ตอนที่ 193 ฉันยกโทษให้นาย

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 193 ฉันยกโทษให้นาย

ผู้ชายคนนี้ได้พิจารณาแล้วทุกด้าน

เธอกินอาหารเช้าด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะรีบขึ้นไปชั้นบน ทันทีที่กลับขึ้นมาบนห้อง เขายังอยู่ในห้องน้ำ เธอเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งสีเบจที่มีเครื่องสำอางวางอยู่บนโต๊ะ ตอนเช้าแค่ล้างหน้าบ้วนปากก็ลงไปชั้นล่างเลย เธอจึงไม่ได้สังเกตตรงส่วนนี้

เธอม้วนผมเป็นลอนและมองไปที่ยี่ห้อเครื่องสำอางที่เหมือนกับที่เขาให้เธอในวันเกิด เธอหยิบมันขึ้นมาแต่งบนใบหน้าอย่างไม่ลังเล

จิ่งเป่ยเฉินเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นเธอแต่งหน้าอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างจริงจัง ภาพตรงหน้าปรากฏในจินตนาการของเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้มันได้เกิดขึ้นจริงตรงหน้าเขาแล้ว เขาเพิ่งค้นพบว่าความสุขที่เรียบง่ายนั้นดีกว่าในจินตนาการของเขาหลายเท่า

เขาไม่ได้อยากให้เธอนั้นแต่งหน้า แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นมองเธอแบบนั้น ภายในใจจึงเกิดความขัดแย้งอย่างมาก

ทันทีที่อันโหรวเห็นเขานุ่งผ้าขนหนูและยืนอยู่ด้านหลังผ่านทางกระจก เธอก็หันไปมองเขา “ไม่ต้องห่วง เรื่องเมื่อคืนฉันยกโทษให้!”

“ยกโทษให้ฉันเหรอ?”เขาขมวดคิ้วและเดินเข้าไปหาเธอ

ทันทีที่เขาเดินเข้าไปหาเธอ เธอก็หันหน้ากลับไปแต่งหน้าต่อ

เสียงฝีเท้าของเขาหยุดอยู่ตรงหน้า มองใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอ “นี่คือวิธีการทำงานกับ TE อย่างนั้นเหรอ?”

เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ก่อนจะเอ่ยว่า “ลืมไปแล้ว!”

“นานแค่ไหนกันเธอถึงลืมได้” เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ เอาแก้มแนบชิดกับหูของเธอและพูดว่า “ต้องเป็นแบบนั้น”

“ก่อนจะเข้า TE ก็ไม่ได้แต่งหน้า หลังจากที่เข้า TE ก็เริ่มแต่งหน้าทุกวัน” เธอถูกซักถามจนหงุดหงิด หลังจากนั้นมาเธอก็ใช้คำตอบแบบนี้เวลาโดนถาม

“ถึงแม้จะเป็นแบบนี้แต่ก็มีคนจำนวนมากไล่ตามคุณใน TE” จิ่งเป่ยเฉินพูด รู้ได้ทันทีว่าน้ำเสียงของเขามีความหึงหวงแฝงอยู่

“แสดงว่าฉันดูมีเสน่ห์มาก ๆ สินะ” เธอเอื้อมมือไปวางที่อกของเขา “ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก อยากไปทำงานสายเหรอคะ?”

เขาจับมือของเธอและลูบเบา ๆ “แค่ฉันมองเธอก็อยากไปสายซะแล้วสิ!”

“ไม่ได้ วันนี้มีถ่ายโฆษณา บิ๊กบอสห้ามพลาดเด็ดขาด ยิ่งช่วงนี้ตระกูลฮั่วกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่!” เธอมองใบหน้าที่เย็นชาของจิ่งเป่ยเฉิน “ไม่แน่ว่าประธานฮั่วอาจจะตามหาคุณอยู่!”

“ถึงตามหาฉันก็ต้องดูว่าฉันอยากจะเจอเขาหรือเปล่า” เขาปล่อยมือเธอ ก่อนจะขยับแก้มออกจากหูเธอ พลางพูดว่า “โหรวโหรว คุณย้ายมาอยู่กับผมได้ไหม?”

ตัวเธอสั่นเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือซ้ายดึงมือของเขาออก เธอเกือบจะหลงกลคำพูดและน้ำเสียงที่อ่อนโยนของเขา “รอก่อนเถอะนะ!”

“ต้องรออีกนานแค่ไหน?”

“รอ…ไม่รู้สิ“ ในปีนั้นเธอมีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับตระกูลอัน เธอรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนของโอวหยางลี่ที่ลงมือ แค่เธอไม่มีหลักฐานเท่านั้นเอง

และท่าทีของโอวหยางลี่ที่ดูเหมือนไม่รู้เรื่อง ปัจจุบันเฉาลี่เฟย เธอเองก็ไม่ติดต่อกันมานานมากแล้วด้วย เธอจึงไม่รู้จะใช้คำพูดไหนถึงจะอธิบายให้เข้าใจได้

“งานเลี้ยงวันเกิดในอีกครึ่งเดือนของเฉาลี่เฟย เขาควรเชิญเธอไปด้วย” เขาพูดและยืดตัวยืนขึ้น ดวงตาสีดำสนิทมองเธออีกรอบ ก่อนจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากที่พูดจบ

วันเกิดเฉาลี่เฟย……

ควรให้ของขวัญกับเธอหรือเปล่า?

ทันทีที่พวกเขาออกจากบ้านพักวิลล่า เธอก็โทรศัพท์หาหลินจือเซี๋ยวทันที ถามถึงหยางหยางและหน่วนหน่วน ก่อนจะไปสตูดิโออย่างสบายใจ

เธอไปถึงก่อนเวลา แต่เหอเฉ่าแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้แต่เจียงหลิวก็มาถึงนานแล้ว แต่ใบหน้าของเขานั้นดูไม่ดีเท่าไร

ตาของเขาบวม มีรอยคล้ำที่ใต้ตา เขานอนพักอยู่บนเก้าอี้ ไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไป

เธอเดินไปเสิร์ฟกาแฟ “ผู้กำกับเจียง เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเหรอคะ?”

เมื่อเจียงหลิวได้ยินน้ำเสียงที่แหบแห้งของเธอก็สะดุ้งตื่น ก่อนจะยื่นมือมารับถ้วยกาแฟจากเธอ “นิดหน่อย แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันเป็นมืออาชีพ ไม่ทำให้เสียเวลาแน่นอน”

ทันทีที่พูดจบเขาก็หาวขึ้นมา น้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย หน้าตาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถปกปิดไว้ได้

เมื่ออันโหรวเห็นแบบนั้นก็รู้สึกกังวลใจ เธอรู้ว่าเจียงหลิวนั้นเป็นมืออาชีพ แต่สภาพเขาตอนนี้ดูไม่ดีเอาซะเลย ครั้งที่แล้วก็ถ่ายไม่สำเร็จ หวังว่าวันนี้จะไม่เกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นอีกนะ

“งั้นผู้กำกับเจียงพักผ่อนเถอะค่ะ” เธอหันหลังกลับออกไปด้านนอก พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก

เมื่อเธอมาถึงสตูดิโอ เหอเฉ่าก็แต่งหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวใส่ชุดเดรสชีฟองสีฟ้าอ่อน มีดอกชบาประดับ ขับผิวของเธอให้ดูขาวและสดใสเป็นอย่างมาก

“สวยมาก!” เธอชมอย่างไม่ลังเล

“ขอบคุณค่ะ เรื่องวันนั้นต้องขอโทษด้วย” เธอไม่รู้ว่าดื่มน้ำที่เหอเหมี่ยวยื่นให้แล้วจะหลับไปแบบนั้น แม้เธอจะไปโรงพยาบาลเพื่อดูเธอในภายหลังก็ตาม

“วันนี้อย่าเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นอีกก็พอ” ยังไงเรื่องวันนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ

“ฉันจะทำอย่างเต็มที่เลยค่ะ” เหอเฉ่าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แสดงถึงความมั่นใจ

อันโหรวไม่ได้เป็นห่วงตัวเธอเลย แต่คนที่น่าเป็นห่วงคือเจียงหลิว สภาพเขาดูไม่ดีเลย

เมื่อถึงเวลาถ่ายอย่างเป็นทางการ เห็นศักยภาพของเจียงหลิว เธอก็รู้สึกผ่อนคลายความกังวลได้บ้าง

เธอมองไปที่กล้อง คนที่อยู่ในกล้องนั้นดูดีมาก แต่องค์ประกอบนั้นกลับใช้ไม่ได้

“ผู้กำกับเจียงคะ คุณไปพักก่อนดีไหม” เธอถามด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ ไม่ ถ่ายต่อเลย!” เจียงหลิวจ้องตาเขม็ง แต่วินาทีต่อมาเขาก็ก้มหน้าหลับตา ก่อนจะหรี่ตาขึ้น แม้แต่ตำแหน่งของกล้องยังไม่โฟกัส

เมื่อคืนเขาไปดื่มมาจนถึงเช้า วันนี้เลยหลับไปชั่วครู่ ไม่มีสติเลยสักนิด หากไม่ใช่งานของบริษัทจิ่ง เขาคงไม่มาแน่

“จะถ่ายต่อได้ยังไง!” เฟิงชิงชิงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ผู้กำกับเจียง วันนี้คุณจะถ่ายจบไหม งานที่ถ่ายออกมามันใช่ได้หรือเปล่า?”

เมื่อพนักงานของบริษัทจิ่งเห็นผู้อำนวยการแผนกวางแผนมาดูด้วยตัวเองก็หยุดการเคลื่อนไหว พลางหันมามองดูพวกเขา

พวกเขามองเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าการถ่ายทำของผู้กำกับเจียงวันนี้ดูไม่ดีเอาซะเลย อันอีหานยังพอไว้หน้าเขาอยู่ แต่เมื่อเฟิงชิงชิงมาก็เข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม เจียงหลิวไม่สามารถระงับสีหน้าของตัวเองได้

“คือว่าฉันง่วงจริง ๆ พวกเราค่อยถ่ายกันต่อช่วงบ่าย!” เจียงหลิวกุมขมับกับอาการเมาค้าง ช่างแย่จริง ๆ

“ผู้กำกับเจียง เลิกได้ก็เลิกกองเถอะ!” ทันใดนั้นเสียงของหญิงสาวจากด้านหลังเฟิงชิงชิงก็ดังขึ้น เสียงรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาในห้องถ่ายสตูดิโอท่ามกลางความเงียบสงัด

อันโหรวไม่คุ้นกับเสียงนี้ ถังซือเถียนไม่ได้เป็นเลขาของจิ่งเป่ยเฉิน ดังนั้นเขาจึงดูแลงานนอก

“คุณ คุณถัง……” เจียงหลิวหาวติดต่อกันหลายครั้ง ตาของเขาค่อย ๆ ปิดลง เขาทรุดตัวลงนอนบนที่นั่งและกรน

อันโหรวเหลือบไปมองเขาที่นอนหลับสนิทอย่างรวดเร็ว รู้ได้ทันทีว่าเขาฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว

“เลขาอัน คุณจะจัดการยังไง?” ถังซือเถียนยิ้มและเดินเข้ามาหาเธอ สายตาในห้องสตูดิโอจับจ้องมาที่พวกเขา

เธอหันไปมองเหอเฉ่า ผู้หญิงคนนี้สวยกว่าอันอีหานตั้งเยอะ เธอเป็นใครกัน?