“หลิวหลีผ่านด่านที่ห้าแล้ว” หลงนู่เทาพูดด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ถึงขนาดผ่านด่านที่ห้าแล้วจริง ๆ
“สุดยอดผู้ถูกเลือก” จ้านเหลยถิงประเมิน
“ด่านสุดท้ายจึงจะเป็นด่านสำคัญ ดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่กลับไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีจิตใจแบบนั้น” หลินเซิ่งเตี่ยนพูดขึ้น
ครั้งนี้ในที่สุดหลิวหลีก็เห็นหญ้าคืนวิญญาณที่ตนโหยหามาโดยตลอด ถึงแม้นี่จะเป็นจุดประสงค์ในการเข้าสุสานบรรพบุรุษของนาง แต่หลิวหลีก็ยังอยากจะลองไปด่านสุดท้ายดู
เมื่อเดินไปตามแสงไฟ หลิวหลีก็เดินทางมาถึงห้องหินห้องหนึ่ง เป็นห้องหินจริงๆที่มีเพียงรูปปั้นของอสูรเทพทั้งห้า หลิวหลีเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับบททดสอบต่อไปด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด รอมานานแต่ก็ยังไม่มีอะไร หลิวหลีไม่กล้าประมาท เพราะตอนที่นางไม่ได้ระวังตัว อาจจะมีคนลอบโจมตีได้
เพียงแต่ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิวหลีจึงลดความตึงเครียดลงมา สำรวจอสูรเทพที่ดูละม้ายของจริง โดยไม่ลืมใช้เพลิงอัคคีมาห่อหุ้มตัวเองเอาไว้
นี่คืออสูรเทพในตำนาน ดูมีอำนาจน่าเกรงขามเหลือเกิน
หลิวหลียืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นมังกร นางคุกเข่าลงต่อหน้ารูปปั้นมังกรแล้วคำนับ
“ในฐานะที่เป็นสายเลือดมังกร ศรัทธาในเทพเจ้ามังกร ขอให้ท่านได้โปรดคุ้มครองเอ๋าเลี่ยให้ประสบความสำเร็จดั่งที่ใจหวัง” หลิวหลีขอพรแทนเอ๋าเลี่ย หลิวหลีไม่ทันได้สังเกตว่าบนหน้าผากมีแสงสีเขียวเกิดขึ้น
“ขอให้ท่านโปรดคุ้มครองให้จื่อฉีมีความสุข” เมื่อคิดแล้ว หลิวหลีก็ได้คำนับให้กับรูปปั้นกิเลนด้วยเช่นกัน
หลิวหลีลุกขึ้นยืน ผ่านไปครู่หนึ่ง มองดูรูปปั้นทั้งห้า แล้วครุ่นคิดก่อนจะเดินไปที่หน้ารูปปั้นหงส์สีแดง
“ผู้อาวุโส ขอให้ท่านได้โปรดคุ้มครองเวิ่นเทียน ให้เขาได้สมใจดั่งปรารถนา” หลิวหลีก็ทำการคำนับให้กับรูปปั้นหงส์สีแดงเช่นกัน
จากนั้นหลิวหลีก็ทำการคำนับให้กับเสือขาวและเต่าดำด้วยเช่นกัน จนกระทั่งหลิวหลีกำลังจะลุกขึ้นยืน รูปปั้นอสูรเทพทั้ง 5 เริ่มปริร้าว หลิวหลีจึงใช้พลังเซียนป้องกันตัวเอง
จนรูปปั้นแตกออกหมด ลูกไฟทั้ง 5 สีปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลิวหลี จากนั้นก็หลอมรวมเข้าสู่จุดสีรุ้งที่อยู่บนหน้าผากของหลิวหลีตามลำดับ เป็นคำอวยพรจากอสูรเทพ ตอนนี้ถึงแม้หลิวหลีจะเป็นมนุษย์ แต่หากพวกปีศาจ พวกอสูร ได้เห็นหลิวหลีก็จะยอมสยบให้แต่โดยดี นี่คือของขวัญที่อสูรเทพมอบให้กับหลิวหลี กลิ่นอายพลังของนางในตอนนี้ไม่ได้มีความแตกต่างจากอสูรเทพระดับสุดยอดเลย
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส”
“เด็กนี่ทำได้แล้วจริงๆผ่านด่านที่หกแล้ว” จ้านเหลยถิงกระโดดขึ้นมา ถึงขนาดผ่านด่านได้ ถ้าเป็นอย่างนี้เด็กคนนี้คงจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมาก
“เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยเชียว” หนานกงหลิงอวี่กล่าว
หลิวหลีสัมผัสหน้าผากของตัวเอง นางถือว่าเป็นคนที่มีกลิ่นอายของอสูรเทพ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกสุดยอด หลังจากที่รูปปั้นอสูรเทพพังทลายลง กำแพงที่อยู่ด้านข้างคล้ายห้องลับก็พังลงมาด้วยเช่นกัน สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิวหลีก็คือกองกระดูกสีขาว
นี่คือกองกระดูกของอสูรเทพวางไว้ทั้งอย่างนี้เลยหรือ
ทันใดนั้นเองท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี เงาที่แข็งแกร่งทั้งห้าก็ปรากฏขึ้น เป็นร่างย่อของอสูรเทพทั้งห้า
“ผู้น้อย ยินดีต้อนรับเจ้าเข้าสู่สุสานบรรพบุรุษ เจ้าเป็นคนแรกที่ได้มาที่นี่ ในที่สุดพวกเราก็รอจนได้เจอ” เทพเจ้ามังกรที่อยู่ตรงกลางเปิดปากพูดขึ้น
“คารวะ ผู้อาวุโสทุกท่าน ข้าน้อยเป็นคนของสกุลหลง ชื่อหลิวหลี” หลิวหลีทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“หลิวหลี เป็นชื่อที่ดี เจ้าเป็นลูกหลานที่มีความสามารถและโชคดีที่สุดในหลายแสนปีมานี้” เสือขาวที่อยู่ข้างๆเอ่ย
“พวกเรารอคอยการมาของลูกหลานที่มีความสามารถ เพียงแต่ยิ่งเราคาดหวังมาก ก็ยิ่งผิดหวังมาก จนกระทั่งเจ้ามาปรากฏตัวขึ้น” หงส์สีแดงกล่าว
“อาจจะเป็นเพราะเราคาดหวังในตัวลูกหลานของเราสูงเกินไป” เต่าดำพูดเสียงเนิบ
“ก็ใช่ พวกเราใช้มาตรฐานของสมัยดั้งเดิมที่มีในการสร้างด่านต่างๆ” กิเลนกล่าว
“ผู้อาวุโสทุกท่านคิดมากไปแล้ว ข้าเพียงแค่โชคดีเท่านั้น” หลิวหลีถ่อมตน
“นังหนู เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว ลูกหลานที่สามารถผ่านด่านมาถึงด่านสุดท้าย แทบไม่มีใครยอมทำความเคารพหรือคำนับให้กับคู่พันธสัญญาของตัวเองเลย” เสือขาวกล่าวขึ้น
“จุดประสงค์ของด่านสุดท้ายคือการเคารพนับถือ หากเคารพนับถือพวกข้า ก็จะสามารถมองเห็นพวกข้า ได้รับของที่ล้ำค่าที่สุดของพวกข้าอสูรเทพบรรพกาลทั้งห้า” เทพเจ้ามังกรกล่าว
“ของที่ล้ำค่าที่สุดหรือ” หลิวหลีพึมพำ ของที่ล้ำค่าที่สุด
“ใช่แล้ว นี่ก็คือของที่ล้ำค่าที่สุดที่เจ้าจะได้จากการมาสุสานบรรพบุรุษในครั้งนี้” กิเลนกล่าว
“ท่านผู้อาวุโสทุกท่าน ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้าได้ของที่ล้ำค่าที่สุดมาแล้ว พวกท่านสอนให้ข้าได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ข้าคำนับให้กับพวกท่าน นอกจากเรื่องคู่พันธสัญญาของข้าแล้ว ก็เป็นเพราะว่าพวกท่านถือว่าเป็นบรรพบุรุษของข้าครึ่งหนึ่ง ข้ามีบรรพบุรุษอยู่แล้ว จึงสามารถรับท่านผู้อาวุโสทั้งหลายเป็นบรรพบุรุษได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น” พูดถึงตรงนี้ หลิวหลีก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
“เป็นบรรพบุรุษกึ่งหนึ่ง เด็กคนนี้ถือว่าพวกเราเป็นบรรพชนครึ่งหนึ่งของนาง ข้ารู้สึกว่าครั้งนี้คุ้มค่านัก เพราะฉะนั้นการรอคอยมาเป็นแสนปีก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว” หงส์สีแดงพูดอย่างตื้นตันใจ
“จิตใจบริสุทธิ์ซื่อตรง สาวน้อยคนนี้ทำไมถึงได้มีจิตใจบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้” ถึงแม้เต่าดำจะพูดเนิบๆ แต่ใครๆก็สัมผัสความตื้นตันใจที่แสดงออกมาผ่านทางคำพูดได้
“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ยิ่งวางใจที่จะนำของที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดที่อยู่ที่นี่มอบให้แก่เจ้า” เทพเจ้ามังกรรู้สึกว่าการสั่งกำชับครั้งสุดท้ายของตัวเองเป็นสิ่งไม่จำเป็น นังหนูผู้นี้จะสามารถทำได้ดีกว่าสิ่งที่เขาจะกำชับไว้อย่างแน่นอน
“สาวน้อย นี่คือดวงใจมังกร ดวงใจหงส์กับดวงตากิเลน ในขวด 5 ขวดนี้มีเลือดบริสุทธิ์ของพวกข้าคนละ 3 หยด จะเอาไปใช้อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า” เทพเจ้ามังกรพูดขึ้น
หลิวหลีรับของพวกนั้นมา แน่นอนว่านางต้องรู้มูลค่าของของพวกนี้ ไม่สามารถใช้หินวิญญาณมาประมาณค่าได้
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส” หลิวหลีรู้สึกว่าถ้าตัวเองยังยืนกรานปฏิเสธอีก ก็จะดูเสแสร้งเกินไป คนเราไม่ควรจะเสแสร้งขนาดนั้น
เห็นว่าหลิวหลีเก็บไป อสูรเทพทั้งห้าก็พอใจเป็นอย่างมาก
“สาวน้อย เจ้าควรไปได้แล้ว”
หลิวหลียังอยากที่จะพูดอะไรต่อ แต่กลับพบว่าตัวเองออกมาอยู่ที่ในตำหนักเสียแล้ว
สุสานบรรพบุรุษ อสูรเทพทั้งห้าไม่ได้หายไปไหน
“ลูกหลานที่พวกข้ารอคอยเป็นแบบนี้แหละ” มังกรมรกตพูดจบ อสูรเทพสี่ตัวที่เหลือต่างพากันพยักหน้า จากนั้นจึงหายไปช้าๆ
“ยินดีด้วย หลิวหลี เจ้าทำสำเร็จแล้ว”
“บรรพชน ข้ากลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” หลิวหลียังคงไม่สามารถตั้งสติได้
“ใช่แล้ว” หลิวหลีพยักหน้า
หลงนู่เทาสะบัดมือครั้งหนึ่ง คนที่เหลือก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก ยังไม่มีใครสามารถตั้งสติได้
ระยะเวลา 1 ปีได้ครบกำหนดแล้ว พวกเจ้าจะต้องออกไปแล้ว พวกข้าสามารถช่วยได้เท่านี้ ทางข้างหน้าต่อไปจะเดินอย่างไร ก็อยู่ที่ตัวพวกเจ้าเองแล้ว” หลงนู่เทาพูดจบก็ปัดมือ พวกหลิวหลีก็ออกมาจากแดนลี้ลับ
“บัดนี้
นอกแดนลี้ลับ คนจากบ้านสกุลใหญ่ต่างก็กำลังรอคอย คู่พันธสัญญาของแต่ละคนก็กลับมาอยู่กับแต่ละคน หลิวหลีมองดูสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่ อย่างไม่คุ้นชินเล็กน้อย
คนจากทั้งห้าสกุลยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นหลิวหลีคุกเข่าลง เก้าคนที่เหลือก็คุกเข่าตาม
“ขอบคุณพวกหลิวหลีทั้งสิบคนเปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน
บรรพชน”
“ฮ่าฮ่า พวกข้าได้อบรมสั่งสอนลูกหลานที่กตัญญูรู้คุณเช่นนี้ ช่างสุขใจยิ่งนัก” เสียงหัวเราะดังลอยออกมาจากดินแดนลับ
คนจากบ้านสกุลใหญ่ทั้งห้าก็รู้สึกตะลึงไปเล็กน้อย เพียงแต่ว่า
“ท่านตา ข้าต้องไปเผ่ามังกรก่อน จากนั้นข้าจะไปเยี่ยมเยียนทั้งห้าสกุล หผู้นำสกุลหนานกงเจ้าคะ ข้าขอยืมตัวเวิ่นเทียนไปก่อนข้าจะคืนเขาให้ท่านอย่างแน่นอน” หลิวหลีพูดจบก็ไม่รอให้คนอื่นได้ตอบอะไร ก็ลากเวิ่นเทียนที่กำลังตกตะลึงออกไปด้วยเช่นกัน
แล้ว
“เหวินเซวียน หลานสาวของเจ้าพาเวิ่นเทียนไปแล้ว” หนานกงชางฉยงพูดประโยคนี้ขึ้นมาช้าๆ
“ได้ยินแล้ว ไม่ใช่บอกว่าจะเอามาคืนหรือ แล้วยังจะไปเยี่ยมเยียนทุกสกุลอีกด้วย” หลงเหวินเซวียนทวน
“หรือว่ามีอะไรจะมอบให้กับพวกเรา” จ้านเฟิงอวี้กล่าว
เอ๋าเลี่ยที่ถูกหลิวหลีส่งเสียงไปบอกก่อนหน้านี้ก็รู้สึกประหลาดใจ หลิวหลีจะทำอะไร ทำไมถึงได้รีบร้อนถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังพาตัวภาระมาด้วย
“อาเลี่ย ด่วนมากถึงที่สุด เดี๋ยวสักพักพอข้าพูดขอบคุณเสร็จ เจ้าก็พาข้ากลับเผ่ามังกรนะ ข้ารู้สึกว่าไม่มีที่ไหนปลอดภัยกว่าเผ่ามังกรแล้ว”
เขาจะต้องขอบคุณในความเชื่อมั่นในเผ่ามังกรของหลิวหลีไหม
กลับมาถึงที่เผ่ามังกร หลิวหลีปิดประตูของเอ๋าเลี่ยอย่างดี สร้างแนวเขตป้องกันไว้หลายชั้น หลังจากมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว
“ทำไมพวกเจ้ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น” หลิวหลีถูกสายตาของพวกเขาทำให้รู้สึกขนลุก
“หลิวหลี ทำไมเจ้าทำตัวแปลกๆ” เอ๋าเลี่ยกล่าว
“ใช่สิ บนตัวข้ามีของล้ำค่ามหาศาลอยู่ จะไม่ให้แปลกได้อย่างไร” คนกันเองทั้งนั้น หลิวหลีจึงเอ่ยอย่างใจกว้างและตรงไปตรงมา
“หลิวหลี เจ้ามีของล้ำค่าอะไร” เอ๋าเลี่ยไม่เคยลืมว่าหลิวหลีมักจะบอกว่าตัวเองเป็นคนจนอยู่เสมอ
“แน่นอนสิ เสี่ยวเทียน เจ้าปล่อยอิงเสวี่ยออกมาหลิวหลีมองดู ก็พบว่าขาดใครไป
” เมื่อ
“เอาล่ะ หลิวหลี เจ้าพูดเถอะ” หนานกงเวิ่นเทียนปล่อยอิงเสวี่ยออกมา
“อาเลี่ย ครั้งนี้ข้าได้ของดีมา อ่ะ นี่คือของเจ้า ดวงใจมังกร” หลิวหลีหยิบของออกมา เอ๋าเลี่ยที่ทำเหมือนจะไม่สนใจ ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ดวงใจมังกร
“รับไว้สิ อาเลี่ย” ทำไมอาเลี่ยตัวแข็งเป็นหินไปล่ะ
เอ๋าเลี่ยไม่รู้ว่าตัวเองรับมาอย่างไร ของที่ล้ำค่ามากขนาดนี้ ก็ยกให้เขาง่ายขนาดนี้เลยหรอ ทำไมเขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรเลย
“อ่ะ จื่อฉี ของเจ้า ดวงตากิเลน”
จื่อฉีก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับเอ๋าเลี่ย
“อิงเสวี่ย นี่ของเจ้า ดวงใจหงส์”
เฟิ่งอิงเสวี่ยรู้สึกตื้นตันใจ ดวงใจหงส์ เอามาให้คนนอกอย่างนางอย่างนี้เลยหรอ
“หลิวหลี ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก” ถึงแม้เฟิงอิงเสวี่ยจะรู้สึกตื้นตันใจมากเพียงใด แต่ก็ยังคงปฏิเสธ
“เจ้าเอาใช้ฝึกฝนเถอะ ข้าก็สนิทกับหงส์อย่างเจ้าเพียงตัวเดียว” หลิวหลีพูดอธิบายเหตุผล
เฟิ่งอิงเสวี่ยรับของที่มีมูลค่ามากมายมหาศาลอย่างดวงใจหงส์มาด้วยความตัวสั่น
“ยังมีอีกนะ มามา อาเลี่ยเก็บคางของเจ้าได้แล้ว จื่อฉีเก็บของไว้ให้ดี อิงเสวี่ยมืออย่าสั่น” หลิวหลีเห็นว่าทั้งสามหลังได้ยินคำพูดของนาง ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเจื่อน ๆ
“อาเลี่ย ข้ายังมีเลือดบริสุทธิ์สามหยดที่บรรพบุรุษให้ข้ามา แต่ข้ามีความคิดว่า ข้าจะนำเลือดมังกรหนึ่งหยด
หยดเข้าไปในสระโลหิตมังกร อีกหนึ่งหยดเดี๋ยวข้าจะไปเยี่ยมเยียนผู้นำผ่า จากนั้นก็จะนำมันมอบให้กับคนในสกุลเพื่อปรับสมดุลร่างกาย” หลิวหลีพูดความคิดของตัวเองออกมา
“หลิวหลี ความคิดของเจ้าดีมาก เลือดของบรรพบุรุษประกอบไปด้วยพลังจำนวนมหาศาล สามารถพัฒนาคุณสมบัติของมังกรรุ่นต่อไปให้ดีขึ้นได้ หลิวหลี ข้าขอเป็นตัวแทนเผ่ามังกรขอบคุณเจ้า” เอ๋าเลี่ยขอบคุณหลิวหลีด้วยความจริงใจ เขาคิดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นคนที่เสียสละ แต่จริงๆแล้วหลิวหลีต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียสละมากกว่า
“หลิวหลี ข้าก็ขอเป็นตัวแทนเผ่าหงส์ขอบคุณเจ้า” เฟิ่งอิงเสวี่ยก็พูดขึ้นด้วยความตื้นตันใจ
ของของสามสกุลที่เหลือ ข้าจะไหว้วานให้หัวหน้าเผ่ามังกรเอาไปให้ได้ไหม อาเลี่ย” หลิวหลีหันไปพูดกับเอ๋าเลี่ย
“ได้สิ”
“อีกอย่างก็คือ ข้ากับเสี่ยวเทียนจะดื่มกันคนละหนึ่งหยด” สุดท้ายหลิวหลีพูดเสริมขึ้น
“หลิวหลี ข้า” หนานกงเวิ่นเทียนยังไม่ทันพูดจบ
“เสี่ยวเทียนเป็นถึงว่าที่สามีในอนาคตของข้า จำเป็นต้องรับไว้” หลิวหลียับยั้งคำปฏิเสธของหนานกงเวิ่นเทียน ตอนอยู่ในมิติความฝัน เสียงกระดิ่งของเจ้าเป็นคนปลุกให้ข้าตื่นขึ้นมา
หนานกงเวิ่นเทียนหน้าแดงเล็กน้อย เอ๋าเลี่ยมองไปที่หนานกงเวิ่นเทียน นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมหลิวหลีถึงได้พูดตรงขนาดนี้
“หลิวหลี เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้พูดตรงขนาดนี้ ดูสิ หน้าของเวิ่นเทียนแดงไปหมดแล้ว” เอ๋าเลี่ยพูดจาหยอกล้อ
“ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ว่าแต่ก่อนไม่ค่อยเข้าใจ แค่รู้สึกว่าคุณสมบัติร่างกายของเวิ่นเทียนเข้ากับข้าได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ข้าถึงเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่เสี่ยวเทียนปฎิบัติต่อข้ามันไม่เหมือนคนอื่น อีกทั้งสิ่งที่ข้ามีให้เสี่ยวเทียนมันก็มีความรักอยู่ด้วย” ถึงแม้หลิวหลีจะพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่หูที่แดงทั้งสองข้างของนางกลับแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในคำพูดของนาง อีกทั้งนางยังเหลือบมองเวิ่นเทียนเป็นระยะ พวกเขาต่างก็มองเห็นมัน
นี่มันต่างคนก็ต่างมีใจให้กันจริงๆ
“หลิวหลี ในใจของข้าก็มีเจ้าเช่นกัน แต่ว่าถูกเจ้าแย่งพูดไปก่อนแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนพูดขึ้นพลางมองสายตาของทุกคน หน้าของเขาแดงเป็นลูกตำลึง
หลิวหลีรู้สึกได้เลยอุณหภูมิของใบหน้าสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จริงๆเลยนางช่างไม่เป็นกุลสตรีเลยจริงๆ
ณ หอเทียนจีเก๋อ
“ฮ่าฮ่า ดาวมังกรกับดาวหงส์ในที่สุดก็เปิดใจให้กันแล้ว ดีจริงเลยดาวหมาป่าสวรรค์ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะกลืนกินสวรรค์อย่างไร”
………………………………………