ตอนที่ 717-718

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 717+718 โดย Ink Stone_Romance

 

บทที่ 717 ครานี้ข้าจะรั้งอยู่

สหายสนิทของอวิ๋นชิงหลัวเดินออกมาในยามนี้พอดี

ฝูงชนรีบเข้าไปล้อมวงถามไถ่ สหายสนิทผู้นี้เริ่มแรกยังไม่อยากพูด อึกๆ อักๆ สุดท้ายทนการกดดันของอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ไหว จึงเล่าสถานการณ์ที่นางได้เห็นออกมา

ฝูงชนทึ่มทื่อไปหมด! เรื่องจริงเป็นเช่นนี้หรอกหรือ?

ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายว้ายไม่เคยมีเยื่อใยกับอวิ๋นชิงหลัวเลยหรือ? ทุกอย่างล้วนเป็นอวิ๋นชิงหลัวรู้สึกอยุ่ฝ่ายเดียวสินะ?!

ที่แท้เป็นเช่นนี้!

ดูเหมือนทุกคนล้วนถูกท่าทีคลุมเครือของนางทำให้เข้าใจผิดไปแล้ว…

อันที่จริงอาจารย์ที่ปรึกษาคนนั้นก็รู้สึกว่าอวิ๋นชิงหลัวน่าผิดหวังจริงๆ ใช้วิธีการชั่วช้าเช่นนั้นมาต่อกรกับสหายร่วมสำนัก ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ซึ่งชัยชนะ!

ความจริงการเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการต่อสู้ล้วนเป็นเรื่องที่ทุกคนยอมรับได้ แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต้องเป็นอุบัติเหตุทั่วไป มิใช่เจตนาแอบแฝง

เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นชิงหลัวคิดจะทำลายหลายไว่หูจริงๆ…

ใจคอโหดเหี้ยมเหลือเกิน! ดังนั้นการที่นางได้รับโทษเช่นนี้ก็นับว่าสมควรแล้ว

….

“นายท่าน ท่านเปิดโปงเรื่องเสแสร้งของอวิ๋นชิงหลัวซึ่งๆ หน้า เกรงว่าต่อไปชีวิตในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ของนางคงอยู่ยากแล้วเป็นแน่ ภายหน้าถ้านางเติบโตเป็นสานุศิษย์สวรรค์ที่แท้จริงเกรงว่าคงลำบากยิ่งนัก” มู่เหล่ยเป็นกังวล

“นี่เป็นสิ่งที่นางสมควรได้รับ ข้าเคยให้โอกาสนางไปแล้ว” ตี้ฝูอีไม่เก็บมาใส่ใจ

“เอ่อ นายท่าน ท่านแสดงท่าทีปกป้องแม่นางกู้ต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย เกรงว่าหลังจากผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังทราบข่าวนี้เข้า ความสนใจก็จะเบี่ยงเบนไป นางจะถูกนำมาเป็นจุดอ่อนของนายท่านนะขอรับ” มู่เหล่ยเตือน

ตี้ฝูอีหลุบตาลงเล็กน้อย ใช่แล้ว นี่ก็คือสิ่งที่เขากังวลมาตลอด

เรื่องในวันนี้เขาให้เขาหุนหันพลันแล่นขึ้นมาวูบหนึ่ง เกรงว่าแผนการที่วางไว้ก่อนหน้านี้คงยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว!

เพียงแต่ เขาไม่เสียใจเลย หากว่าเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยังจะทำเช่นนี้อยู่

ต่อให้โกรธที่นางมีปฏิสัมพันธ์กับหลงซือเย่  ต่อให้หัวใจนางไม่อยู่ที่ตนแล้ว แต่ในชั่วขระที่เห็นนางได้รับบาดเจ็บเขาก็ไม่สนใจทุกอย่างแล้ว!

ยามนั้นเขาอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีกจริงๆ ถึงอดทนไม่ลงมือซัดอวิ๋นชิงหลัวให้เละเป็นเศษเนื้อทันทีได้! ไม่ได้ทำเรื่องที่เขาต้องเสียใจไปชั่วชีวิต

ไม่ว่าสานุศิษย์สวรรค์คนใดก็ไม่อาจให้เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายได้ทั้งสิ้น มิเช่นนั้นอนาคตทุกอย่างจะพังทลายลงทันที!

ว่ากันตามเหตุผลแล้ว สานุศิษย์สวรรค์ล้วนจิตใจดีงามมาตั้งแต่กำเนิด…การตรวจสอบของตนมีปัญหาหรือเปล่านะ?

“มู่เหล่ย เจ้าไปตรวจสอบแท่นเบิกสวรรค์สักหน่อยสิ ดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่” ตี้ฝูอีสั่งการ

“ขอรับ!” มู่เหล่ยตอบรับ เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม “นายท่าน ยามนี้ผู้ที่บงการอยุ่เบื้องหลังน่าจะทราบแล้วว่าคนที่ท่านใส่ใจคือแม่นางกู้ เช่นนั้นเกรงว่าเขาจะหาทางปองร้ายแม่นางกู้ น่าหวั่นเกรงว่าภายหน้าแม่นางกู้คงไม่อาจฝึกฝนอยู่ที่นี่อย่างอิสระเสรีได้อีก…”

ตี้ฝูอีหลับตาลงเล็กน้อย ปลายนิ้วเคาะโต๊ะพลางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่จำเป็น! คนผู้นั้นเจ้าเล่ห์ยิ่ง และขี้สงสัยนัก ไม่แน่เขาอาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องที่ข้าเจตนาปกปิดเพื่อให้เด่นชัด เขาน่าจะยังไม่แน่ใจว่า เท็จหรือจริง จริงหรือเท็จ เท็จเท็จจริงจริง เขาไม่อาจมั่นใจได้ในชั่วระยะสั้นๆ”

มู่เหล่ยคิดๆ ดูก็ว่าถูก จึงพยักหน้ารับ “นี่ก็ถูกขอรับ เช่นนี้เถิด ข้าน้อยจะส่งคนมาเพิ่มที่นี่ ปกป้องพวกนางอย่างลับๆ ดีไหมขอรับ?”

ตี้ฝูอีกลับกล่าวขึ้นว่า “ครานี้ข้าจะรั้งอยู่”

มู่เหล่ยเบิกตากว้าง “หา?”

“บอกแก่กู่ฉานโม่ ข้าจะอยู่ที่นี่ครึ่งปี จะสั่งสอนอบรบชั้นเมฆาม่วงห้องหนึ่งด้วยตัวเอง”

มู่เหล่ยตกตะลึง

ในที่สุดท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็จะคลายพันธการที่ผูกมัดไว้แล้วใช่ไหม?

————————————————————————————-

บทที่ 718 เดี๋ยวอบอุ่นเดี๋ยวเย็นชา เดี๋ยวใกล้ชิดเดี๋ยวห่างเหิน

ท้องฟ้าด้านนอกมืดแล้ว แต่ภายในห้องที่กู้ซีจิ่วอยู่ยังคงสว่างไสวเช่นเดิม

เชียนหลิงอวี่นำถาดที่ดูล้ำค่ามาด้วยสามใบ ในถาดก็คือของรางวัลในภารกิจครั้งนี้ สองถาดแรกได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าสำนักหลงและทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ถาดใบสุดท้ายคือของรางวัลที่แท้จริงจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์

ตั้งแต่กู้ซีจิ่วได้รับบาดเจ็บจนถึงยามนี้ผ่านมาสี่ชั่วยามแล้ว สีหน้าของเธอดูดีขึ้นไม่น้อย ลุกขึ้นนั่งเองได้แล้ว

ระหว่างนี้มีคนไม่น้อยมาเยี่ยมเยือนเธอ เยี่ยนเฉินเอย อาจารย์ใหญ่กู่เอย อาจารย์ของชั้นเรียนต่างๆเอย ศิษย์ในชั้นเรียนเมฆาคล้อยเอย…

เนื่องจากเกรงว่าจะรบกวนเธอ คนเหล่านี้จึงมาเยี่ยมเธอเพียงครู่เดียวก็จากไปทั้งสิ้น แน่นอนว่าพวกเขาต่างคนต่างทิ้งข้าวของไว้ไม่น้อย  ผลไม้รสเลิศเอย ยาสมานแผลเอย ของบำรุงเอย…

หลานไว่หูอยู่ข้างกายเธอตลอด ยุ่งวุ่นวายปานสาวใช้นางหนึ่ง

เชียนหลิงอวี่เพิ่งมาถึงยามนี้ พอเข้ามาก็นำของรางวัลเหล่านี้มาด้วย

หลานไว่หูดีใจมาก เดินวนเวียนรอบของรางวัลเหล่านั้น แถมยังยกมาให้กู้ซีจิ่วดู ให้เธอลองสัมผัส

สิ่งที่อยู่ในนี้ คือผลมะเดื่อหิมะที่ดูชุ่มฉ่ำนุ่มนิ่มยิ่งนัก ลักษณะภายนอกค่อนข้างคล้ายผลท้อ มีสีขาวพิสุทธิ์ มีเพียงส่วนยอดเท่านั้นมีเส้นสายสีชมพูอ่อนดั่งกลีบดอกท้อวงหนึ่ง มองแล้วทำให้คนอยากกินยิ่งนัก

แน่นอนว่ามันนับเป็นหนึ่งในผลไม้ล้ำค่า สรรพคุณมหาศาล มีค่าควรเมือง นี่ก็คือผลไม้ที่ตี้ฝูอีนำมา

“ซีจิ่ว ข้าพิจารณาดูแล้ว การประลองครั้งนี้เจ้ามีผลงานมากที่สุด ผลมะเดื่อหิมะลุกนี้ยกให้เจ้า! ลูกกลอนหทัยพิสุทธิ์มีสามเม็ดพวกเราได้คนละเม็ดพอดี ลูกกลอนบำรุงเลือดลมระดับหกมีทั้งหมดสี่เม็ด เจ้าเอาไปสองเม็ด ข้ากับไว่หูคนละเม็ด” เชียนหลิงอวี่เริ่มกล่าววิธีแบ่งรางวัลของตน

หลานไว่หูก็พยักหน้าเห็นด้วย นางไม่มีความเห็นใดๆ ต่อวิธีการจัดสรรปันส่วนเช่นนี้ของเชียนหลิงอวี่

กู้ซีจิ่วเหลือบมองรางวัลสามอย่างนั้นแวบหนึ่ง ยิ้มบางๆ “ข้าไม่สนใจผลมะเดื่อหิมะลูกนี้ พวกเจ้าสองคนเอาไปแบ่งกันเถิด วิธีแบ่งอีกสองอย่างที่เหลือข้าไม่มีความเห็นอะไร”

หลานไว่หูตะลึง “ซีจิ่ว มะเดื่อหิมะลูกนี้เป็นของที่ดีที่สุดในนนี้นะ ทำให้คนคงความอ่อนเยาว์ เป็นอมตะ…เจ้าควรรับสิ่งนี้ไว้”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า แค่นหัวเราะคราหนึ่ง “ไหนเลยจะมีอะไรที่เป็นอมตะ หากกินสิ่งนี้เข้าก็สามารถเป็นอมตะได้ เช่นนั้นผู้คนตามหาผลไม้นี้มากินก็พอแล้ว ยังจะฝึกฝนอย่างยากลำบากไปทำไมกันเล่า?”

เชียนหลิงอวี่กับหลานไว่หูยังคิดจะเอ่ยต่อ ทว่ากู้ซีจิ่วโบกมือ หลับตาลงนิดๆ “เอาล่ะ แบ่งตามที่ข้าพูดเถอะ ผลมะเดื่อหิมะลูกนี้ข้าไม่อยากได้จริงๆ ไม่สนใจ”

“เช่นนั้นเจ้าสนใจอะไร?” ทันใดนั้นพลันมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา

กู้ซีจิ่วตัวแข็งทื่อ สองคนที่เหลือเหลียวมองพร้อมกัน มองเห็นตี้ฝูอีเอนพิงอยู่หน้าประตู ด้านหลังเขาคือนภามืดมิดและหมู่ดาว เนื่องจากย้อนแสงอยู่ ใบหน้าของเขาจึงถูกซ่อนไว้ในความมืดกึ่งหนึ่ง ประกอบกับเขาสวมหน้ากากอยู่ เลยทำให้คนมองไม่ออกยิ่งกว่าเดิมว่าเขาอยู่ในอารมณ์ใด

เชียนหลิงอวี่กับหลานไว่หูสบตากันแวบหนึ่ง คุกเข่าคารวะพร้อมกัน

ตี้ฝูอีโบกมือ ให้พวกเขาลุกขึ้น กล่าวอย่างตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง “แบ่งข้าวของตามที่เชียนหลิงอวี่บอก พวกเจ้าหยิบส่วนของตน แล้วไสหัวไปซะ”

เชียนหลิงอวี่กับหลานไว่หูสบตากันอีกครั้ง ไม่พูดจาไร้สาระเลยสักประโยค ต่างคนต่างหยิบของแล้ววิ่งจากไป วิ่งไวปานลมกรด

หลานไว่หูเป็นเด็กสาวที่รอบคอบคนหนึ่ง ยามที่ออกประตูไปยังปิดประตูให้อย่างมิดชิดอีกด้วย

กู้ซีจิ่วยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร สองคนนั้นก็จากไปไม่เห็นเงาแล้ว

ภายในห้องเหลือเธอกับเขาแค่สองคน

“เหตุใดจึงไม่ต้องการผลมะเดื่อหิมะ? เพราะเป็นของที่มาจากข้างั้นหรือ?” ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นมาก่อน