บทที่ 111 กิจวัตรประจำวัน[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 111 กิจวัตรประจำวัน[รีไรท์]

พรึบ!

ดาบไม้ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ฉู่ชวิ๋นกำด้ามของดาบไม้ไว้แน่น และชี้ไปยังชายชรา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขารุนแรงมาก

วูบ!

เสียงดาบไม้ดังขึ้นและเปล่งแสงออกมา

ชายชราหายใจเร็วขึ้น กระจกแปดเหลี่ยมปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา พร้อมกับแสงที่กระจกสะท้อนออกมาอย่างงดงามและด้วยเสียงของมังกรต่อสู้กับเปลวไฟที่รุนแรงที่ปล่อยออกมาจากดาบไม้

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นมองไปยังแหวนบนนิ้วชี้ของชายชรา ดวงตาของเขาประกายขึ้นมา มันคือแหวนมิติ ดูเหมือนว่าจะเป็นฝีมือของผู้ฝึกเทพเซียนเบื้องหลังของชายชรา

“ไอ้หนุ่ม อยากจะพังลานเล็ก ๆ ของข้าหรือยังไง?” ชายชราที่กำลังถือกระจกแปดเหลี่ยมยกคิ้วขึ้น พูดอะไรไม่เข้าหูก็ลงมือช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

“มีสองทางเลือก พาผมไปพบเขา หรือรับกระบวนท่าของผมสัก 2-3 ท่า แต่ถ้าบ้านของคุณพังก็อย่าโทษผมแล้วกัน”

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นถึงขีดสุดแล้ว ราวกับว่าถ้าชายชราไม่พูดแค่คำเดียว เขาก็จะระเบิดออกมา มังกรเขียวเองก็เป็นขั้นปรมาจารย์ แต่ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวมาก ๆ เป็นเพราะแรงกดดันลมปราณของชายชราและฉู่ชวิ๋น

ชายชราไม่ไยดีกับข้อเสนอของฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย ระดับพลังของฉู่ชวิ๋นไม่ได้สูงเท่าเขา แต่กลับมาพูดข่มขู่เขาอย่างอวดดี มันทำให้เขาโมโห ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงก็จะสั่งสอนไอ้เด็กนี่ให้ได้สักครั้ง

“ไอ้หนุ่ม วันนี้ฉันจะทำให้นายรู้จักคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า!” ชายชราพูดด้วยความโกรธ

“พูดมากเสียจริง” พูดจบดาบไม้ในมือของฉู่ชวิ๋นก็ส่งเสียงออกมาอีกครั้ง

ชายชราโกรธจนแทบจะมีไอร้อนลอยออกมา และกระจกในมือก็เริ่มเปล่งแสง ดาบไม้ของฉู่ชวิ๋นตวัดไปมาอย่างนุ่มนวล แสงสว่างเปล่งขึ้นมาบนตัวดาบก่อนที่จะมีเสียงแหลม ๆ ดังขึ้น

“มาเลย!”

ดาบไม้ของฉู่ชวิ๋นฟาดฟันออกไป คลื่นแสงของดาบระเบิดออกมา พุ่งตรงไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

โฮกก….!

กระจกแปดเหลี่ยมทำงาน เสียงของมังกรสั่นสะท้านไปทั่วทั้งพื้นที่ กระจกแปดเหลี่ยมส่องแสงเป็นประกายลอยอยู่ในอากาศพร้อมกับเสียงมังกรและหันเข้าหาฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นเห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนอยู่ในกระจก แต่สิ่งที่แปลกคือตัวเองในกระจก ดูแล้วแปลกไป

“ตาแก่ นี่ตั้งใจใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นไม่พอใจ รู้สึกว่าชายชรากำลังหยอกล้อเขาอยู่

กระจกแปดเหลี่ยมลอยอยู่กลางอากาศ และแสงส่องสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็ก

ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว เขารู้สึกถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาได้

ทันใดนั้นลำแสงก็พุ่งออกมาจากกระจกเล็งมาทางเขาเต็ม ๆ สีหน้าของฉู่ชวิ๋นถอดสีทันที ความเร็วของลำแสงนั้นเร็วเกินไปและไร้เสียง แต่เขารู้สึกได้เลยว่ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ซึ่งดูน่ากลัวมาก

ชายชราเล่นไม่แฟร์ เขาจำได้ว่าเมื่อเขาต่อสู้กับชายชราในคืนนั้นมีมังกรทองแปดตัวอยู่ในกระจกแล้วมันจะเปลี่ยนเป็นการโจมตีด้วยลำแสงได้อย่างไร?

แต่มันสายเกินไปที่จะมาบ่น ฉู่ชวิ๋นขยับร่างกายด้วยความเร็วเสียงพร้อมกับแทรกลมปราณเข้าสู่ดาบไม้และฟาดฟันออกไป

คมดาบนั้นฟันสวนขึ้น คลื่นของดาบเปล่งประกายราวกับหมู่ดาวในกาแล็กซีส่องแสงสว่างไปทั่วทุกทิศ ดาบปะทะกับคลื่นแสงแต่ก็ไร้เสียง ในจังหวะถัดมา ฉู่ชวิ๋นและชายชราก็หน้าถอดสีกันทั้งคู่

“ถอย!”

ชายชราตะโกนออกมาด้วยความกังวล

ฉู่ชวิ๋นเองก็รวดเร็วปานลำแสง และเขาก็พุ่งออกไปพร้อมกับหัวหน้าหมายเลข1 ซึ่งห่างออกไปไกลกว่า 10 เมตร มังกรเขียวเองก็ไม่ได้อ่อนแอในฐานะที่เป็นขั้นปรมาจารย์ เขาสามารถรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาและหลบได้ทันเวลา

ชายชราเองก็ถอยด้วยความเร็วปานสายฟ้า พร้อมกับตะโกนออกมาขณะที่หลบ “ไอ้เด็กเวร แกทำลายสวนของฉัน!”

หลังจากนั้น อากาศ ณ ใจกลางของสวนก็มีเสียงเหมือนถูกแทง ปลายของลำแสงแพร่กระจายออกมาเหมือนกับลูกบอลที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะหายไปทิ้งไว้เพียงหลุมจากการปะทะ

คลื่นอากาศระเบิดแสงที่น่ากลัวกระจายไปทุกทิศทางเหมือนระลอกคลื่น

ฟิ้ว!

ศาลาไม้สีแดง ม้าหินอ่อน รวมถึงชุดน้ำชาที่ชายชราโปรดปรานตอนนี้เป็นผงทันที

ตู้ม!

เสียงระเบิดทำให้รากของดอกบัวยึดพื้นเอาไว้ไม่ไหวและปลาคาร์ปสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนกระเด็นออกไป บ้างก็กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยอยู่ในบ่อเลี้ยงปลา

ทุกสิ่งที่พายุระเบิดพัดผ่านถูกทำลาย ลานเล็ก ๆ ที่เงียบสงบสุขและผ่อนคลาย กลายเป็นซากปรักหักพังของสงครามในพริบตา มังกรเขียวกระโดดออกไปหลาย 10 เมตรในลมหายใจเดียวก่อนที่จะหยุดจ้องมองไปที่ลานซากปรักหักพัง

หัวหน้าหมายเลข1 ตกตะลึงและยังคงงุนงง และยังไม่สามารถตั้งสติกลับมาได้

“ไอ้หนู คืนสวนฉันมาเลยนะ” ดวงตาของชายชราสะท้อนให้เห็นเศษซากของการต่อสู้ จมูกของเขาฟุดฟิดด้วยความโกรธ กระจกในมือก็สั่นไปหมด

ฉู่ชวิ๋นผงะไปและแอบระวังตัว ระดับพลังของชายชราสูงเกินไป เขายอมรับแล้วว่าในตอนนี้ไม่อาจสู้ด้วยได้ ท่าเมื่อครู่ได้ใช้ลมปราณไป 7 ถึง 8 ส่วน หากเขาใช้มันอีกเกรงว่าได้เป็นลมแน่

“ไอ้หนู นี่คิดจริง ๆ เหรอว่าในโลกนี้ไม่มีใครรักษานิสัยนายได้?” ชายชราดูเหมือนจะโกรธจริง ๆ  เสียงของเขาทำให้เกิดเสียงดังและเสียงลมหายใจอันดุดัน ทำให้ร่างของชายชราเองสั่นเทา ดวงตาของเขาจ้องไปยังฉู่ชวิ๋นเป็นตาเดียว

“ที่สวนถูกทำลาย ส่วนมากก็เป็นเพราะคุณนะ” ฉู่ชวิ๋นโต้กลับไป เขาปรับระดับความสนใจในสถานการณ์มากขึ้นอย่างลับ ๆ และพยายามกู้คืนสถานการณ์โดยเร็วที่สุด

ฉู่ชวิ๋นยอมรับว่าเขาดูถูกชายชราคนนี้มากเกินไป เห็นร่างของชายชราในตอนนี้ดูไม่ใช่คนอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย เลือดและลมปราณของเขายังคงหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว และน่าจะอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว เมื่อย้อนกลับมามองตัวเองก็บอกได้ชัดเจนว่าอ่อนแอ

ชายชราหรี่ตาลงพร้อมกับพูดอย่างเยือกเย็น “แกบอกว่าที่สวนถูกทำลายเป็นเพราะฉันอย่างงั้นเหรอ!?”

“ถ้ายอมพาฉันไปพบเขาตั้งแต่แรกจะเป็นแบบนี้ไหมล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นตอบ

“ไอ้หนู อย่าพูดมาก ฉันจะสั่งสอนให้แกรู้เองว่าเด็กต้องเคารพผู้ใหญ่ยังไง!” ชายชราใช้กระจกทองแดงอีกครั้ง เสียงของมังกรทั้งแปดดังก้องออกมาจากกระจกนั้นทันที

“ถ้าคุณอยากสู้ ผมก็จะสนองให้!”

ฉู่ชวิ๋นไม่แสดงท่าทีอ่อนแอ เขายกดาบไม้ขึ้นแล้วส่งลมปราณไปยังดาบ ทำให้ดาบไม้ส่องประกายสีทอง ลมปราณไหลเวียนอยู่ในดาบ ดาบที่แข็งแกร่งมีเสียงอันทรงพลังดังออกมา

ฉู่ชวิ๋นไม่แยแสและมองทุกอย่างด้วยดวงตาที่คมกริบ เขายอมรับว่าระดับพลังของชายชราสูงเกินคาดเดา แต่ถ้าหากอยากจะสั่งสอนเขา ฝันไปเถอะ

ระดับพลังของเขาไม่เท่าระดับพลังของชายชรา แต่ถ้าว่ากันด้วยฝีมือแล้วชายชราสิบคนมามัดรวมกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หลังจากนั้นเขาก็เห็นหนทางที่จะจัดการกับชายชราได้ จากระดับพลังของเขาแล้วสามารถสร้างค่ายกลระดับสูงได้ง่าย ๆ

ในเวลานี้เขาได้สร้างค่ายกลโจมตีขึ้นมา แค่นี้ก็เพียงพอที่จะต่อกรกับชายชราแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็อยากที่จะลองวิธีนี้อย่างมาก อยากจะรู้ว่าจะทำให้ตาแก่นี่จนมุมได้ไหม

ดวงตาของชายชราเต็มไปด้วยความสับสน เขารู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนไป มันดูมีความมั่นใจมาก ๆ ไอ้หนูนี่มีอุบายแปลก ๆ เสมอหรือว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่?

ชายชราลังเล ลมปราณที่คอยสร้างความกดดันค่อย ๆ คลายลงอย่างไม่รู้ตัว

“เข้ามาเลย!” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นนิ่งเรียบ เขายกดาบขึ้นเตรียมฟันลงไป

“ท่านหลงอ๋าว สหายฉู่ชวิ๋น ช่วยหยุดเถอะ อย่าตีกันเลย” หัวหน้าหมายเลข1 ฟื้นขึ้นมาแล้วในตอนนี้ เขาเห็นชายทั้งสองกำลังจะต่อสู้กันอีกครั้ง จึงรีบเข้ามาห้ามเอาไว้

เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงและกำแพงที่พังทลายต่อหน้า รวมถึงซากหักพังรอบ ๆ เหมือนกับสวนแห่งนี้ถูกทิ้งระเบิดอย่างไรอย่างงั้น หัวหน้าหมายเลข1 รู้สึกปวดหัวทันที สิ่งนี้มันเกิดจากกำลังคนจริง ๆ เหรอ? การยกมือและเท้ามีพลังมากกว่าอาวุธขนาดใหญ่บางชนิดเสียอีก

เห็นทีกองทัพของเขาอาจจะไม่ต้องใช้อาวุธแล้วก็ได้นะ

นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัว เขารู้จักหลงอ๋าวและความลับบางอย่าง แต่เขาก็ยังคงหวาดกลัวกับพลังทำลายล้างนี้ มังกรเขียวกำลังมึนหัวและตื่นกลัว พลังการต่อสู้ของฉู่ชวิ๋นนั้นน่ากลัวกว่าที่คิดไว้ในตอนแรกมาก

“ท่านหลงอ๋าว สหายฉู่ชวิ๋น ทั้งสองก็มากความสามารถกันทั้งคู่ อย่าทำให้ตำแหน่งของตัวเองเสียเกียรติสิ นั่งลงก่อนแล้วมาคุยกันได้ไหม?” หัวหน้าหมายเลข1 เกลี้ยกล่อมทั้งสอง เขารู้สึกไม่ดีที่เหตุการณ์มันเลยเถิดแบบนี้ และเป็นหน้าที่ของเขาที่จะนำความสงบสุขกลับมาอีกครั้ง

ทั้งฉู่ชวิ๋นและชายชรารู้ดีกว่าการต่อสู้ต้องจบลงในตอนนี้แล้ว ชายชราส่งเสียงอย่างเย็นชาและเดินไปด้านข้างเพื่อนั่งลงพร้อมกับโบกมือ แต่สถานที่นั้นยุ่งเหยิงจนไม่มีที่จะนั่งและไฟของเขาก็ลุกขึ้นอีกครั้ง

ฉู่ชวิ๋นเหลือบมองเขาอย่างใจเย็นเดินไปนั่งบนพื้นโดยตรง ชายชรานิ่งไปสักพัก เหมือนว่าเขาจะเรียนรู้อะไรบางอย่าง เขาโบกมือปัดฝุ่นที่พื้นจากนั้นก็นั่งลงบนพื้น

“ไอ้หนุ่ม ยังไงแกก็ต้องจ่ายค่าทำสวนใหม่ให้ฉันนะ” ชายชราบ่น

ฉู่ชวิ๋นเองก็รู้สึกอึดอัด ทันทีที่ได้ยินคำเตือนของชายชรา เขาส่งข้อความไปหาเฉินฮั่นหลงเป็นตัวเลข

นี่คือหมายเลขบัญชีและรหัสผ่านของหมาป่าเลือดที่เขาได้มาจากการใช้ทักษะดูดจิตวิญญาณ

“ท่านวางใจเรื่องนี้ได้ เรื่องสวนฉันจัดการเอง”

เมื่อเห็นฉู่ชวิ๋นทำเป็นไม่สนใจ หัวหน้าหมายเลข1 จึงได้แต่รับรองเรื่องนี้แทน

“เรื่องนี้ต้องให้ไอ้หนูนี่รับผิดชอบ!” ชายชรามองกลับไปอย่างอึดอัดใจ

หัวหน้าหมายเลข1 รู้สึกแปลกใจ เพราะเขาคิดว่าสวนแค่นี้ เขารู้สึกว่าชายชราไม่สอดคล้องกับท่าทางสงบนิ่งและฉลาดก่อนหน้านี้ของเขาเลย

มีเพียงฉู่ชวิ๋นที่เข้าใจ เพราะค่ายกลสร้างจิตวิญญาณขนาดเล็กของสวนแห่งนี้ก็ถูกทำลายลงไปด้วย นั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ชายชราปวดใจมากที่สุด การที่จะสร้างค่ายกลกลับมาได้นั้น มีเพียงผู้ฝึกเทพเซียนเท่านั้นที่ทำได้

สายตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายแวบหนึ่ง จากการคาดเดาของเขา ผู้ฝึกเทพเซียนที่อยู่เบื้องหลังชายชรายากที่จะคาดเดาระดับพลังได้แน่นอน แต่การสร้างค่ายกลมันก็แค่เรื่องง่าย ๆ แล้วทำไมชายชราถึงต้องให้เขาทำด้วยล่ะ?

หรือว่า…ฉู่ชวิ๋นพอจะเดาได้ว่าต้องมีปัญหาอะไรแน่ ๆ

“พาฉันไปหาชายคนนั้น บางทีฉันอาจจะช่วยอะไรได้” ฉู่ชวิ๋นมองไปยังชายชราอีกครั้ง และยื่นข้อเสนอ

ชายชราตกตะลึงและสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ฉู่ชวิ๋นถามแบบนี้ทำให้เขาประหลาดใจมาก เขาจ้องฉู่ชวิ๋น หรือว่าฉู่ชวิ๋นจะรู้อะไรเข้าแล้ว? หรือฉู่ชวิ๋นแค่สร้างเรื่องหลอกเขา?

“คิดว่าระดับพลังแค่นั้นจะช่วยอะไรได้?” ชายชราจงใจพูดจาดูถูก เขาต้องการทดลอง

ชายชราไม่รู้เลยว่าการทดลองของเขา จะทำให้ฉู่ชวิ๋นมั่นใจในการคาดเดาของตัวเอง ดวงตาของฉู่ชวิ๋นประกาย เขาจ้องชายชรากลับ

“คุณน่าจะรู้นะ ว่านอกจากผมแล้วไม่มีใครช่วยเขาได้”

ชายชราแอบตัวสั่นเล็กน้อย ถ้าไม่สังเกตดูดี ๆ ก็ไม่อาจเห็นได้ แต่มันไม่มีทางหนีรอดสายตาของฉู่ชวิ๋นได้

“สหายน้อยช่างรอบคอบ ใจกว้างและบริสุทธิ์จริง ๆ ฉันนับถือ” ชายชราชื่นชมเขา และบรรยากาศรอบตัวของชายชราก็เปลี่ยนไป เขาไม่โกรธและหยิ่งอีกแล้ว

มังกรเขียวก้มศีรษะลงใบหน้าของเขามีความเคารพมากขึ้น เห็นแบบนั้นหัวหน้าหมายเลข1 หัวเราะเบา ๆ อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปและพลังของผู้ที่เหนือกว่าก็เปล่งออกมา

อารมณ์ของฉู่ชวิ๋นนั้นผ่อนคลายลงมากและมุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ชายชราทั้งสองเล่นละครได้ดี ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในสวนแห่งนี้ก็มีการทดลองอย่างน้อย 3 ครั้ง ถ้าเขาแสดงความอ่อนแอออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ก็คงเหมือนการเล่นในสนามเด็กเล่นมากกว่าการประมือ

ระดับพลังชายชรานั้นยากที่จะหยั่งถึง คนอะไรที่สามารถหัวเราะและดุด่าได้ในเวลาเดียวกันแบบนี้กันนะ?

และหัวหน้าหมายเลข1 จักรพรรดิแห่งประเทศที่ควบคุมกองทัพอยู่และคงตำแหน่งนี้มานาน ทำไมถึงแสดงความกังวลและความไม่กล้าออกมาได้มากขนาดนี้?

“สหายน้อยไม่เพียงแค่รอบคอบนะ เขายังกล้าหาญกว่าใครด้วย” หัวหน้าหมายเลข1 เองก็ยกย่องเขาอย่างไม่ปิดบัง

ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้น และพูดเรียบนิ่ง “ท่านทั้งสองไม่ต้องลวงอะไรหรอก มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”

ทั้งสองสบตากันแล้วหัวเราะออกมา

“เราต้องการปืนชีพจรสายฟ้า” หัวหน้าหมายเลข1 พูดตรง ๆ

รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของฉู่ชวิ๋นยิ้มและกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา”

ชายทั้งสองประหลาดใจมาก จากความเข้าใจของทั้งสองคนที่มีต่อฉู่ชวิ๋นนั้นเป็นคนที่ถ้าไม่เอามาแลกกันตรง ๆ จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงยอมอ่อนข้อให้ล่ะ? ต้องมีอะไรแน่ ๆ

แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นเม้มปากก่อนจะพูดอย่างรังเกียจว่า “ดูพวกคุณทั้งสองก็ไม่มีอะไรมาแลกได้เท่าไหร่ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ฉันขอ 10,000 ล้าน แล้วเอาของไป ตกลงไหม?”

10,000 ล้าน?

ชายชราและหัวหน้าหมายเลข1 มองมาทางเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ คนคนนี้ช่างกล้าเสียจริง

“ตัวตนของฉันกับแกควรจะจิตใจสงบนิ่ง เห็นเงินทองเป็นเพียงขี้ดิน เหตุใดจึงถูกสิ่งนอกกายรบกวนจิตใจกันล่ะ?” ชายชราจ้องกลับ

ปากฉู่ชวิ๋นยกขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาของเขาแฝงด้วยความขี้เล่น “ต้องขออภัยจริง ๆ ที่ไม่ได้มีความคิดสูงศักดิ์เหมือนท่าน มองเงินทองที่ทุก ๆ คนต่างต้องการเป็นเพียงขี้ดิน ข้าน้อยขอยกย่อง ในสายตาท่านเงินทองก็เหมือนขี้ดิน ก็คงจะไม่เห็นเงิน 10,000 ล้านอยู่ในสายตาอยู่แล้ว หากเป็นเช่นนี้ งั้นเรามายื่นหมูยื่นแมวกันเลยดีกว่า“

ชายชราอดทนจนหน้าแดงและหมดคำพูด ทีแรกเขาตั้งใจจะทำให้ฉู่ชวิ๋นเลิกล้มความคิดเงิน 10,000 ล้าน แต่สุดท้ายกลับหาเรื่องใส่ตัวซะได้