ตอนที่ 70 มีอะไรให้ไม่ดีใจอีก

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 70 มีอะไรให้ไม่ดีใจอีก

ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อได้ฟังอันหลิงอีกล่าวยังคงเรียบเฉย  ใบหน้ายังคงเคร่งขรึม

 “เจ้ากล่าวมาสิว่าเกอเอ๋อทำร้ายเจ้าเยี่ยงไร ? “

อันหลิงอีร้องไห้ฟ้องด้วยน้ำตา

“ท่านย่าให้พี่หญิงใหญ่พาพวกเราออกไปเดินเล่น ข้าเดินตามหลังพี่หญิงอยู่ดี ๆ  แต่จู่ ๆ พี่หญิงก็ถีบข้า ข้ายืนมิมั่นคง ถึงได้ตกลงไปในน้ำเจ้าค่ะ”

นางปกปิดความจริงตอนที่ทะเลาะกับอันหลิงเหมิง บอกไปเพียงว่านางถูกอันหลิงเกอถีบถึงได้ตกลงไปในน้ำ

แต่ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้โง่เขลา  นางชายตามองอีกคนที่เปียกปอนอยู่ด้านข้าง

“แล้วเหมิงเอ๋อล่ะตกน้ำไปได้เยี่ยงไร ? ”

อันหลิงเหมิงกำลังจะเอ่ยปากพูด  แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับเรียกชื่ออันหลิงเฉ่วขึ้นมาก่อน

“เฉ่วเอ๋อ เจ้ากล่าวมาสิว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”

อันหลิงเฉ่วที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างก้มศีรษะลงแล้วเล่าในสิ่งที่นางเห็น

“เรียนท่านย่าเจ้าค่ะ  ตอนนั้นมิรู้เพราะเหตุอันใด จู่ ๆ น้องสามและน้องสี่ก็ทะเลาะกันขึ้นมา  เดิมทีน้องสามจะเอื้อมมือไปตบหน้าน้องสี่ แต่น้องสี่พุ่งเข้าหาน้องสามก่อน ทั้งสองคนจึงตกลงไปในทะเลสาบพร้อมกัน จากนั้นพี่หญิงใหญ่จึงร้องตะโกนให้คนมาช่วยพวกนาง ส่วนเรื่องอื่น เฉ่วเอ๋อร์ก็มิทราบเจ้าค่ะ”

นี่เป็นประเด็นที่เห็นซึ่งหน้า  ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าสอบถามสาวใช้พวกนั้นก็จะรู้ความเช่นนั้น อันหลิงเฉ่วจึงมิมีความจำเป็นที่จะต้องปกปิด

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่อันหลิงเกออีกครั้ง

“อีเอ๋อบอกว่าเจ้าถีบนางเป็นเรื่องจริงรึ ? ”

อันหลิงเกอเงยมองขึ้นมองฮูหยินผู้เฒ่า ด้วยแววตาที่ขอโทษ

“ตอนนั้นในระหว่างที่น้องสามและน้องสี่ทะเลาะกันอยู่นั้น เดิมข้าคิดที่จะเข้าไปตักเตือนพวกนาง แต่จู่ ๆ น้องสี่ก็พุ่งเข้ามาหาข้า ข้าจึงรีบหลบ ในระหว่างที่วุ่นวายอยู่นั้นจึงเผลอถีบโดนน้องสามเข้าเจ้าค่ะ  ข้าต้องขอโทษน้องสามในที่นี้ด้วย”

เมื่ออันหลิงเกอกล่าวออกมาเยี่ยงนี้  เดิมเหตุก็เกิดมาเพราะอันหลิงอีและอันหลิงเหมิง

สุดท้ายเรื่องก็ยังมาเกิดขึ้นจากพวกนางทั้งสองคนอีก ?

ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องไปที่ทั้งสองอย่างขุ่นเคืองใจและกล่าวดุออกไปด้วยเสียงเข้ม

“งานเลี้ยงกำลังราบรื่นอยู่ดี ๆ แท้ ๆ  กลับถูกเจ้าสองคนทำลายเสียป่นปี้ไปหมดแล้ว ! ”

เดิมทีฮูหยินได้ไปถามไถ่ว่ามีบุตรชายตระกูลไหนที่อยู่ในวัยเหมาะสมที่จะออกเรือนบ้าง

จากนั้นถึงได้เชิญฮูหยินเหล่านั้นมากัน  เพื่อให้อันหลิงเฉ่วได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าบรรดาฮูหยินเหล่านั้น หากมีตระกูลไหนสนใจที่จะมาหมั้นหมาย ก็จะได้หาคนดี ๆ มาให้เฉ่วเอ๋อได้ดูจากงานเลี้ยง ?  หลายคนต่างก็พากันตกใจในเวลาเดียวกัน

แต่มีเพียงอันหลิงเกอที่รู้ดี ก่อนหน้านี้ท่านย่าบอกว่าต้องการจะแนะนำอาสะใภ้และอาสะใภ้สามให้กับฮูหยินและคุณหนูในเมืองหลวงได้รู้จัก แต่คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงกลับมีเฉพาะฮูหยินเพียงเท่านั้น มิเห็นมีคุณหนูที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกนางเลย  นี่มันก็แปลกมากแล้ว

ด้วยเหตุผลนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินทั้งหลาย ท่านย่าจึงมิได้เอ่ยถึงอันหลิงเหมิงเลย  จงใจเพียงแต่ให้ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่อันหลิงเฉ่วเพียงเท่านั้น  ในขณะที่นางยกย่องฝีมือการเย็บปักถักร้อยอันหลิงเฉ่ว รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านย่าก็ยิ่งเห็นชัดมากขึ้น

เมื่อก่อนอันหลิงเกอคิดแค่ว่าท่านย่าคงรักอันหลิงเฉ่วมากเพียงเท่านั้น พอได้เห็นอันหลิงเฉ่วได้รับการยกย่องจากผู้อื่นก็แลดูมีความสุขมาก แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าที่แท้พวกนางก็เป็นเพียงแค่ตัวเสริมโรง  อันหลิงเฉ่วต่างหากที่เป็นตัวเอกของงานเลี้ยงนี้

เมื่อได้ฟังฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเยี่ยงนี้แล้ว ร่องรอยของความอิจฉาและความเกลียดชังฉายชัดขึ้นในดวงตาอันหลิงอี แต่นางมิได้แสดงออกมา กลับแสดงใบหน้าที่น้อยเนื้อต่ำใจออกมาแทน

 “มันเป็นความผิดของอีเอ๋อเองเจ้าค่ะ  ที่ทำให้งานเลี้ยงนี้เสียหาย”

เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเห็นท่าทางน้อยใจและความน่าสงสารของนางเช่นนี้ ใบหน้าก็อ่อนลง นึกขึ้นมาได้ว่านางเพิ่งตกลงไปในน้ำและสัมผัสกับความเย็น  ก็ตำหนิมิลง

“ช่างเถอะ พวกเจ้าสองคนตกลงไปในน้ำ กลับไปพักผ่อนเสีย แล้วอย่าก่อเรื่องอีกล่ะ”

อันหลิงเหมิงขานรับด้วยความหวาดกลัว  พร้อมกับเดินตามหลังอันหลิงอีออกไป

“โง่ ! แค่เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ก็ทำมิได้ ข้าจะมีเจ้าไว้ทำไม ! ”

เพิ่งจะเดินออกมาจากเรื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้มินาน เมื่อปลอดคน อันหลิงอีก็แสดงใบหน้าโหดเหี้ยมออกมา และตบหน้าอันหลิงเหมิงไปอย่างแรง

อันหลิงเหมิงกุมหน้าตัวเอง น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตา แต่ก็ยังคงก้มหน้าขอโทษ

“ทั้งหมดเป็นเพราะพี่หญิงใหญ่เจ้าเล่ห์ ถึงทำให้นางหลบหนีไปได้ ครั้งหน้านางจะมิมีทางโชคดีเยี่ยงนี้เป็นแน่เจ้าค่ะ”

พวกนางทั้งสองวางแผนกันไว้อย่างดี ที่จะแกล้งทำเป็นทะเลาะกันและผลักอันหลิงเกอลงไปในน้ำระหว่างเกิดความวุ่นวาย ถ้าอันหลิงเกอจมน้ำตายไปก็ยิ่งดี แต่ถ้ามิตายก็ต้องทำให้นางได้รับความทุกข์ทรมานให้ได้

แต่ใครจะไปรู้ว่าอันหลิงเกอจะมีไหวพริบถึงเพียงนี้ ถึงกับหลบเลี่ยงแผนการของพวกนางได้ และย้อนกลับมาทำให้พวกนางทั้งสองตกลงไปในน้ำแทน ได้อับอายขายขี้หน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษอีกด้วย !

อันหลิงอีกัดฟันอย่างขมขื่น

“นั่นมิใช่เพราะว่าเจ้างี่เง่า มิรู้จักหาวิธีแก้ไขหรอกหรือรึ  มิอย่างนั้น…”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ อันหลิงอีนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกอันหลิงเหมิงพุ่งเข้ามาหา และตกลงไปในน้ำ

เวลานั้นมีน้ำล้นทะลักเข้ามาเต็มไปหมด และทะลักเข้าไปในปากและจมูกของนาง ความรู้สึกที่หายใจมิออกเยี่ยงนั้น  ตลอดชีวิตนี้นางมิอยากจะลิ้มรสมันอีก

เมื่อนึกถึงตรงนี้ แววตาที่โหดเหี้ยมอำมหิตของอันหลิงอีก็เหลือบมองไปทางอันหลิงเหมิงอย่างเย็นชา

“ท่านย่ากำลังโกรธอยู่ เจ้ากลับไปรออยู่ที่เรือนตนเองก่อน ถ้ามีเรื่องอันใดข้าจะใช้ให้สาวใช้ไปตามเจ้ามาเอง”

อันหลิงเหมิงพยักหน้าด้วยความเคารพ  ยืนมองอันหลิงอีที่เดินจากไปไกล จากนั้นถึงได้แสดงสีหน้าท่าทีที่เริ่มดูน่ากลัวและแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ถ้ามิใช่เพื่ออนาคตของตัวนางเอง  นางมิมีทางทำตัวต่ำต้อยต่อหน้าอันหลิงอีเป็นแน่ เห็น ๆ กันอยู่พวกนางทั้งสองคนต่างเป็นบุตรสาวอนุและยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีก แต่อันหลิงอีถือตัวว่าเป็นบุตรสาวของท่านโหว ถึงได้ทำตัวโอหังอวดดีและดุด่าทุบตีตนเองราวกับว่าตนเป็นเพียงบ่าวรับใช้ และคอยจิกหัวเรียกใช้เช่นนี้ !

อันหลิงเหมิงกำหมัดแน่นหายใจเข้าลึก ๆ อยู่นาน  จากนั้นถึงได้คลายความแค้นในใจลง  แล้วปรับสีหน้าท่าทีให้เป็นปกติ แล้วเดินกลับไปยังเรือนของตนเอง

อันหลิงเกอที่แอบฟังทั้งสองคนก็เดินออกมาจากมุมมองหนึ่งของจวน แล้วก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ลมพัดพากลิ่นไม้สนที่คุ้นเคยมา  ถึงแม้กลิ่นจะเจือจางแต่นางก็ยังรับรู้ได้

“มู่ซื่อจื่อพอใจกับการดูละครฉากนี้หรือไม่เจ้าคะ?”

ทันทีที่นางกล่าวจบ ร่างสูงโปร่งของมู่จวินฮานก็เดินออกมาจากด้านหลังของพุ่มดอกไม้ เขาเดินมาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ใบหน้าของชายหนุ่มรูปงามที่เศร้าหมอง ในตอนนี้กลับมามีรอยยิ้มที่เจ้าชู้และชั่วร้ายเช่นเดียว ราวกับชายหนุ่มเจ้าสำราญที่เยาะเย้ยถากถางสังคม

“คุณหนูอันรู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าอยู่ที่นี่ ? ”

มู่จวิ้นฮานยกยิ้มมุมปากดวงตาจ้องมองอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความรัก ทำราวกับว่าระหว่างทั้งสองมิเคยมีเรื่องบาดหมางใจต่อกันมาก่อน

อันหลิงเกอที่จ้องมองมู่จวินฮานอยู่ แต่กลับเดาความคิดของเขามิถูก  มิรู้ว่าเขายังโกรธตนเองอยู่ไหม จึงทำได้เพียงกล่าวคล้อยตามเขาไปว่า “มู่ซื่อจื่อมีกลิ่นกายหอมสดชื่นเยี่ยงไม้สน เมื่อสักครู่ข้าได้กลิ่นเข้าพอดี”

กลิ่นหอมสดชื่นเยี่ยงไม้สน ?

ดวงตาหงส์ของมู่จวินฮานกลอกกลิ้งไปมา  รอยยิ้มที่มุมปากกว้างขึ้นมาเล็กน้อย คิดมิถึงว่านางจะจำได้แม้กระทั่งกลิ่นไม้สนบนกายของเขา หรือว่าภายในใจของนางมีเขาอยู่เช่นกัน ทันทีที่มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา  มู่จวินฮานที่เดิมทีคิดจะมิสนใจใยดีอันหลิงเกอสักสองสามวัน ก็ควบคุมตนเองเอาไว้มิได้อีกต่อไป ความรู้สึกน้อยใจที่ผ่านมาก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที

แต่เขามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ จึงโน้มตัวลงไปหยุดอยู่ตรงหน้าอันหลิงเกอ แล้วกล่าวหยอกล้อออกไป

“คุณหนูอันจำได้กระทั่งกลิ่นกายของข้า มันทำให้ข้าปลื้มใจอย่างบอกมิถูกจริง ๆ ”

 มู่จวิ้นฮานเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาหงส์ลึกล้ำและมองการณ์ไกล

“หรือว่าอันที่จริงคุณหนูอันก็ตกหลุมรักข้าอยู่แล้ว เช่นนั้นถึงได้สนใจข้ามากถึงเพียงนี้ ? ”

“ท่านพูดบ้าอันใดออกมาเจ้าคะ ! ”

อันหลิงเกอกล่าวตำหนิมู่จวินฮานออกไป พร้อมกับก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

พลันแก้มของนางกลับค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้น นางมิรู้ว่าเหตุใด จู่ ๆ เมื่อสักครู่ที่มู่จวินฮานเข้ามาใกล้

ในดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นของเขามีเงานางสะท้อนอยู่  เป็นเหตุให้นางนึกถึงคำกล่าวที่ว่า พบเจอกับคนในดวงใจ มีหรือจะมิดีใจ ?