พอไปถึงที่ เสี่ยวเชี่ยนเงยหน้ามองแล้วก็พูดไม่ออก มองป้ายที่โชว์หราแล้วก็เกิดความรู้สึกเหมือนมาผิดที่
“นายคิดจะพาฉันมาที่นี่เนี่ยนะ?”
เธอก็คิดว่าเขาจะพาไปที่ไหน นึกไม่ถึงว่าจะพามาที่ประหลาดขนาดนี้
“อืม อาคารมีพื้นที่ 2,783ตารางเมตร สนามมีพื้นที่ 1,000ตารางเมตร ถึงจะสร้างมายี่สิบปีแล้ว แต่ก็นับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในมณฑล อุปกรณ์ที่อยู่ข้างในก็เปลี่ยนใหม่แล้วด้วย”
ตอนที่เขาบอกจะพาเธอไปที่แห่งหนึ่ง เสี่ยวเชี่ยนยังคิดอยู่เลยว่าในที่สุดตานี่ก็ฉลาดขึ้นมาแล้ว รู้จักใช้เสน่ห์ของผู้ชายปลอบแฟนตัวเอง แต่ที่ไหนได้พามาโรงยิม?
แล้วสีหน้าภาคภูมิใจนี่มันอะไรกัน? เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลางที่อธิบายประวัติของโรงยิมอย่างภูมิใจ นี่เธอเกือบคิดไปแล้วว่าจ้างชาวบ้านมาเป็นไกด์ในราคาสิบหยวนเพื่อมานำชมบ้านเกิดที่แสนภูมิใจ—แถมยังเป็นไกด์เถื่อน
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?” เธอต้องขอตัดบทการแนะนำอย่างภาคภูมิใจนี้
“คุณอารมณ์ไม่ดีไม่ใช่เหรอ ผมพาคุณมาผ่อนคลาย”
แฟนที่ดีต้องช่างสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของแฟนสาว พร้อมทั้งยังต้องช่วยปรับสภาพอารมณ์ของเธอให้ดีขึ้น เขาใส่ใจขนาดนี้เสียวเหม่ยต้องยิ่งชอบเขามากขึ้นแน่ๆ
เสี่ยวเชี่ยนอยากอัดเขาจริงๆ
เมื่อคืนเขาใช้ถุงยางถึงสองกล่อง เล่นเอาเธอแค่เดินยังเจ็บ ร่างกายไม่มีจุดไหนไม่ปวด แล้วนี่ยังจะพาเธอมาโรงยิม? กลัวเธอยังเจ็บไม่พอหรือไง
ถ้าอวี๋หมิงหลางสังเกตสีหน้าเธอสักนิดก็จะรู้ว่าเวลานี้เสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ไม่ดีสุดขีดแล้ว แต่เขากลับไม่เห็น อีกทั้งยังมีสีหน้าภูมิใจ
“เวลาที่อารมณ์ไม่ดีก็มาตีเทนนิส มาวิ่งสักหน่อย ความหงุดหงิดในใจก็จะหายไป~
“นายยังคิดจะตีเทนนิส?” เสี่ยวเชี่ยนขึ้นเสียงอย่างลืมตัว รู้สึกว่าความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเธอพังทลายลงตั้งแต่มาเจอตาทึ่มนี่
“ผมเห็นร่างกายคุณอ่อนแอ กีฬาอย่างเทนนิสไม่ได้หนักมาก เหมาะกับคุณสุดๆ” เพื่อแสดงถึงความทุ่มเทเอาใจใส่แฟนสาว อวี๋หมิงหลางยังพูดเสริมด้วยความภูมิใจ
“อีกทั้งการตีเทนนิสยังช่วยขับพิษออกจากร่างกายด้วย ผู้หญิงตีเทนนิสอาทิตย์ละสองครั้งจะดีมาก”
นี่เป็นข้อสรุปจากการที่ได้ค้นคว้าตำรามามากมายเลยนะ~ อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าหลังจากกลับหน่วยไปแล้ว เขาจะเปิดคอร์สแชร์ประสบการณ์ให้กับเหล่าทหารที่ยังเป็นโสดกันอยู่
ผู้ชายถ้าอยากมีแฟนมันก็เป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง ไม่มีประสบการณ์ไม่เป็นไร เรียนรู้ได้ ยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร ห้องสมุดมีหนังสือให้ยืมมากมาย อวี๋หมิงหลางอ่านไปเยอะมากเพื่อเสี่ยวเชี่ยน ตั้งแต่เรื่องกับข้าวยันออกกำลังกาย อ่านมันหมดทุกแนว
ในที่สุดตอนนี้ก็มีโอกาสได้ใช้ เขารู้สึกว่าความรู้ทั้งหมดคือพลัง
อวี๋หมิงหลางไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิด เขาคิดว่าตัวเองทำดีสุดๆ แต่เสี่ยวเชี่ยนอยากจะเด็ดหัวเขา
เดิมอารมณ์เธอก็ไม่ดีอยู่แล้ว เขายังจะพามาที่นี่อีก
ผู้หญิงตีเทนนิสเป็นเรื่องที่ดี—แล้วผู้หญิงพวกนั้นที่บ้านมีสัตว์ใหญ่ที่กลางคืนใช้ถุงยางไปถึงสองกล่องแบบเธอไหมล่ะ?
ให้ผู้หญิงที่เหนื่อยจากเรื่องบนเตียงอีกทั้งยังไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอมาตีเทนนิส นี่ก็เหมือนกับกลุ่มคนนั่งกินข้าวดื่มเหล้าอยู่ด้วยกัน ใครเอาเนื้อยัดได้เต็มปากก็ยืนขึ้นมาชนเหล้า สภาพโหดร้ายไม่ต่างกัน
ถ้าไม่ติดว่ารู้จักอวี๋หมิงหลางดี รู้ว่าตานี่ศึกษาหาความรู้มาเยอะเกินไปจนเพี้ยน เธอคงคิดว่าเขาตั้งใจแกล้งเธอ
“ห้องฟิตเนสที่ค่ายไม่เปิดให้คนในครอบครัวทหารเข้าใช้ ดังนั้นตอนผมเรียนเลยมาเล่นที่นี่ โดนเฉพาะตอนอยู่มอหก มาตีเทนนิสบ่อยๆ” พาแฟนมารำลึกความหลัง ทำให้เธอได้รู้จักมุมที่สดใสในวัยเยาว์ของเขา นี่ก็เป็นขั้นหนึ่งที่สำคัญมากของการคบกัน
“…มอหกแค่เรียนก็เหนื่อยมากแล้วยังจะมาตีเทนนิสอีกเหรอ? นายเอาเวลามาจากไหน อาจารย์ที่ปรึกษาไม่ว่าเหรอ?”
“ตอนแรกก็ว่า ต่อมาเขาก็ตั้งเงื่อนไขกับผมน้อยลงจนถึงขนาดที่ผมไม่ต้องอยู่เรียนด้วยตัวเองต่อตอนเย็นอีกสามคาบ แต่ต้องรักษาผลการเรียนให้ดี แล้วก็ห้ามผมพาเพื่อนโดดเรียน ผมจะโดดก็ได้ แต่ห้ามพาคนอื่นไป”
“งั้นก็หมายความว่า ก่อนหน้านี้นายไม่ได้เกเรคนเดียว ยังพาเพื่อนทั้งห้องโดดเรียนด้วย?” เสี่ยวเชี่ยนถนัดมากเรื่องจับประเด็น เธอเข้าใจเรื่องราวแล้ว
เขาไม่ใช่เด็กดีตั้งแต่สมัยเรียน เมื่อก่อนเขาเป็นเด็กเกเรที่เรียนดี แต่สมองเต็มไปด้วยความคิดของเด็กแสบ
“ประเด็นสำคัญไม่ใช่ตรงนี้ แต่อยู่ที่ผมอยากให้คุณอารมณ์ดีขึ้น”
“ไม่เลยอะ” เธอไม่ใช่พวกที่เจ็บปวดแล้วจะอารมณ์ดีเสียหน่อย
“เล่นดูเดี๋ยวก็สนุก ลูกเชี่ยน ถ้าเขาทำลายสายใยพ่อลูกเส้นสุดท้ายไปแล้ว งั้นผมก็หวังว่าตัวผมจะสามารถให้ความอบอุ่นกับคุณได้เพิ่มมากขึ้น เขาเป็นแค่อดีตของคุณ ผมสิเป็นอนาคต คุณจะมาเสียใจกับอดีตจนส่งผลต่ออนาคตไม่ได้นะ ต่อไปถ้าพวกเรามีลูกทุกอาทิตย์ผมจะหาเวลาพาเขามาเล่น แต่ก่อนมีลูกผมก็จะยกคุณเป็นลูกสาว มีเวลาก็จะพาคุณมา”
พูดอ้อมตั้งไกล ในที่สุดก็เข้าประเด็น
เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจความหมายของเขาแล้ว ความหงุดหงิดเมื่อครู่ถูกความประทับใจเข้าแทนที่
พ่อที่ทำผิดต่อเธอคนนั้นไม่ควรจะยึดพื้นที่ในใจเธอให้มากมายจนเกินไป
ผู้ชายคนนั้นไร้เยื่อใยต่อเสี่ยวเชี่ยน อวี๋หมิงหลางจึงไม่อยากให้เสี่ยวเชี่ยนต้องไปเปลืองแรงเปลืองใจกับคนแบบนี้
ความโกรธที่ลูกเชี่ยนมีเมื่อครู่ อวี๋หมิงหลางไม่อยากให้เรื่องนี้มาทำลายความหวังต่ออนาคตอันสวยงามของเธอ อนาคตยังมีความสุขและความอบอุ่นอีกมาก ใช่ว่าทุกคนจะทำให้เธอเสียใจเหมือนอย่างพ่อเฮงซวย
“บางครั้งฉันคิดแล้วก็ไม่เข้าใจว่าตกลงนายเข้าใจหรือไม่เข้าใจฉันกันแน่”
เมื่อกี้ยังทำเรื่องที่ไม่ได้เรื่องอยู่ พาตัวเธอที่ปวดร้าวไปทั้งตัวมาตีเทนนิส มาตอนนี้กลับทำให้เธออบอุ่นหัวใจ หรือนี่จะเป็นคนฉลาดแกล้งโง่อย่างที่เขาว่ากัน?
“เรื่องในอดีตผมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ คุณไปเกิดที่บ้านไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมตัดสินใจ แต่ผมสามารถทำให้ในอนาคตคุณมีความสุขทุกวัน คุณเป็นคนรักของผม คุณมีความรักที่ผมให้ก็พอแล้ว เขาจะรู้สึกอะไรกับคุณหรือไม่ก็ช่างเขา”
“อันที่จริงฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้มากระทบจิตใจ เพียงแต่…”
“เพียงแต่คุณรู้สึกขัดแย้ง สติบอกคุณว่าไม่ต้องการความผูกพันอะไรทั้งนั้น แต่ความรู้สึกกลับบอกคุณว่าอดไม่ได้ที่จะผิดหวัง คุณคิดว่าการรู้สึกผิดหวังในตัวพ่อเฮงซวยเป็นอะไรที่ไม่คุ้มกันเลย แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดที่ควบคุมจิตใจตัวเองไม่ได้ ในสายตาของคุณอารมณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเรื่องที่ไม่คุ้มค่า มันไร้สาระทั้งนั้นแต่คุณก็เอาชนะมันไม่ได้”
สุดยอดไปเลยพี่ เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลางอย่างอึ้งๆ
เขามองเธอออกหมดอย่างทะลุปรุโปร่ง นี่มันวิญญาณจิตแพทย์เข้าสิงชัดๆ
“ทำไมนายรู้ความคิดของฉัน?”
“เพราะความอ่อนแอที่คุณเกลียดเป็นสิ่งที่ผมอยากปกป้องพอดี ลูกเชี่ยน บางครั้งการยอมรับว่าตัวเองก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี ใช่ว่าจะเจ็บปวดไม่ได้ แบบนั้นจะยิ่งทำให้คุณเหมือนคนที่มีชีวิตมากกว่านะ แต่ความเจ็บปวดนี้ไม่ควรอยู่กับคุณนานจนเกินไป ไม่กี่วินาทีก็พอแล้ว อนาคตของคุณควรจะมีความสุขทุกวันนะ”
อวี๋หมิงหลางพูดจบก็จูงมือเธอเพื่อจะพาไปซื้อตั๋ว แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
“ลูกเชี่ยน?”
“นายอยากให้ฉันมีความสุข?”
“อืม”
“อยู่ที่นี่ฉันไม่มีความสุข”
“แล้วคุณอยากไปที่ไหน?”
“กลับบ้าน กลับไปที่เตียงนาย”