ฉินอวี้โม่ เสี่ยวโร่ว ลั่วอวิ๋น และหน่วยที่หนึ่งแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนเดินกลับไปยังเมืองเยว่กวางพร้อม ๆ กัน ซึ่งเมื่อมาถึงพวกเขาก็เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนรอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตูเมือง
ฉินอวี้โม่มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของบุรุษผู้หนึ่ง ณ ประตูทางเข้าเมืองเยว่กวาง เขาคือคนที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนางที่บึงสายหมอก*— ชื่อเซียว* แห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียน
ชื่อเซียวและทหารในหน่วยที่หนึ่งมายืนรอรับเสี้ยวฮังและหน่วยที่สามของเขาที่หน้าประตูเมือง ทว่าเมื่อเห็นว่าในกลุ่มของพวกเขามีฉินอวี้โม่ร่วมเดินทางมาด้วย เขาก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“มาถึงแล้วเหรอขอรับ นายน้อย”
เมื่อเห็นชื่อเซียว เสี้ยวฮังก็เข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงยินดี
ชื่อเซียวตั้งใจทิ้งหน่วยที่สามไว้ที่เมืองเยว่กวางแห่งนี้เพื่อติดตามข่าวเกี่ยวกับเทศกาลอสูรล้อมเมืองและรอเป็นตัวแทนเข้าร่วมในนามของกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนในกรณีที่เขาไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ทัน และในที่สุดตอนนี้พวกเขาทั้งหมดก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
ชื่อเซียวพยักหน้ารับคำทักทายของเสี้ยวฮัง ทว่าสายตาของบุรุษคนซื่อกลับจับจ้องไปยังสตรีงดงามที่อยู่ด้านหลังหัวหน้าหน่วยที่สาม
“แม่นางฉิน ช่างบังเอิญยิ่งนัก พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”
ความจริงแล้ว ที่ชื่อเซียวเสียเวลาอยู่ที่เมืองหลิงซีนานหลายวันก็เป็นเพราะเขาเกิดความสงสัยในตัวฉินอวี้โม่ผู้นี้จึงรั้งรออยู่เพื่อสืบหาเรื่องราวความเป็นมาของนาง
ทว่าข้อมูลเกี่ยวกับตัวนางที่เขาได้รับมากลับแตกต่างจากฉินอวี้โม่คนที่เขาได้เห็นอย่างสุดขั้วราวกับเป็นคนละคน ซึ่งนั่นก็ทำให้เขามึนงงไม่น้อยเลยทีเดียว
สิ่งที่เขาได้รู้มาก็คือ สตรีงามนามว่าฉินอวี้โม่นั้นคือคุณหนูสี่ผู้ไร้ค่าของตระกูลฉินแห่งเมืองหลิงซี
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ที่เขาพบวันนี้กลับเป็นผู้มีพรสววรรค์ระดับอัจฉริยะที่เต็มไปด้วยทักษะที่เฉียบคม และยังมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวมากกว่าสตรีธรรมดาทั่วไป
ทว่าตามตำนานคนไร้ค่าแห่งเมืองหลิงซีที่เขาได้ฟังมานั้น คนในตระกูลฉินกลับปฏิบัติต่อคุณหนูผู้นี้อย่างเลวร้าย นางถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง และเพราะความไร้พรสวรรค์แต่กำเนิดจึงทำให้ไม่สามารถต่อต้านได้
แม้จะเที่ยวสืบเสาะหาข้อมูลอยู่หลายวันแต่ชื่อเซียวก็ไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมที่จะช่วยไขความกระจ่างให้ได้เลย ชื่อเซียวคิดว่าหากสืบต่อไปก็คงจะไม่ได้ความจึงตัดสินใจพาคนกลับมายังเมืองเยว่กวางก่อน และจนถึงตอนนี้ความสงสัยในตัวของสตรีตรงหน้าก็คงยังเต็มแน่นอยู่ในหัวของนายน้อยแห่งกองทหารชื่อเหยียน เขาไม่รู้เลยว่านางมีความลับใดที่กำลังเก็บซ่อนอยู่กันแน่
“บังเอิญจริง ๆ ”
ฉินอวี้โม่ก้มหน้าให้ชื่อเซียวเล็กน้อยเป็นการทักทายแล้วกล่าวต่อ “หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมก่อน ตอนนี้ข้ารู้สึกค่อนข้างอ่อนล้า”
“เช่นนั้น เชิญแม่นางฉินตามสบาย”
เสี้ยวฮังหันไปมองชื่อเซียวและพวกพ้องในกองทหารหน่วยที่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเพื่อบอกพวกเขาเป็นนัยว่าไม่ให้รบกวนฉินอวี้โม่อีก เรื่องราวที่ผ่านมาค่อนข้างหนักหนา และเขาเองก็รู้ดีว่าวันนี้นางเหน็ดเหนื่อยมากมายแค่ไหน
ชื่อเซียวพยักหน้าเป็นการบอกลาสตรีผู้ลึกลับ เขาเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะรั้งฉินอวี้โม่ไว้
ลั่วอวิ๋นนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้จึงส่งยิ้มอบอุ่นให้ฉินอวี้โม่แล้วเอ่ยขึ้นก่อนนางจะลาจาก “จริงสิ แม่นางอวี้โม่ คืนก่อนวันอสูรล้อมเมือง ที่จวนเจ้าเมืองจะมีการจัดเลี้ยงอาหารค่ำ ท่านพ่อย้ำกับข้าว่าอย่างไรก็ต้องชวนแม่นางมาให้ได้ เจ้าอย่าปฏิเสธเลยนะ”
“ได้แน่นอนคุณชายลั่ว ข้าจะไปให้ได้”
ฉินอวี้โม่พยักหน้ารับคำเชื้อเชิญ อดีตคุณหนูผู้เลอโฉมส่งยิ้มงดงามให้กับสหายทุกคนในที่แห่งนั้นก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปพร้อมกับสาวใช้ตัวน้อย
ลั่วอวิ๋นหันไปทักทายกับชื่อเซียวและคนของเขาเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับไปเช่นกัน
หลังจากสหายใหม่จากไปหมดแล้ว เสี้ยวฮังก็หันมาตั้งคำถามกับชื่อเซียว “นายน้อย ท่านรู้จักกับแม่นางฉินด้วยอย่างนั้นหรือ? ”
ในตอนที่เขาได้ยินชื่อเซียวพูดกับฉินอวี้โม่ เขาก็อดสงสัยเรื่องนี้ไม่ได้ มันเหมือนกับว่าฉินอวี้โม่กับนายน้อยของเขาเคยพบเจอกันมาก่อน แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นเคยได้ยินชื่อเซียวพูดถึงสหายผู้แสนมหัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน
“ก่อนหน้านี้พวกเราเคยร่วมมือทำภารกิจกันมาก่อน”
ชื่อเซียวพยักหน้า เขาไม่ได้คิดจะปิดบังคนในกองทหารของตัวเอง นายน้อยแห่งกองทหารระดับหนึ่งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมืองหลิงซีให้เสี้ยวฮังและคนในหน่วยที่สามได้ฟังอย่างคร่าว ๆ
“ว่าแต่เหตุใดพวกเจ้าถึงได้รู้จักแม่นางฉิน และกลับมาพร้อมกับนางได้ล่ะ? ”
ไม่ใช่เพียงแค่เสี้ยวฮังที่สงสัย ชื่อเซียวเองก็งุนงงไม่แพ้กัน
“นายน้อย เรื่องนี้ค่อนข้างยาว แต่หากไม่ใช่เพราะแม่นางฉิน ข้าเกรงว่าวันนี้กองทหารรับจ้างชื่อเหยียนของเราคงจะถูกหยามเกียรติเป็นแน่ มีอีกเรื่องที่สำคัญ ตอนนี้มีกลุ่มทหารรับจ้างระดับสองกลุ่มหนึ่งกำลังจะเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับหนึ่งแล้ว”