ตอนที่ 77-3 ชายขอบหนานเจียง

ชายาเคียงหทัย

ภายในห้องโถงเงียบกริบลงทันที เมื่อเห็นว่าพวกเขามิได้ตีกันแล้ว หลงจู๊ผู้เฒ่าก็ค่อยยืนขึ้นหลังโต๊ะสูงด้วยความระมัดระวัง ก่อนหันไปกล่าวขออภัยกับแขกเพียงโต๊ะเดียวที่เหลืออยู่ เยี่ยหลีเดินขึ้นไปด้านบน พร้อมสั่งองครักษ์ลับสามว่าตอนคิดบัญชีให้เพิ่มเงินให้หลงจู๊ไว้เป็นค่าชดเชย

 

 

หานหมิงซีที่เดินตามมาทางด้านหลัง เมื่อได้ยินเยี่ยหลีพูดเช่นนี้จึงหัวเราะหึหึแล้วพูดขึ้นว่า “จวินเหวยนี่ช่างใจอ่อนเสียจริง หลงจู๊ผู้เฒ่านั่นเปิดโรงเตี๊ยมอยู่ในหย่งหลินมาหลายสิบปี ย่อมเคยเจอเหตุการณ์พวกนี้มาแล้วทั้งนั้น เจ้าคิดว่าเขาตกใจกลัวจริงๆ อย่างนั้นหรือ”

 

 

เยี่ยหลีปรายตามองเขา “ด้วยเพราะเรื่องของพวกเรา ทำให้ไล่แขกพวกนั้นไป ไม่เกี่ยวอะไรกับที่เขาตกใจกลัวจริงหรือไม่ อีกอย่าง…พี่หาน นี่มันห้องของข้า”

 

 

           หานหมิงซีหัวเราะ “จวินเหวยจะไม่เชิญข้าเข้าไปดื่มชาสักถ้วยหรือ”

 

 

           “อยากดื่มชาเหตุใดเมื่อครู่จึงมินั่งดื่มที่โถงใหญ่”

 

 

           หานหมิงซีเบ้ปากด้วยความรังเกียจ “ดื่มชาในที่แบบนั้นไม่ถูกกับรสนิยมอันสูงส่งของข้าเลย อีกอย่าง…ข้ายังไม่อยากดื่มชาไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วถูกใครวางยาพิษเข้าให้โดยไม่รู้ตัวหรอกนะ จวินเหวยนี่มีโชคไม่เลวทีเดียว แค่ออกมานี่ก็ได้เจอบัณฑิตขี้โรคที่ไม่ว่าคนในยุทธภพคนใดเห็นก็ต้องกลัวเสียแล้ว”

 

 

เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้น ยอมเบี่ยงตัวหลบให้เขาเดินเข้ามา ก่อนถามว่า “ท่านรู้จักบัณฑิตขี้โรคหรือ ตอนนี้เขามาทำอันใดที่หนานเจียงหรือ”

 

 

           หานหมิงซียักไหล่ นั่งเอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมเอารองมือรองศรีษะแทนหมอนด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนยิ้มให้เยี่ยหลีแล้วพูดว่า “ใครจะไปรู้กัน หลายปีก่อนเขาเกือบถูกติ้งอ๋องฆ่าตาย แต่ด้วยเพราะหัวหน้าใหญ่แห่งสำนักเยี่ยนอ๋องเก๋อออกหน้าด้วยตนเองจนสามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เขามิได้ออกไปไหนมาไหนเสียหลายปีแล้ว อยู่ดีๆ มาปรากฏตัวอยู่ที่หนานเจียง…หึหึ ทุกครั้งที่เจ้านั่นโผล่มา จะต้องเกิดเหตุโศกนาฏกรรมนองเลือดขึ้นทุกครั้ง จวินเหวยเจ้าอย่าได้ถูกมันหลอกเชียวนะ ห่างๆ มันไว้หน่อยก็จะดี”

 

 

เยี่ยหลีพยักหน้ารับอย่างใจลอย ในหัวคิดไปถึงอีกเรื่องหนึ่ง “ข้ามิได้รู้จักเขา ย่อมไม่ไปทำอันใดให้เขาโกรธหรอก ว่าแต่พี่หานไม่ต้องอยู่คอยคุมกิจการของหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์หรือ เหตุใดถึงมีเวลาเดินทางมายังหนานเจียงได้”

 

 

           หานหมิงซียิ้ม “หอชิงเฟิงหมิงเย่ว์จำเป็นต้องมีข้าคอยคุมตั้งแต่เมื่อใดกัน มาคอยดูแลจวินเหวยทำให้ข้าวางใจมากกว่า เพราะถึงอย่างไร…ซวินหย่าเก๋อก็เป็นกิจการเดียวที่ถือเป็นของข้านี่นา หากจวินเหวยเป็นอันใดไป ข้าคงเสียหายไม่น้อย” ระหว่างที่พูดเรื่องเป็นการเป็นงานนั้น ตาเหยี่ยวก็ฉายแววขี้เล่นออกมาด้วย

 

 

           เยี่ยหลีมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไปที่หนานเจียงด้วยเพราะมีเรื่องต้องจัดการ ไม่สะดวกที่จะพาพี่หานไปด้วย”

 

 

           “ไม่เป็นไร ไม่ต้องพาข้าไปด้วย ข้าตามจวินเหวยไปก็พอแล้ว หากจวินเหวยไปภูเขาดาบ ข้าจะไม่มีทางลงทะเลไฟอย่างแน่นอน ว่าอย่างไร” หานหมิงซียิ้มสดใส “ข้ามีประโยชน์มากทีเดียวนะ จวินเหวยมิได้อยากใช้สายข่าวของเทียนอี้เก๋อหรือ ขอเพียงข้าอยู่ข้างกายเจ้า เจ้าสามารถใช้งานสายข่าวเทียนอี้เก๋อได้ตลอดเวลา สะดวกกว่ารอให้ข่าวมาส่งมากทีเดียวนะ”

 

 

           เยี่ยหลีมองเขานิ่งอยู่พักใหญ่จึงได้พูดขึ้นว่า “ข้าเพียงกลัวว่าหากคุณชายหมิงเย่ว์รู้ว่าข้าพาน้องชายเขาเข้าไปยังดินแดนอันตรายเช่นนั้น หากกลับมาแล้วไม่ระวังข้าอาจถูกฆ่าตายได้”

 

 

           เพียงพูดถึงพี่ใหญ่ สีหน้าของหานหมิงซีก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาก เขาสงเสียงเหอะเย็นๆ “อย่าเอ่ยถึงเขากับข้า ตอนนี้เขาจำน้องชายอย่างข้าได้ที่ใดกัน สักวันไม่ช้าก็เร็วคงได้ตายคา…เหอะๆ! ถึงตอนนั้นข้าค่อยไปตามเก็บศพเขาก็พอแล้ว”

 

 

เยี่ยหลีใจกระตุกขึ้นทันที ถึงแม้ครั้งก่อนนางเล่นงานหานหมิงเย่ว์ทั้งยังรอดจากเงื้อมมือเขามาได้ แต่เยี่ยหลีกลับมีความระมัดระวังตัวกับเขาประหนึ่งเป็นความรู้สึกที่ติดตัวมาแต่เกิด แต่กับหานหมิงซีที่หน้าตามีส่วนคล้ายเขาอยู่มากนี้ นางกลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นเลย อาจเป็นเพราะหานหมิงเย่ว์สร้างหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์และเทียนอี้เก๋อขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียว หรืออาจเป็นเพราะบุญคุณและความบาดหมางที่พูดไม่ถูกและอธิบายไม่ได้ระหว่างเขากับม่อซิวเหยา หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาเป็นคนแรกที่สามารถนำภัยอันตรายมาสู่นางได้จริงๆ

 

 

           เยี่ยหลีมองหานหมิงซีที่กระฟัดกระเฟียดด้วยสีหน้าเช่นเดิม ก่อนเอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า “ในเมื่อเป็นห่วง ก็ไปดูเขาเสียหน่อยก็สิ้นเรื่อง พี่หานจะระหกระเหินไปกับข้าทำไม เรื่องอันตรายยังไม่เท่าไร แต่หากคุณชายหมิงเย่ว์เกิดเป็นอันใดขึ้นมา จะไม่ทำให้พี่หานต้องเสียใจหรือ”

 

 

หานหมิงซีอึ้งไป ก่อนรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มอย่างรวดเร็ว “เขาจะเป็นอันใดได้ ในใต้หล้านี้คนที่จะทำอันตรายเขาได้มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น อีกอย่างเขาก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากข้า ในสายตาเขา ข้ามีแต่จะทำให้เขายุ่งขึ้นเท่านั้น”

 

 

เยี่ยหลีเท้าคางยิ้มมองเขา “ข้ายังคิดว่าพี่หานกับคุณชายหมิงเย่ว์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสียอีก”

 

 

           หานหมิงซีส่งเสียงเหอะเบาๆ “เอาเป็นว่า ข้าจะไปหนานเจียงกับเจ้า ต่อให้เจ้าไม่ยอมข้าก็จะตามเจ้าไปให้ได้ ส่วนเรื่องพี่ใหญ่นั้น ไม่ต้องลำบากเจ้าเป็นห่วง หากเขาไม่กลับมาแค่ช่วงเวลาสั้นๆ หอชิงเฟิงหมิงเย่ว์ก็ไม่มีทางล้มลงหรอก”

 

 

เยี่ยหลียักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ พูดมากไปมีแต่จะทำให้เขานึกสงสัย ในเมื่อต้องมีปฏิสัมพันธ์กับในช่วงระยะเวลาที่ไม่ถือว่าสั้นนักนี้ อย่างไรนางก็มีวิธีที่จะทำให้รู้ว่าหานหมิงเย่ว์ไปอยู่ที่ใดกันแน่ นางยังไม่ลืมเรื่องที่หานหมิงเย่ว์เกือบทำลายชื่อเสียงของนางเพื่อผู้หญิงที่มีความเกี่ยวพันกับม่อซิวเหยา ผู้ใดบอกกันว่าเมื่อขอโทษและให้ของขวัญปลอบขวัญแล้ว นางจะยังคิดแค้นอีกไม่ได้ เพียงแค่นางไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะแก้แค้นเท่านั้น ส่วนเรื่องที่จะใช้หานหมิงซีให้เป็นประโยชน์นั้น…เยี่ยหลีมองหน้าชายหนุ่มกับรอยยิ้มที่สุดแสนจะเย้ายวนของเขา ผู้ใดใช้ให้เขาเป็นน้องชายของหานหมิงเย่ว์แล้วดันวิ่งเข้ามาชนปังตอเข้าเองเล่า

 

 

           เยี่ยหลีมิได้เอ่ยคัดค้านอันใดอีก หานหมิงซียินดีเป็นอย่างยิ่ง ในใจนึกคิดวางแผนการเดินทางของพวกเขาไปต่างๆ นานา “จวินเหวย หนานเจียงนั้นข้าไปมาหลายทีแล้ว พวกเราไปเดินเที่ยวที่ชังซานก่อนก็ได้ จากนั้นค่อยล่องไปทางทิศตะวันตกตามแม่น้ำชิงหมิง จะได้ไปดูดอกเฟิ่งหวางกับเทศกาลโคมไฟของหนานเจียงด้วย แล้วจากนั้นพวกเราค่อยเข้าเมืองหลวงของหนานเจียงกัน เจ้าว่าอย่างไร”

 

 

           เยี่ยหลีมองเขาด้วยสีหน้าเยียบเย็น “ข้าคิดว่า พี่หานรู้ว่าพวกเรากำลังเร่งเดินทางเสียอีก หากเดินทางตามแผนของท่าน ปลายเดือนห้าพวกเราจะเดินทางถึงเมืองหลวงแคว้นหนานจ้าวหรือ”

 

 

หานหมิงซีสีหน้าห่อเ**่ยวลงทันที พูดด้วยน้ำเสียงขัดใจว่า “ถ้าเช่นนั้น พวกเราไปที่เมืองหลวงแคว้นหนานจ้าวกันก่อน รอให้จวินเหวยจัดการธุระให้เสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเราค่อยไปดูเทศกาลโคมไฟก็แล้วกัน”

 

 

           เมื่อเห็นสีหน้าน่าสงสารของหานหมิงซี เยี่ยหลีรู้สึกว่าเส้นเลือตรงขมับของนางเต้นตุบๆ ด้วยความยินดี แล้วจึงไล่เขาออกไปอย่างไม่นึกสนุกด้วย

 

 

องครักษ์ลับสามที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งมองเยี่ยหลีด้วยสีหน้าเป็นกังวล เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้น “มีอันใดอยากพูดหรือ”

 

 

           องครักษ์ลับสามขมวดคิ้ว “คุณชาย คุณชายหาน…” หานหมิงซีผู้นี้พวกเขาไม่รู้อันใดเกี่ยวกับเขาเลย แต่หานหมิงเย่ว์นั้น องครักษ์ลับที่มีโอกาสได้มาเป็นองครักษ์ลับให้กับท่านอ๋องหรือพระชายานั้น ต่างเคยได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขามาบ้าง ซึ่งเป็นคนที่รับมือได้ยากมากทีเดียว ส่วนหานหมิงซีในเมื่อเขาเป็นน้องชายของหานหมิงเย่ว์ เกรงว่าก็คงมิใช่คนดีเด่อันใดเช่นกัน ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ…ชื่อเสียงของหานหมิงซีนั้นไม่ดีเอาเสียเลยจริงๆ หากพระชายาจะต้องผูกมิตรกับเขาไปนานๆ…เขาคิดไปถึงผลที่จะตามมาบางอย่าง แล้วองครักษ์ลับสามก็ตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

           เยี่ยหลีได้แต่กล่าวว่า “การพาหานหมิงซีไปด้วยนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ในเมื่อเขาตามมาแล้ว พวกเราจะสลัดเขาให้หลุด ก็เกรงว่าคงไม่ง่าย” สายข่าวของเทียนอี้เก๋อกระจายอยู่ทั่วใต้หล้า ที่สำคัญกว่านั้นคือมีคนบางประเภทที่พอลากกลับไม่เดิน ตีก็กลับถอย ยิ่งอยากสลัดเขาเท่าไร เขายิ่งจะรัดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เห็นได้ชัดว่าหานหมิงซีเป็นคนที่น่ารำคาญประเภทนี้

 

 

           เยี่ยหลีโบกมือ “ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ยังมิต้องคิดไปถึงเรื่องอื่น ไว้ไปถึงหนานเจียง หาพี่ใหญ่ให้พบก่อนค่อยว่ากัน องครักษ์ลับสองตอนนี้น่าจะหาพี่ใหญ่เจอแล้วกระมัง”

 

 

           องครักษ์ลับสามพยักหน้า “องครักษ์ลับสองชำนาญเรื่องการตามหาคน เขาเดินทางเร็วกว่าเรา คงจะหาคุณชายสวีพบแล้วขอรับ”

 

 

           เยี่ยหลีพยักหน้า “เช่นนั้นก็พาหานหมิงซีไปด้วยแล้วกัน เมื่อเข้าไปยังหนานเจียงแล้วเจ้าคอยสังเกตเบาะแสที่องครักษ์ลับสองทิ้งไว้หน่อย พวกเราจะไปหาพี่ใหญ่กันก่อน”

 

 

           “ขอรับ”