ตอนที่ 153 นิสัยที่เปลี่ยนไปโดยไม่บอกกล่าว / ตอนที่ 154 ตราบใดที่ทุกคนมีความสุข

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 153 นิสัยที่เปลี่ยนไปโดยไม่บอกกล่าว

 

 

หลินเยียนกระแอมเบาๆ “นั่นเป็นเพราะว่า…ฉันเคยได้ยินชื่อเธอมาก่อนน่ะสิคะ ชื่อของนักแข่งรถหญิงที่ถูกลือไปทั่วทั้งสนามแข่งแบบนั้นน่ะ อีกอย่าง เธอถูกแบนจากการลงแข่งไม่ใช่หรือคะ”

 

 

เมื่อเว่ยสวีเฟิงได้ยินดังนั้น เขาก็โกรธจัดทันที สายตาที่เป็นประกายด้วยความรักใคร่ในตอนแรก เปลี่ยนเป็นเย็นชา “เงียบนะ! คุณจะไปรู้อะไร กล้าดียังไงมาวิจารณ์เธอแบบนี้ ข่าวลือไร้สาระอะไรพวกนั้น ยาเสพติดต้องห้ามบ้าบอ! พวกเขามีพยานรู้เห็นรึเปล่า”

 

 

เธออุทิศชีวิตให้กับการแข่งขันและออกเดินทางตลอดทั้งปี เธอลงแข่งทั้งหมด 168 ครั้ง และสร้างชื่อจากทุกการแข่งขันที่เธอเข้าร่วม รวมถึงการแข่งขันรายการใหญ่ระดับนานาชาติ 37 ครั้ง ได้รางวัลชนะเลิศ 30 ครั้ง ได้รองอันดับหนึ่ง 5 ครั้ง ได้ที่สาม 2 ครั้ง…เธอตะเกียกตะกายขึ้นสู่การเป็นเบอร์หนึ่งและกลายเป็นสุดยอดนักแข่งรถระดับโลก แล้วทำไมเธอถึงจะต้องอาศัยยาเสพติดต้องห้ามเพื่อส่งเสริมความสามารถของตัวเองด้วยล่ะ

 

 

นักแข่งจะต้องหัวสมองปลอดโปร่งและควบคุมจิตใจให้สงบตลอดระยะเวลาการแข่งขัน ถ้าเธอใช้ยา มันจะทำให้เธอมีการอาการตื่นเต้นเกินเหตุ ซึ่งจะนำไปสู่อุบัติเหตุได้ แล้วแบบนี้เธอจะเสพยาได้ยังไงกัน มีแต่พวกมือสมัครเล่นเท่านั้นแหละที่จะทำแบบนั้น!

 

 

เยวาอาจจะเป็นแค่เด็กสาว แต่ความทรหด เรี่ยวแรง ทักษะ และประสบการณ์ของเธอสามารถบดขยี้คนอื่นได้ราบคาบ! คนที่ปล่อยข่าวลือแบบนั้นเป็นพวกไร้หัวคิดหรือไงกันนะ

 

 

ยิ่งเว่ยสวีเฟิงพูดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ตาเขาแดงก่ำไปหมด

 

 

ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกแล่นไปทั่วร่างของหลินเยียนเมื่อฟังที่เว่ยสวีเฟิงพยายามปกป้องเธอ

 

 

เธอสร้างศัตรูมากมายเกินไป เพราะแบบนี้ เมื่อเกิดข่าวลือขึ้น แทบทุกคนจึงพากันหันหลังให้เธอ…

 

 

เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ยินสิ่งนี้จากเว่ยสวีเฟิง

 

 

“ขอโทษนะ” หลินเยียนตอบ

 

 

เว่ยสวีเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึกและเริ่มสงบลงเล็กน้อย เขาก้มตัว ซบหน้าลงกับฝ่ามือ ก่อนจะเอนตัวพิงโซฟาเงียบๆ

 

 

หลินเยียนเกาหัวและหยิบเสื้อเขาขึ้นมา “ใส่เสื้อซะก่อนเถอะ”

 

 

เว่ยสวีเฟิงเงยหน้าขึ้น จ้องมองเธออย่างดุดัน “ถ้าคุณไม่ใช่เธอ แล้วทำไมถึงได้ทำตัวเหมือนว่าเป็นล่ะ คุณวางแผนที่จะทำแบบนี้ใช่มั้ย นี่คุณอยากได้ตัวผมงั้นเหรอ”

 

 

มุมปากของหลินเยียนกระตุกขึ้น หนุ่มน้อยคนนี้สามารถเปลี่ยนท่าทีได้แบบไม่ทันตั้งตัวเลย

 

 

หลินเยียนตอบ “คุณคือคนที่คิดว่าฉันเป็นคือเยวาเองนะ แล้วคุณก็ถอดเสื้อตัวเองออก…”

 

 

“หุบปาก! คุณไม่คู่ควรที่จะเอ่ยชื่อเธอ!” เว่ยสวีเฟิงมองเธอด้วยสายตาคมปลาบ ตะคอกเสียงดัง “แล้วทำไมตาคุณถึงได้เหมือนเธอนัก ทำไมแววตาของคุณถึงเหมือนเธอ ใครอนุญาตให้คุณทำแบบนี้”

 

 

ท่าทางของเขาไม่ยินยอมที่เธอจะมีดวงตาแบบเดียวกับเยวา แถมยังแสดงให้เห็นด้วยว่าเธอไม่คู่ควรกับดวงตาคู่นี้ เขาทำท่าเหมือนอยากจะควักลูกตาเธอออกมา

 

 

หลินเยียนระบายลมหายใจอย่างหมดหนทาง หนุ่มน้อยคนนี้ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

 

 

เธอกำลังจะอ้าปากพูดเมื่อเว่ยสวีเฟิงซบหน้าลงกับฝ่ามืออีกครั้ง

 

 

จนผ่านไปพักใหญ่ น้ำเสียงจริงจังของเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ตั้งแต่การแข่งขัน เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีคนบอกว่าเธอกลับประเทศไปแล้ว ผมพยายามตามหาว่าเธออยู่ที่ไหน แต่ก็หาไม่เจอ เธอหายไปไหนกันนะ นี่เธอทำอะไรโง่ๆ เข้าหรือเปล่า”

 

 

ริมฝีปากของหลินเยียนกระตุก “เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะไปเกิดอะไรขึ้นกับเธอได้ ถ้าเธอแข่งรถต่อไปไม่ได้แล้ว เธอก็จะต้องไปหาอย่างอื่นทำน่ะสิ! ถ้าเป็นแบบนี้…บางทีฉันอาจจะเป็นเยวาก็ได้นี่นะ”

 

 

เว่ยสวีเฟิงสะบัดหัวแล้วจ้องหน้าเธอ “หุบปากนะ! อย่าบังอาจมาดูถูกเทพธิดาของผม! ถ้าคุณเป็นเธอจริงละก็ ผมขอกระโดดหน้าต่างตายซะดีกว่า!”

 

 

หลินเยียนตอบ “โอ้…”

 

 

 

 

 

ตอนที่ 154 ตราบใดที่ทุกคนมีความสุข

 

 

เว่ยสวีเฟิงที่หน้าตาบึ้งตึงคว้าเสื้อของตัวเองคืนมาจากหลินเยียนและสวมกลับเข้าไป ก่อนที่จะเปลี่ยนท่าทีกลับไปเป็นเย่อหยิ่งตามเดิม

 

 

หลินเยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

 

ในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว

 

 

หลินเยียนล้างเครื่องสำอางและไปเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของตัวเอง

 

 

เมื่อกลับออกมา เธอก็เห็นเว่ยสวีเฟิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าว่างเปล่า ดูเหมือนเขาจะยังทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

 

 

หลินเยียนก้มหน้าแล้วระบายลมหายใจกับตัวเองเบาๆ นี่แหละดีที่สุดแล้ว ถ้าเขารู้ว่าเทพธิดาที่เขาชื่นชมและยกย่องถูกลดสถานะลงมาเป็นแบบนี้ เขาน่าจะช็อกยิ่งกว่านี้อีก

 

 

“คุณชายเว่ยคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนละนะคะ!” หลินเยียนคว้ากระเป๋าและโทรศัพท์

 

 

เว่ยสวีเฟิงไม่ตอบอะไร เอาแต่นั่งจมอยู่กับความเศร้าหมองและทุกข์ใจอย่างนั้น

 

 

หลินเยียนห่อปาก ก่อนจะผลักประตูเปิด

 

 

ตัวตัวโทรไปสั่งรถให้เตรียมพร้อม เมื่อเธอเห็นหลินเยียน ทั้งคู่ก็ออกเดินไปด้วยกัน

 

 

“พี่เยียน…” ตัวตัวมีท่าทีลังเล

 

 

หลินเยียนถาม “ว่าไง”

 

 

ตัวตัวกระแอม ท่าทางเป็นกังวล “พี่อยู่ในห้องกับเว่ยสวีเฟิงตั้งนาน พี่ทำอะไรเขาหรือเปล่าคะ”

 

 

“ทำไมเธอถึงไม่เป็นห่วงดาราในสังกัดของตัวเองแทนล่ะ เธอควรจะถามว่าเขาทำอะไรฉันหรือเปล่ามากกว่ามั้ย” หลินเยียนถามย้อนกลับ

 

 

เขาแค่อยากจะอวดรอยสักของเขาให้เธอดู แล้วทำไมถึงต้องถอดเสื้อด้วยล่ะ เขาทำให้เธอกลัวนะ!

 

 

ตัวตัวตอบ “โอ้…”

 

 

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ตัวตัวคงจะตอบกลับไปในทันที

 

 

แต่หลังจากเรื่องเซอร์ไพรส์ที่เกิดขึ้นวันนั้น เธอก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก

 

 

หลินเยียนเดินไปที่ประตูทางเข้า แล้วก็มองเห็นเจี่ยงซือเฟยและเฮ่อซานซานจากระยะไกล ทั้งสองคนกำลังถูกห้อมล้อมด้วยนักข่าว

 

 

เฮ่อซานซานดูจะโกรธมากเมื่อเธอประกาศเสียงดังว่า “ถูกต้องแล้ว!  ฉันควรจะได้เล่นเป็นหลินเผี่ยนรั่ว แต่หลินเยียนแย่งบทนี้ไปจากฉัน! วันนี้เธอได้เข้าฉากกับพี่เฟิง แต่นั่นก็เป็นแค่ข้ออ้างที่เธอจะได้เข้าไปวุ่นวายกับเขาเท่านั้น! เราไม่สามารถห้ามเธอได้ ก็เลยได้แต่มองดูเธอรังแกพี่เฟิงแบบนี้!”

 

 

นักข่าวพากันโกรธจัดเมื่อได้ยินคำพูดของเฮ่อซานซาน

 

 

“พระเจ้า! ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไร้ยางอายอย่างนี้นะ”

 

 

“แล้วนี่นักแสดงคนอื่นจะกล้าเข้าทำงานกันเหรอ”

 

 

เจี่ยงซือเฟยพูดขึ้นว่า “เห็นแก่นักแสดงคนอื่นในเรื่อง ซานซานกับฉันได้พูดคุยกันอย่างจริงจังกับทีมงานแล้วก่อนหน้านี้ เราไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่เราเชื่อว่าหลินเยียนใช้สัญญาของเธอในการข่มขู่พวกเขา เธอไม่ยอมถอนตัวจากหนังเรื่องนี้ และพวกเขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้”

 

 

นักข่าวสาวบางคนเป็นแฟนคลับของเว่ยสวีเฟิง ด้วยเหตุนี้ พวกเธอจึงโกรธจัดทีเดียวเมื่อได้ยินสิ่งที่เจี่ยงซือเฟยอ้าง

 

 

พวกเธอจะยอมทนให้ไอดอลที่รักถูกรังแกได้ยังไง

 

 

สายตาคมของนักข่าวเหลือบมาเห็นหลินเยียนที่ยืนอยู่ห่างออกไป

 

 

“หลินเยียน!”

 

 

“นั่นหลินเยียนนี่!”

 

 

แล้วนักข่าวทุกคนก็พากันกรูมาทางหลินเยียนและตัวตัว แทบจะยื่นมาโครโฟนกระแทกหน้าเธอ

 

 

“หลินเยียน! มีนักแสดงคนอื่นกล่าวหาว่าคุณล่วงละเมิดเว่ยสวีเฟิงระหว่างการถ่ายทำ คุณมีอะไรจะพูดไหม”

 

 

“เราอยากรู้ว่าคุณยังจะตามเกาะติดเว่ยสวีเฟิง และปล่อยให้มีข่าวลือกับเขาอย่างหน้าไม่อายต่อไปแบบนี้เหรอ”

 

 

“เว่ยสวีเฟิงประกาศเรื่องนี้ในเว่ยป๋อของเขาแล้ว และแสดงออกชัดเจนว่ารังเกียจคุณ แล้วคุณยังจะตามวุ่นวายกับเขาหน้าด้านๆ แบบนี้อีกเหรอ”

 

 

 

 

หลินเยียนพูดไม่ออก…

 

 

นี่เธอเป็นฝ่ายไปวุ่นวายกับเว่ยสวีเฟิงงั้นเหรอ

 

 

เอาละ ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ตราบใดที่ทุกคนมีความสุขกับเรื่องนี้

 

 

ตัวตัวเดินแทรกเข้ามากลางฝูงชนและตรงเข้าหาหลินเยียน เธอคอยกันหลินเยียนจากนักข่าวและพาเดินออกมาจากวงล้อม

 

 

หลินเยียนมองสิ่งที่ผู้ช่วยทำด้วยความแปลกใจ

 

 

เมื่อตัวตัวพาหลินเยียนออกมาได้อย่างปลอดภัย เธอก็ตำหนิเสียงดัง “ฉันสัญญากับพี่หลิงเอาไว้แล้วว่าจะดูแลพี่!”

 

 

สิ่งที่หลินเยียนทำวันนี้ ตัวตัวได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่า หลินเยียนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้เว่ยสวีเฟิง ซึ่งไม่เหมือนนิสัยบ้าๆ ของเธอที่ใครๆ พากันพูดถึง…

 

 

แต่คนที่ดูเหมือนจะเป็นบ้ายิ่งกว่าคือเว่ยสวีเฟิง ที่พยายามเข้าไปเป็นฝ่ายเริ่มต้นบทสนทนากับหลินเยียนตลอดทั้งวัน

 

 

ถึงอย่างนั้น ตัวตัวรู้ดีว่าคงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ และมันน่าจะยิ่งสร้างปฏิกิริยาตอบโต้และคำพูดในแง่ลบมากมายขึ้นแทนได้อีกครั้ง