองแล้วพูดว่า “คุณจำลายเซ็นนี่ได้รึเปล่า”

 

 

สายตาของหลินเยียนมองไปตามนิ้วของเขาที่ชี้ไปที่เอว

 

 

ตรงนั้นมีรอยสักเป็นชื่อชื่อหนึ่ง เยวา

 

 

“ตอนนั้นผมไม่มีกระดาษติดมือมาด้วย ผมก็เลยขอให้คุณช่วยเซ็นลงบนตัวผม แล้วผมก็ทำใจล้างมันออกไม่ได้ ผมก็เลยสักลายเซ็นของคุณไว้บนตัวซะเลย แบบนี้มันจะได้ไม่หายไปไหนไงล่ะ” เว่ยสวีเฟิงพูดช้าๆ

 

 

หลินเยียนมองดูแฟนคลับผู้สุดแสนคลั่งไคล้ตรงหน้าตัวเอง ถ้าจะบอกไม่รู้สึกซาบซึ้งใจเลยก็คงจะเป็นการโกหก

 

 

ตอนที่เธอเป็นนักแข่งรถอยู่ต่างประเทศ เธอก็สนใจแต่การแข่งขันเท่านั้น เธอไม่เคยสนใจข่าวหรือว่าสื่อใดๆ เลย งานที่ไปร่วมก็มีแค่งานการกุศลเท่านั้น

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้ว่า เธอมีแฟนคลับที่บูชาและสนับสนุนเธอมากขนาดนี้

 

 

แล้วเธอจะไปสู้หน้าแฟนคลับได้ยังไงในเมื่อตัวเองยังอยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดนี้

 

 

หลินเยียนปรับอารมณ์แล้วมองหน้าเขา “ขอโทษนะเว่ยสวีเฟิง ฉันคิดว่าคุณจำคนผิดน่ะค่ะ ฉันไม่ใช่คนที่คุณพูดถึงหรอก”

 

 

“ไม่ใช่เหรอ” เว่ยสวีเฟิงมีท่าทีผิดหวัง

 

 

“คนที่คุณเห็นคือเยวา คุณแน่ใจหรือคะว่าเธอหน้าตาเหมือนกับฉันน่ะ” หลินเยียนถามอย่างเยือกเย็น

 

 

ในที่สุดเธอก็จำทุกอย่างได้แล้ว และจำได้ด้วยว่าเธอสวมหน้ากากและหมวกแก๊ปตลอดเวลาที่อยู่ในงานครั้งนั้น เพราะฉะนั้นเธอไม่เคยเปิดเผยใบหน้าให้เว่ยสวีเฟิงเห็นแน่นอน

 

 

เว่ยสวีเฟิงเม้มปากและส่ายหน้า “เธอไม่ค่อยเปิดเผยใบหน้า นอกจากพวกนักแข่งด้วยกันแล้ว ก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าเธอ ตอนที่ผมพบเธอ เธอใส่หน้ากากกับสวมหมวกแก๊ป แต่…ตาของคุณ…”

 

 

เขาเงยหน้าขึ้น สบตากับเธอ “ตาของคุณเหมือนเธอมาก ผมมั่นใจว่าครั้งนี้ผมจำไม่ผิด!”

 

 

หา

 

 

ทำไมเว่ยสวีเฟิงถึงพูดเหมือนว่าเขาเคยจำผิดมาก่อนล่ะ

 

 

หลินเยียนมองดูเขาด้วยท่าทีสงบ “ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นหน้าเธอ คุณจะแน่ใจได้ยังไงคะว่าฉันคือเธอด้วยการแค่มองตาเท่านั้น อีกอย่าง ประวัติและข้อมูลของฉันก็เป็นสิ่งที่คนรู้กันทั่วไป ลองคิดทบทวนดูดีๆ อีกครั้งสิคะ แล้วคุณจะรู้ว่าฉันไม่มีทางเป็นเธอคนนั้นได้”

 

 

“เป็นไปไม่ได้…ถ้างั้นทำไมคุณถึงได้ตกใจตอนที่ผมเอ่ยชื่อเยวาขึ้นก่อนหน้านี้ล่ะ” เว่ยสวีเฟิงถามอย่างหลักแหลม