บทที่ 127 ความเป็นมาของมนุษย์กลายพันธุ์

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 127 ความเป็นมาของมนุษย์กลายพันธุ์

เฉินเฉียงได้มองไปยังมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสิบสามคนที่อยู่ในห้องลับแห่งนี้ และก็ได้ลอบจดจำพลังสายเลือดของมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้เอาไว้ หลังจากนั้นก็ได้หาเก้าอี้ที่พอจะนั่งได้

“ข้าได้สอนพวกเจ้าเกี่ยวกับเทคนิคและวิธีการต่างๆที่พวกเรามักใช้ในการทำลายมนุษย์ไปแล้ว”

“ในวันนี้ ถึงแม้จะเป็นการเข้าร่วมฝึกครั้งแรกของตงเจี๋ยน ความจริงเขาเองก็ควรจะต้องรับรู้เอาไว้ด้วยแต่เพื่อไม่ให้เสียเวลากับพวกเจ้า ข้าจะอธิบายให้เขาฟังทีหลัง”

“ตอนนี้ขอให้เจ้าได้บอกว่าสิ่งสำคัญก่อนที่พวกเจ้านั้นจะได้ออกไปทำภารกิจ”

“เหตุผลที่เราต้องออกไปทำภารกิจนั้นก็คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เหตุแห่งความขัดแย้งระหว่างพวกเรา กับเผ่าพันธุ์มนุษย์และสัตว์ประหลาด”

หลังจากพูดจบ กงเหลียงได้เปิดจอฉายภาพขนาดยักษ์ขึ้นมา มันบันทึกเรื่องราวต้นกำเนิดแห่งมนุษย์กลายพันธุ์ และเหตุแห่งความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับความลับที่เขานั้นไม่เคยได้รับรู้มาก่อน

กลายเป็นว่าเมื่อสักประมาณพันปีก่อน หลังจากที่พลังงานสวรรค์และโลกของโลกใบนี้ได้ฟื้นคืน สงครามระหว่างมนุษย์และสัตว์ประหลาดได้ปะทุขึ้นเพื่อแย่งชิงแหล่งพลังงานสวรรค์และโลก และในระหว่างการสู้รบนั้นเอง ทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์และสัตว์ประหลาดนั้นก็ได้ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มของเผ่าพันธุ์มนุษย์เองนั้น ก็ยังมีมนุษย์บางกลุ่มที่ไม่อาจได้รับการตื่นของพลังสายเลือดเฉกเช่นคนส่วนใหญ่ และนั่นทำให้พวกเขาได้เลือกเดินในหนทางที่แตกต่าง นั่นก็คือการแข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยี

และนี่คือการกำเนิดของมนุษย์กลายพันธุ์

มนุษย์ผู้ซึ่งใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สร้างความแข็งแกร่งโดยการนำแผ่นพลังงานฝังเข้าไปในร่างกาย และใช้พวกมันแทนพลังงานสายเลือด และอาบย้อมพันธุกรรมของตนด้วยพลังเหล่านี้ นี่ทำให้พวกเขานั้นมีพลังเหนือมนุษย์เพียงพอที่จะเทียบเคืองเหล่าผู้ตื่นขึ้นของสายเลือดในเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้

อย่างไรก็ตาม ในโลกนี้ยังมีคำว่าได้อย่างเสียอย่าง

เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์ได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ได้พลังงานที่เหนือมนุษย์มานั้น ด้วยการที่พวกเขานั้นบังคับฝืนเปลี่ยนแปลงตนเองไปถึงระดับพันธุกรรม ส่งผลให้พวกเขานั้นสูญเสียความสามารถด้านอื่นไป นั่นก็คือการเพิ่มจำนวนประชากร

ในขณะเดียวกัน ด้วยการที่มนุษย์กลายพันธุ์ได้รับพลังงานจากแผ่นพลังงานเหล่านี้ทุกคน และเพื่อป้องกันให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เปรียบเหนือกว่าด้านจำนวน พวกเขาจึงเลือกที่จะลดจำนวนประชากรในสัดส่วนที่มนุษย์กลายพันธุ์จะรับมือได้ นานวันไป จำนวนประชากรของทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งลดลงเรื่อยๆ และนี่ทำให้เกิดเป็นแค้นฝังลึกระหว่างเผ่าพันธุ์ จนในที่สุด ก็ได้กลายเป็นจุดแตกหักระหว่างมนุษย์และมนุษย์กลายพันธุ์

และนี่ทำให้จากเดิม สงครามสองเผ่าพันธุ์จึงพลิกผันกลายเป็นสงครามสามเผ่าพันธุ์ไปในทันที

“และหลังจากการสู้รบกันมาอย่างยาวนานนับร้อยปี พวกเราเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ก็เป็นฝ่ายที่เข้มแข็งกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์สัตว์ประหลาดอย่างไม่ต้องสงสัย”

“นี่สมควรจะเป็นชัยชนะของพวกเรา”

“อย่างไรก็ตาม พวกเราก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้าย นั่นก็เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มนุษย์กลายพันธุ์นั้นมีสิ่งหนึ่งที่สูงล้ำกว่าพวกเรา ไม่สิ ต้องบอกว่าพวกมันนั้นมีสิ่งที่พวกเราไม่มี นั่นก็คือความสามารถในการเพิ่มจำนวนประชากร”

“โดยเฉพาะกับเผ่าพันธุ์มนุษย์”

“ถึงแม้พวกสัตว์ประหลาดเองจะมีความสามารถในการเพิ่มจำนวนประชากรที่ไม่น้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่พวกมันนั้นมีสติปัญญาที่ต่ำ ต่อให้พวกมันขึ้นไปอยู่ในระดับราชาแล้ว แต่สติปัญญาของมันนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด”

“พวกมันนั้นเป็นเพียงสัตว์ป่าที่รู้จักเพียงการฆ่าฟันเพียงเท่านั้น”

“แต่มนุษย์นั้นแตกต่างออกไป”

“ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะของพวกมันจะต่ำต้อย แต่พวกมันยังมีความฉลาดทัดเทียมกับพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกมันยังเพิ่มจำนวนประชากรได้”

ในทุกๆครั้งที่พวกเรากวาดล้างอาณานิคมได้ พวกมนุษย์ก็จะยิ่งเร่งเพิ่มจำนวนของพวกมันมาทดแทนประดุจดั่งก้อนเนื้อร้าย

“หากเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ เมื่อไหร่กันที่พวกเราจะได้รวมเป็นหนึ่งและครอบครองโลกใบนี้ไว้ได้”

“หลังจากกงเหลียงได้พูดจบลง เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสิบสามตนก็ได้ตะโกนออกมาพร้อมๆกัน “ล้างบางพวกมนุษย์ ปกครองโลกนี้”

ถึงแม้จะไม่อยาก แต่เฉินเฉียงก็ทำได้เพียงตะโกนไปตามมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้อย่างกับกลุ่มคนบ้า และเมื่อกงเหลียงได้ยกมือส่งสัญญาณให้หยุด ทุกคนก็ได้หยุดตะโกนออกมา

“อย่างไรก็ตาม ทุกๆคนในตอนนี้ก็สมควรจะตระหนักได้แล้วว่ามนุษย์กลายพันธุ์ของพวกเรานั้น มีโชคชะตาที่จะได้อยู่เหนือเผ่าพันธุ์มนุษย์ นั่นก็เพราะ นอกเหนือจากเทคโนโลยีแล้ว พวกเรานั้นยังมีสติปัญญา”

“หลังจากพูดจบ กงเหลียงก็ได้ชี้ไปที่หัวของตนเองและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้พวกเราจะสืบพันธุ์ไม่ได้ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้เราอยู่ยากแต่อย่างใด”

“นั่นก็เพราะพวกเรานั้นสามารถใช้พวกมนุษย์ให้กลายเป็นทหารชั้นล่างของพวกเราที่เรียกว่าทหารซากศพ”

หลิวเหลียง เจ้า ออกมานี่

กงเหลียงได้ชี้ไปที่ชายกำยำที่อยู่ตรงหน้าเฉินเฉียง

“ครับ หัวหน้ากง”

หลิวเหลียงได้ยืนขึ้นด้วยท่าทีประหม่าและพูดออกมา “ข้าได้ตายไประหว่างการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด เป็นราชาสวรรค์ที่ได้นำข้าและพี่น้องกลับมาในสภาพซากศพ ท่านได้ฝังแผ่นพลังงานลงในตัวข้า และทำให้ข้านั้นถือกำเนิดใหม่ ในตอนนี้ ข้าเข้าใจได้แล้วว่ามีเพียงมนุษย์กลายพันธุ์เท่านั้นที่สมควรจะได้ครอบครองโลกใบนี้”

หลังจากพูดจบ หลิวเหลียงก็ได้อ้าแขนออก และจากมนุษย์กลายพันธุ์ที่ดูธรรมดาสามัญไม่ต่างจากมนุษย์ ในตอนนี้ผิวหนังของเขานั้นเหมือนกลับมีชั้นของเกราะที่เคลือบร่างกายเอาไว้อย่างไร้รอยต่อ

“เอาล่ะ หลิวเหลียง นั่งลงได้”

กงเหลียงได้ชี้ไปที่หลิวเหลียงก่อนที่จะพูดออกมา “พวกเจ้าเห็นรึยัง นี่คือสิ่งที่พวกมนุษย์ ไม่สามารถมอบให้กับพวกเราได้”

“ลองนึกดูสิว่าต่อให้พวกเจ้านั้นตกตายลงไป แต่ตราบใดที่แผ่นพลังงานของพวกเจ้ายังคงอยู่ ไม่เพียงพวกเจ้าจะได้เกิดใหม่ พวกเจ้ายังสามารถได้รับความแข็งแกร่งดั้งเดิมกลับคืนมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตราบใดที่พลังงานในแผ่นพลังงานนี้ยังไม่หมด พวกเจ้าจะถือได้ว่าไม่มีวันตาย และนี่ก็เทียบเท่ากับว่าพวกเจ้านั้นมีชีวิตอยู่ชั่วนิจนิรันดร์”

หลังจากที่กงเหลียงพูดจบ เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่องออกมา

ชีวิตนิรันดร์

สิ่งที่พวกเขานั้นไม่อาจแม้จะคิดถึงได้

“อย่างไรก็ตาม….” กงเหลียงได้พูดตัดบทขึ้นมา “ถึงแม้พวกเจ้านั้นจะได้รับชีวิตนิจนิรันดร์ แต่นั่นแลกกับการที่ระดับการบ่มเพาะของพวกเจ้านั้นไปได้เพียงแค่นายพลวิญญาณทักษะพิเศษขั้นสูงเพียงเท่านั้น ไม่สามารถไปต่อได้อีก”

เมื่อได้เห็นว่าท่าทีของผู้คนนั้นเริ่มที่จะหม่นหมองลง กงเหลียงก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง ด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “ทุกคนอย่าพึ่งหมดหวังไป ด้วยความเชี่ยวชาญของพวกเรานั้น ใครจะกล้าฟันธงได้ว่าพวกเราไม่อาจจะพัฒนาแผ่นพลังงานให้ดีกว่านี้ได้อีกในอนาคต”

“เมื่อถึงเวลานั้น พวกเจ้า ก็จะสามารถไปถึงระดับราชาได้อย่างไม่อยากเย็น”

“แต่ก่อนถึงเวลานั้น พวกเรา ยังมีเรื่องที่ต้องทำอย่างการเพิ่มจำนวนสมาชิกระดับสูง”

“ดูตงเจี๋ยนเป็นตัวอย่าง”

กงเหลียงได้ชี้ไปที่เฉินเฉียงก่อนจะพูดออกมา “ตงเจี๋ยนนั้น หลังจากที่เขาได้ฝังแผ่นพลังลงไปในร่างกายแล้ว เขานั้นสามารถบ่มเพาะได้ไปถึงระดับขั้นราชาเหนือมนุษย์”

“ราชาเหนือมนุษย์…เหรอ”

“ราชาเหนือมนุษย์เนี่ยนะ”

นอกจากเฉินเฉียงแล้ว ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินระดับการบ่มเพาะนี้

“ถูกต้อง ระดับราชาเหนือมนุษย์” กงเหลียงเองดูภูมิใจราวกับว่าตัวเขาเองได้ไปยังถึงระดับขั้นแล้ว

“หลังจากพวกเจ้าไปถึงระดับราชาเหนือมนุษย์แล้ว พวกเจ้าจะสามารถเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหาย และนี่จะถือได้ว่าเป็นชีวิตนิจนิรันดรอย่างแท้จริง”

“ว้าววววว”

เสียงร้องตื่นตะลึงของมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสิบสามแสดงให้เห็นในทันทีว่าพวกเขานั้นอิจฉาเฉินเฉียงมากมายจนแสดงออกมาทางสายตาในทันทีว่ามากมายขนาดไหน

ในขณะเดียวกัน เฉินเฉียงก็ได้จ้องมองไปยังพวกเขา

แต่ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความหิวกระหายออกมา

-นี่เขาควรจะดูดซับใครก่อนดีนะ-

แน่นอนว่ากับเรื่องนี้เขาจะขอละหลิวเหลียงไว้สักคน นั่นก็เพราะหากเขาเผลอไปใช้ทักษะของหลิวเหลียงต่อหน้ามนุษย์คนอื่น เขาคงถูกสังหารทิ้งในทันที

เขานั้นต้องคิดให้ดีก่อนที่จะดูดซับ

“ไอ๊หยา… พี่ชายตงเจี๋ยน ขอแสดงความยินดีกับว่าที่ราชาเหนือมนุษย์ก่อนล่วงหน้าเลยแล้วกัน”

“ในเมื่อตอนนี้พวกเรายังอยู่ด้วยกัน พวกเรานั้นต้องยินดีที่จะสร้างสายพันธุ์อันดีกับเจ้าอย่างแน่นอน”

หลังจากพูดจบ หลิวเหลียงก็ได้เข้ามาจับมือเฉินเฉียง ก่อนที่จะเขย่ามีเขาราวกับได้พบเจอบุคคลแห่งสรวงสวรรค์แล้วจะได้รับพรจากเขาไป

เฉินเฉียงได้มองมือขวาของตนที่ถูกเขย่าพลางนึกสาปแช่งซากศพหลิวหลางนับพันนับหมื่นครั้งในหัวใจ

เกราะเหล็กไหลระดับหนึ่ง

เมื่อได้เห็นชื่อทักษะที่ได้ปรากฏบนค่าสถานะ เฉินเฉียงแทบจะน้ำตานองหน้าในทันที