บทที่ 134 ส่งคุณชายฉิน

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคุณชายฉินเป็นคนที่ยากจะคาดเดาจริง ๆ

แต่จางซิ่วเอ๋อในตอนนี้ขอบคุณฟ้าดินเหลือเกินที่คุณชายฉินปล่อยนางไป ส่วนหลังจากนี้น่ะเหรอ นางคงไม่โชคร้ายขนาดเจอคุณชายฉินอีกหรอกมั้ง?

ต่อให้คราวหน้าเจอกันจริง ๆ นางก็ต้องเดินอ้อมออกมา ทำเป็นไม่เห็นคุณชายฉิน!

จางซิ่วเอ๋อรีบบอก “ถ้าท่านมีธุระก็รีบไปเถอะเจ้าค่ะ”

ความหมายคือจะไปก็รีบไป ไปในที่ที่ข้ามองไม่เห็นยิ่งดี

ผู้ติดตามมองคุณชายฉินและบอก “คุณชาย ท่านเข้าเมืองไปก่อน ข้าอยู่จัดการรถม้าเองดีไหมขอรับ?”

พูดไปเขาไม่ลืมถลึงตาใส่จางซิ่วเอ๋ออย่างโกรธแค้น ถ้าไม่ใช่สาวชาวไร่อย่างจางซิ่วเอ๋อทำเสียเรื่อง เขาและคุณชายสองคนไปถึงตัวเมืองนานแล้ว!

ตอนนี้คุณชายผู้รับเคราะห์เลยต้องไปคนเดียว!

จางซิ่วเอ๋อสัมผัสถึงความอาฆาตมาดร้ายของผู้ติดตามได้ แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง

ถึงแม้นางจะโมโหมากและอยากทะเลาะกับผู้ติดตามนี่ แต่จะมีความหมายอะไร?

ขอแค่ท่านเทพอย่างคุณชายฉินไปให้พ้นหน้านางได้ไว ๆ นางก็ดีใจแล้ว

สาวชาวไร่อย่างนางมีเรื่องกับคนระดับคุณชายฉินไม่ไหวหรอก

คุณชายฉินเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

คุณชายฉินพูดพลางมองจางซิ่วเอ๋ออย่างมีนัยยะ และหันหลังจากไป

สายตาที่เขามองมาส่งผลให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกหนาววาบที่ขั้วหัวใจ คุณชายฉินไม่ได้จะจองล้างจองผลาญนางใช่ไหม?

พอคิดแบบนี้จางซิ่วเอ๋อก็ตัวสั่นเล็กน้อย

รอจนคุณชายฉินไปแล้ว เด็กติดตามชุดเขียวยิ่งไร้มารยาทกับจางซิ่วเอ๋อเข้าไปใหญ่ เขาพูดงึมงำกับตัวเอง “ซวยชะมัด! ต้องออกมาเจอสาวชาวไร่เช่นนี้!”

ถึงจะเป็นการบ่นพึมพำ แต่จางซิ่วเอ๋อรู้ว่าเขาตั้งใจให้นางได้ยิน

ถึงจางซิ่วเอ๋อจะไม่อยากมีปัญหากับคุณชายฉิน แต่ก็ไม่ใช่คนที่ยอมเสียเปรียบง่าย ๆ

จางซิ่วเอ๋อหัวเราะเสียงเย็น “ตาสุนัขมักมองคนต่ำ”

“เจ้า! เจ้าว่าอะไรนะ?” ผู้ติดตามชุดเขียวโมโหขึ้นมา

จางซิ่วเอ๋อยิ้มน้อย ๆ “ข้าไม่ได้ว่าอะไรนี่ ข้าแค่พูดว่าตาสุนัขมักมองคนต่ำ ไม่ได้ผิดอะไรนะ? หรือเจ้าว่าไม่ใช่?”

พูดมาถึงตรงนี้จางซิ่วเอ๋อกล่าวต่อ “ถ้าจะมีคนคิดว่าเป็นตัวเองให้ได้ก็คงไม่ใช่ปัญหาของข้าแล้วล่ะ”

ผู้ติดตามชุดเขียวโดนถากถางไป สีหน้าย่ำแย่

จางซิ่วเอ๋อแก้แค้นได้แล้ว ได้ระบายอารมณ์ด้วย ก็รู้สึกดีขึ้นมาก จึงรีบจากไปก่อนที่ผู้ติดตามชุดเขียวจะอาละวาด

ตลกแล้ว ถ้าทะเลาะกันต่อแล้วผู้ติดตามไร้มารยาทนั่นจะลงไม้ลงมือ นางสู้ได้ที่ไหน?

รอจนสลัดผู้ติดตามชุดเขียวไปไกลแล้ว จางซิ่วเอ๋อถึงเริ่มคิดว่าเดี๋ยวกลับไปแล้วจะทำอะไรให้ทุกคนกิน

รอจนใกล้ถึงหมู่บ้าน จางซิ่วเอ๋อก็จอดรถลาก

จากนั้นไปเลือกหญ้ามาจำนวนหนึ่งก่อนจะตัดอย่างฉับไว มัดเป็นฟ่อนแล้วโยนขึ้นไปบนรถ แล้วถึงไปคืนรถลากที่บ้านผู้ใหญ่บ้านซ่ง

มัดต้นหญ้าใช้เวลาแค่ครู่เดียว ไม่ทำให้จางซิ่วเอ๋อเสียเวลามากนัก แต่ผลลัพธ์ระหว่างมีและไม่มีนั้นต่างกัน

จางซิ่วเอ๋อมาถึงหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านซ่ง มองแม่เฒ่าซ่งที่กำลังชะโงกมองอยู่

แม่เฒ่าซ่งอยากได้ผลประโยชน์จากจางซิ่วเอ๋อ จึงให้นางยืมรถลาก แต่ตอนนี้ออกจะนึกเสียใจทีหลังและเป็นกังวลนิดหน่อย

พอตอนนี้เห็นจางซิ่วเอ๋อกลับมาแล้ว รถลากก็ยังอยู่ในสภาพดี นางก็ออกมาต้อนรับด้วยดวงตาเป็นประกาย

จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “ข้าใช้รถลากเสร็จแล้ว ท่านลองดูนะเจ้าคะว่ามีปัญหาตรงไหนไหม?”

แม่เฒ่าซ่งเดินอ้อมรถลากหนึ่งรอบก่อนจะเอ่ยปาก “ไม่มีปัญหา”

จางซิ่วเอ๋อยื่นบังเหียนให้แม่เฒ่าซ่งและบอกยิ้ม ๆ “งั้นข้าไปล่ะเจ้าค่ะ”

พูดไปจางซิ่วเอ๋อก็ซ้อนตะกร้าไผ่เข้าด้วยกัน โอบไว้และเดินกลับ

แม่เฒ่าซ่งมองรถลากที่แข็งแรงเหมือนเดิมและมัดหญ้าบนรถแล้วคลี่ยิ้ม อดไม่ได้ที่จะเอ่ยพึมพำ “ซิ่วเอ๋อนี่ช่างเป็นคนดีมีคุณธรรมจริง ๆ”

ได้คุยกันมาหลายครั้ง แม่เฒ่าซ่งก็ไม่รู้สึกเกลียดจางซิ่วเอ๋อเหมือนตอนแรกแล้ว

จางซิ่วเอ๋อใจกว้าง รู้จักรักษาของ วันหน้าถ้าจะยืมอะไรอีกนางก็ไม่ควรคิดมาก ให้ยืมไปเลยก็จบ

อย่างไรเสียรถลากที่มีมูลค่าสูงแบบนี้จางซิ่วเอ๋อยังเอามาคืนโดยไร้รอยขีดข่วนได้ และมีน้ำใจตัดหญ้าไว้ให้เป็นอาหารวัวด้วย

ตอนจางซิ่วเอ๋อผ่านบ้านตระกูลจาง ในลานบ้านตระกูลจางก็มีสายตาหลายคู่จับจ้องจางซิ่วเอ๋ออยู่

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกได้ถึงสายตาเหล่านั้น แต่เวลานี้นางไม่เสียเวลาหันมองสักนิด เดินตรงดิ่งผ่านบ้านตระกูลจางไปโดยไม่มองเขม่นกลับ

ถ้าเป็นเวลาปกตินางก็ไม่คิดมากหากต้องเข้าไปตบตีกับคนตระกูลจาง แต่วันนี้ที่บ้านนางมีแขก ไม่อยากเสียเวลาไปกับคนพวกนี้

จางซิ่วเอ๋อเพิ่งเข้าบ้าน จ้าวเอ้อร์หลางก็ออกมาต้อนรับ และรับตะกร้าในมือจางซิ่วเอ๋อไป

“พี่ซิ่วเอ๋อ ขายเนื้อออกหมดเลยเหรอ?” จ้าวเอ้อร์หลางถามด้วยสีหน้าดีใจ

จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ “ขายหมดเลย”

เมื่อกลับถึงบ้านแล้วจางซิ่วเอ๋อก็ไม่หยุดพัก ไปทำกับข้าวทันที

นางค้นพบในตอนนี้แล้วว่าเครื่องในหมูที่บ้านถูกทำสะอาดไว้เรียบร้อย และมีเนื้อส่วนหนึ่งถูกปรุงจนสุกแล้ว แม้แต่ลานบ้านก็มีคนเอาน้ำล้างทำความสะอาดให้

ชุนเถาบอกยิ้ม ๆ “พี่ เราเตรียมวัตถุดิบไว้หมดแล้ว ตอนแรกข้าจะเป็นคนผัดเอง แต่ข้าคิดว่าข้าผัดอร่อยสู้พี่ไม่ได้ ก็เลยหุงข้าวก่อน”

พูดมาถึงตรงนี้ ชุนเถาแลบลิ้น “วันนี้มีแขกมาที่บ้าน กินข้าวกันเถอะ”

จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาอย่างพึงพอใจ ปกติเด็กคนนี้จะขี้เหนียวอยู่บ้าง แต่พอมีแขกมานางก็ใจกว้างอยู่

เรื่องนี้ทำให้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าจางชุนเถาเป็นเด็กที่สอนได้

“พี่ พี่ไปผัดกับข้าวเถอะ ข้าจะช่วยก่อไฟเอง” จางชุนเถาเอ่ยขึ้น

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า วันนี้ต้องทำกับข้าวมากหน่อย ต้องมีคนช่วยก่อไฟจริง ๆ

ส่วนลำไส้ก็ทำความสะอาดและปรุงสุกหั่นเป็นชิ้นเรียบร้อยแล้ว

จางซิ่วเอ๋อจึงผัดลำไส้หมูกับพริกหยวกก่อน

จากนั้นจึงแกะเนื้อออกจากกระดูก โรยหน้าด้วยกระเทียมบดและเกลือ เป็นกับข้าวอีกหนึ่งอย่าง

น่าเสียดายที่ไม่มีผักดอง ไม่อย่างนั้นจะได้กินตัดเลี่ยนเนื้อหมูได้

ตอนนี้ทำได้แค่ถั่วฝักยาวตุ๋นเนื้อหรือพวกมะเขือผัดเนื้อ

เนื่องจากนางเพิ่งกลับมาถึง วันนี้จึงทำอาหารจานปลาไม่ได้เพราะปลาที่บ้านหมด จางซิ่วเอ๋อจึงผัดผักอีกสองอย่าง

พออาหารเสร็จและยกที่มาที่โต๊ะเรียบร้อย จางซิ่วเอ๋อก็พูดด้วยความกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “คือ ข้าลืมซื้อเหล้ามาด้วย…..”

เมื่อก่อนฐานะทางบ้านไม่เอื้ออำนวย ไม่มีเงินซื้อเหล้า แต่ตอนนี้เหรอ? ถ้าทำกับข้าวเต็มโต๊ะแล้วไม่เตรียมเหล้า จางซิ่วเอ๋อรู้สึกอับอายด้วยซ้ำ

ท่านหมอเมิ่งรีบบอก “ไม่ต้องวุ่นวายหรอก อาหารนี่ก็โอชะมากแล้ว”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ฟาดผู้ติดตามไปอีกดอกได้สะใจมากค่ะ หมั่นไส้มานานแล้ว

แปลตอนที่ยังไม่ได้กินข้าวมันหิวจังเลยน้า

ไหหม่า(海馬)