ตอนที่ 155 ฉันไม่ยอมแพ้หรอก / ตอนที่ 156 ชักเป็นห่วงพฤติกรรมของเธอแล้วสิ

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 155 ฉันไม่ยอมแพ้หรอก

 

 

ตลอดทั้งวันนี้มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้น

 

 

เมื่อหลินเยียนกลับถึงบ้าน เธอก็เข้าไปเช็กดูในเว่ยป๋อ แล้วก็อย่างที่คิด มีคอมเมนท์แง่ลบกระหน่ำขึ้นมาอีกระลอกหลังจากที่คำสัมภาษณ์ของเจี่ยงซือเฟยและเฮ่อซานซานถูกเผยแพร่ออกไป

 

 

แล้วก็เช่นเคย หลินเยียนอ่านโพสต์ประจำวันของเธอก่อน แล้วจึงเข้าไปอ่านในพาดหัวข่าวที่ได้รับความนิยมต่างๆ แล้วจึงเข้าไปดูเว่ยป๋อของเว่ยสวีเฟิง

 

 

เว่ยสวีเฟิงเพิ่งพิมพ์ว่า ‘ในโลกของผม จะไม่มีแสงอาทิตย์ในตอนกลางวันหรือดวงดาวในตอนกลางคืนอีกแล้ว’

 

 

โพสต์แสนเศร้าและโศกสลดของเว่ยสวีเฟิงทำเอาแฟนคลับของเขาหัวใจสลาย

 

 

‘มาอ่านดูซะสิ! ดูสิว่าแม่นั่นทำร้ายหนุ่มน้อยที่น่ารักคนนี้มากขนาดไหน เขาต้องเสียสละมากแค่ไหนในฐานะของความเป็นมืออาชีพ!’

 

 

‘บทสัมภาษณ์นั่นน่าโมโหมาก! ฉันละอยากจะเอาเครื่องช็อตไฟฟ้าให้เขาจัง! ถ้านังหลินเยียนกล้าเข้าใกล้เขาอีกละก็ เขาจะได้ใช้มันช็อตแม่นั่นซะเลย!’

 

 

‘หล่อนเป็นเนื้อร้ายของวงการบันเทิงชัดๆ ใครก็ได้ช่วยกำจัดหล่อนทีซิ!’

 

 

 

 

หลินเยียนแค่อยากจะอ่านข่าว เธอจึงจิ้มที่หัวข้อข่าวอีกครั้ง แต่ก็ยังเจอข่าวน่าเบื่อแบบเดิม

 

 

น่าเบื่อเป็นบ้า หลินเยียนโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วหันไปค้นดูภาพเก่าๆ ในลิ้นชัก

 

 

เป็นภาพของเด็กชายที่กำลังจับแขนเสื้อของเธอแน่นขณะที่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นซากุระ

 

 

เธอฉีกภาพส่วนที่เป็นหน้าของหลินซูหย่าออกไปแล้ว

 

 

หลินเยียนจ้องมองน้องชายของเธอในภาพอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วกดหมายเลข

 

 

สายต่อติด ใครบางคนรับสาย

 

 

หลินเยียนถาม “สวัสดีค่ะ มีข่าวจากน้องชายฉันบ้างมั้ยคะ”

 

 

เสียงทุ้มลึกตอบกลับมา “จากข้อมูลที่คุณให้มา เราสามารถจำกัดกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงได้แล้ว แต่ถึงอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่องค์กรทั่วๆ ไป จึงเป็นการยากที่จะล้วงข้อมูลมาได้ ผมต้องการเวลามากกว่านี้”

 

 

แม้จะคาดเอาไว้แล้ว แต่ดวงตาของเธอก็ยังสลดลง “เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมาก”

 

 

เสียงผู้ชายถอนหายใจและตอบว่า “อันที่จริง ผมอยากแนะนำให้คุณอย่าตั้งความหวังมากนัก ถ้าไม่มีคุณคอยปกป้อง น้องชายของคุณค่อนข้างจะอ่อนแอและไม่สามารถเอาตัวรอดได้ดีนัก…โอกาสที่เขาจะรอดชีวิตมัน…”

 

 

เสียงของหลินเยียนสั่น “ตราบที่ฉันไม่ได้เห็นศพเขา ฉันไม่มีทางยอมแพ้หรอก”

 

 

ตอนที่ยังเป็นเด็ก เธอและน้องชายเคยถูกลักพาตัวไปพร้อมกัน และถูกคนที่จับตัวไปขายเธอและน้องให้กับคนอื่น พวกเธอมาลงเอยอยู่ที่ห้องแล็บใต้ดิน ซึ่งพวกเธอถูกคุมขังเอาไว้นานทีเดียว

 

 

เธอไม่อยากจะนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

 

 

ในที่สุด เธอกับน้องก็ถูกจับแยกออกจากกัน

 

 

หลินเยียนทนนึกภาพไม่ได้เลยว่าน้องชายจะเป็นอย่างไรถ้าไม่มีเธอ เขาจะเผชิญหน้ากับคนเลวพวกนั้นได้ยังไง

 

 

หลินเยียนแกล้งทำเป็นยอมเชื่อฟังแต่โดยดี จนคนพวกนั้นเผลอวางใจและใช้โอกาสนี้ในการหลบหนีออกมา

 

 

แต่เมื่อเธอกลับไปช่วยน้องชาย ห้องแล็บทั้งหมดก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว

 

 

ตอนที่ตำรวจไปถึงที่นั่น ห้องแล็บนั้นกลายเป็นเพียงโกดังร้าง

 

 

ตอนนั้นหลินเยียนยังเด็ก เธอเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตำรวจฟัง และบอกพวกเขาว่ายังมีเด็กคนอื่นที่ถูกจับมาขังไว้ที่นี่ด้วย แต่เมื่อตำรวจลงมือสืบสวน สถานที่เกิดเหตุก็กลายเป็นโกดังรกร้างไปเสียแล้ว

 

 

หลินเยียนไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ

 

 

ทุกคนคิดว่าเธอมีอาการหลอนและพร่ำพูดเรื่องไร้สาระ

 

 

แล้วน้องชายของเธอก็หายตัวไปนับจากนั้น

 

 

เหมือนกับว่าเขาแค่หายไปเฉยๆ ไม่ร่องรอยของเขาหลงเหลือเอาไว้อีกเลยในโลกนี้

 

 

และช่วงเวลาตอนที่เธอถูกจับตัวเอาไว้ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นภาพหลอน…

 

 

ภาพหลอนงั้นเหรอ

 

 

มันจะเป็น…ภาพหลอนไปได้ยังไงกัน

 

 

 

 

ตอนที่ 156 ชักเป็นห่วงพฤติกรรมของเธอแล้วสิ

 

 

ผู้ชายที่อยู่ปลายสายถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “สุขภาพของคุณเป็นยังไงบ้าง ผมเป็นห่วง…มันอาจจะมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดหรือผลข้างเคียงหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น…”

 

 

“ฉันสบายดี อีกอย่าง มันก็ตั้งหลายปีแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดียกเว้นความคิดของฉันนี่แหละ…ช่างเถอะ ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกค่ะ อย่าห่วงไปเลย”

 

 

หัวใจของหลินเยียนเต้นตุบๆ ขณะพูด ช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับเธอหลายอย่าง หรือนั่นอาจจะเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากห้องแล็บนะ

 

 

สุขภาพของเธอเป็นปกติดีมาตลอดหลายปี จนเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน…

 

 

หลังจากวางสาย เธอก็นั่งอยู่ตรงนั้น จมอยู่กับความคิดของตัวเอง เสียงแจ้งเตือนจากวีแชทดังขึ้นขัดจังหวะความคิดที่วิ่งวนอยู่ในหัว

 

 

เผยอวี่ถังนั่นเอง

 

 

นายตัวแสบโทรหาเธอทำไมกันนะ

 

 

หลินเยียนรับสาย “ว่าไง”

 

 

“พี่สะใภ้ใหญ่! พี่อยู่บ้านแล้วเหรอ” เผยอวี่ถังถาม

 

 

หลินเยียนตอบ “ใช่ ฉันอยู่บ้าน มีอะไรเหรอ”

 

 

“อะไรกัน…ทำไมพี่ถึงอยู่บ้านอีกแล้วล่ะ นี่มันเพิ่งจะกี่โมง! ทำไมพี่ไม่ไปเดทกับพี่ชายผมล่ะครับ คามสัมพันธ์ของพวกพี่นี่ประหลาดมาก! นอกจากพวกพี่จะเรียกกันซะเป็นทางการขนาดนั้น ผมยังไม่เคยเห็นพวกพี่ออกไปเดทกันมาตั้งนานแล้วนะ!” เผยอวี่ถังบ่นยาวเหยียดไม่หยุด

 

 

หลินเยียนกระแอมเบาๆ และตอบว่า “ใครบอกเธอกันล่ะว่าคนที่คบหากันแล้วต้องไปเดทกันด้วยน่ะ ทุกคนก็งานยุ่งกันทั้งนั้น โดยเฉพาะพี่ชายของเธอ! ตารางงานของเขาวุ่นวายออกจะตาย! ให้ต่างฝ่ายต่างยุ่งอยู่กับงานแบบนี้ก็ดีแล้ว”

 

 

“จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง ถ้าพี่ไม่ดูแลความสัมพันธ์ในระยะยาว ไม่ช้าพี่จะต้องเจอกับปัญหา แล้วความสัมพันธ์ของพวกพี่ก็จะได้รับผลกระทบ!”

 

 

เผยอวี่ถังยังพูดต่อไปอย่างเอาจริงเอาจังอีกว่า “นี่มันไม่ถูกต้อง ทำไมต้องให้คนโสดอย่างผมคอยเตือนด้วยเนี่ย นี่ผมชักกังวลแทนพี่แล้วนะ!”

 

 

มุมปากของหลินเยียนกระตุก “หนุ่มน้อย อย่ากังวลเรื่องสถานะของฉันกับพี่ชายเธอไปเลยนะ แล้วนี่เธอโทรมาถามฉันเรื่องนี้น่ะเหรอ”

 

 

“เปล่าครับ ไม่ใช่หรอก! ผมมีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่จะคุยกับพี่!” เผยอวี่ถังที่น้ำเสียงตื่นเต้นรีบพูดต่อ “พี่สะใภ้ใหญ่ พรุ่งนี้ผมลงแข่งนัดสำคัญมาก พี่อยากมาดูหรือเปล่า”

 

 

หลินเยียนตอบ “พรุ่งนี้เหรอ ฉันไม่มีถ่ายหนังหรอกนะ…แต่…”

 

 

เมื่อเผยอวี่ถังได้ยินก็รีบพูด “งั้นก็มาสิครับ! ทีมของเราเพิ่งได้นักแข่งที่สุดยอดมาร่วมทีม รับรองได้ว่าเราจะต้องชนะไอ้ซ่งเย่าหนานได้แน่! พี่ต้องมานะ ผมสาบานได้เลยว่ามันจะต้องตื่นเต้นสุดๆ! พี่ต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ถ้าไม่มาดู!”

 

 

หลินเยียนห่อปาก บอกตามตรงว่าเธอไม่สนใจงานแข่งขันเล็กๆ แบบนี้…

 

 

“มาเถอะนะครับ! ถ้าพี่มาดูการแข่งขัน ผมจะยอมเสี่ยงชีวิตถ่ายวิดีโอพี่ชายผมให้อีกเยอะๆเลย!” เผยอวี่ถังพยายามเสนอเพื่อล่อใจ

 

 

หลินเยียนโพล่งออกไปเสียงดัง “ฉันไม่ได้อยากได้สักหน่อย! ขอบใจมากนะ!”

 

 

เธออยากจะขอบคุณด้วยซ้ำถ้าเขาจะหยุดส่งวิดีโอพิลึกๆ พวกนั้นมาให้

 

 

“ให้ตายสิ นี่พี่ไม่สนใจเลยซักนิดเหรอ” เผยอวี่ถังนิ่งคิด ก่อนจะเริ่มตื๊ออีกครั้ง “ถ้างั้นเป็นโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นของพี่ชายรองเป็นไง ฉบับพิเศษฉลองวันครบรอบเลยนะ”

 

 

โปสเตอร์พร้อมลายเซ็นเหรอ ฉบับพิเศษฉลองวันครบรอบเหรอ

 

 

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแฟนคลับของเผยหนานซวี่ แต่เธอก็ไม่เคยมีข้าวของอะไรที่มีลายเซ็นของเขาเลย

 

 

ชักน่าสนแล้วสิ “โปสเตอร์พร้อมลายเซ็นฉบับพิเศษฉลองวันครบรอบเหรอ เธอแน่ใจนะว่ามีน่ะ”

 

 

เผยอวี่ถังสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นในน้ำเสียงของหลินเยียน จึงรีบตอบทันที “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่พี่ไม่อยากได้วิดีโอของพี่ใหญ่ แต่เลือกโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นของพี่รองแทนงั้นเหรอ นี่พี่กำลังจะนอกใจพี่ใหญ่อยู่รึเปล่า บ้าชะมัด! ถ้าเกิดเรื่องขึ้นผมจะทำยังไงล่ะทีนี้ ผมควรจะเข้าข้างพี่ใหญ่หรือพี่รองดีล่ะ ผมควรจะเลือกใครดี…”

 

 

บ้าเอ๊ย! เด็กบ๊องนี่คิดเรื่องเลือกข้างได้ยังไงกัน

 

 

หลินเยียนชักโมโห “ฉันไม่ได้นอกใจ! ฉันบอกไปแล้วนี่ว่าพี่รองของเธอคือไอดอลของฉันน่ะ!”

 

 

“งั้นก็ได้ ว่าแต่พรุ่งนี้พี่จะมารึเปล่าล่ะครับ ถ้ามา ผมจะยอมเสี่ยงชีวิตขโมยโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นนั่นลับหลังพี่ใหญ่ให้เอง!”