ตอนที่ 115 : คนรู้จัก
จ้าวเมิ่งซีมองหวังเย่าด้วยความสับสน เธอไม่รู้ว่าจะคิดยังไงกับเรื่องนี้
เธอยอมรับว่าเธอชอบหวังเย่าและหวังเย่าเองก็ชอบเธอ แต่ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ? ทำไมเขายังต้องไปหาผู้หญิงคนอื่นอีก ?
เธอไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์อะไร แม้ว่าทั้งสองจะเป็นแฟนกันมานานแต่ก็ไม่เคยมีอะไรกันเลย ตอนนี้เธอยังบริสุทธิ์อยู่ หากเธอต้องเลิกกับเขาตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
แต่หากต้องตัดใจกับเรื่องนี้ หัวใจเธอก็ไม่อาจจะรับได้
เธอสับสนอยู่สักพัก ความคิดในหัวเธอตีกันอยู่นาน จากนั้นเธอก็เริ่มคิดในมุมมองของหวังเย่า
เธอเห็นแล้วว่าหวังเย่าน่ะเป็นผู้ชายที่โตเต็มวัยแล้ว เขาเริ่มมีความคิดในการจัดการกับชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องความรักเพียงอย่างเดียว หากมองในมุมต่างออกไป ถ้าเทียบกับเขาเธออาจจะเป็นแค่เด็กด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นหวังเย่าที่เดินจากไป จ้าวเมิ่งซีก็กัดฟันแน่น เธอสลัดความคิดลังเลในหัว การมีแฟนคนเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอาย มันกลับแสดงว่าผู้ชายคนนั้นมีความสามารถที่จะดูแลผู้หญิงทั้งสองคนได้ เธอต้องคว้าผู้ชายคนนี้เอาไว้
….
หวังเย่านั่งรถมาที่ประตูเมืองด้วยความสับสน เขารีบหนีออกมาเพราะไม่มีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับจ้าวเมิ่งซี สายตาที่ผิดหวังของเธอทำให้เขาปวดใจ…
ดังนั้นหวังเย่าจึงได้รีบหนีออกมาก่อน แต่ความเจ็บปวดในใจของเขาไม่ได้ลดลงไปเลย เขากลัวว่าจ้าวเมิ่งซีจะเกลียดเขา
หลังจากที่กดความกลัวในใจลงได้ เขาก็โทรหาจ้าวเมิ่งซี แต่สุดท้ายเขาก็ต้องวางสายก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แล้วส่งข้อความกลับไป
“เมิ่งเอ๋อร์ นี่เป็นความผิดของฉัน ฉันขอโทษแต่ฉันชอบเธอจริง ๆ เธอกับฉันน่ะเป็นแฟนกัน ฉันหวังว่าเธอจะยกโทษให้ฉัน ฉันจะทำให้ผู้หญิงของฉันมีความสุขไปตลอดชีวิต เชื่อฉันนะ”
หวังเย่ารออยู่นานแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับมา จนกระทั่งเขาลงจากรถ เขาถึงได้รับข้อความตอบกลับ ‘กลับมาอย่างปลอดภัย’
หวังเย่าโล่งอก เมื่อเห็นข้อความนี้ความกดดันในใจก็หายไปทันที เมื่อจ้าวเมิ่งซียังมีใจให้กับเขาและไม่คิดจะทิ้งเขาไป แค่นี้เขาก็ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น
เมื่อเข้ามาในโถงภารกิจ หวังเย่าก็มุ่งหน้าไปยังฝ่ายลงทะเบียน เขาอยากสำรวจมิติเทือกเขาหินโม่ ดังนั้นเขาจึงต้องไปรายงานตัวก่อน ในฝ่ายลงทะเบียนนั้นมีคนรออยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อเดินเข้ามาที่ฝ่ายลงทะเบียน เขาก็ได้พบกับคนรู้จักโดยบังเอิญ
“หวังเย่า ? ทำไมนายถึงมาที่นี่ได้ ? ”
หวังเย่าได้ยินแบบนั้นก็ใจสั่น
ที่นี่มีรุ่นพี่ปีสามสาขาตรวจสอบอยู่ นอกจากฟ่านฉิงเหมยแล้วก็ยังมีเย่ฉิวเกาอยู่ด้วย
เย่ฉิวเกาเป็นลูกหลานของตระกูลเย่ ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของเมืองหัวเซี่ย เขาอยู่รุ่นที่สามของตระกูล เขามีพี่ชาย 2 คน แต่ระบบการสืบทอดในทุกวันนี้ไม่เหมือนกับอดีต เย่ฉิวเกานั้นได้รับสิทธิ์ในการสืบทอดตระกูล เพราะว่าเขามีความสามารถเหนือกว่าพี่ชาย 2 คนอย่างมาก
ที่หวังเย่าสนใจเย่ฉิวนั้นเป็นเพราะเย่ฉิวเกาเกาะติดจินเทียนกับฟ่านฉิงเหมยมา 3 ปีแล้วเพื่อหวังจะครอบครองหัวใจของฟ่านฉิงเหมย แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากฟ่านฉิงเหมยเลย ถ้าเย่ฉิวเการู้เรื่องพวกเขา อีกฝ่ายต้องคิดจะฆ่าเขาแน่ ๆ
โชคดีที่ตลอดหลายวันมานี้ฟ่านฉิงเหมยไม่ได้กลับไปที่มหาวิทยาลัย ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยินข่าวของเธอ
หวังเย่าเองก็ตอบกลับ “พี่เย่ พี่ฮวง ทำไมพวกพี่ถึงได้มาที่นี่ ? ”
พี่ฮวงที่เขาพูดถึงก็คือฮวงจินเทียนนักศึกษาระดับสูง เขาอยู่ปี 4 และอีกแค่ 2 เดือนก็จะเรียนจบแล้ว
เย่ฉิวเกาได้ท้าสู้กับฮวงจินเทียนในงานประชุม แต่กลับพ่ายแพ้กลับมา ดังนั้นหวังเย่าจึงรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นคงแย่อย่างมาก แต่ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะกลับมาอยู่ด้วยกันแบบนี้
ฮวงจินเทียนไม่ได้พูดอะไร เขาแค่พยักหน้าตอบรับ
หลายคนต่างก็นินทาว่าฮวงจินเทียนและเย่ฉิวเกานั้นเป็นคนเย่อหยิ่งไม่สนใจใคร แต่ตอนนี้พวกเขากลับพยักหน้าให้กับหวังเย่า
ซึ่งหวังเย่าเข้าใจดี ตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะไร้ชื่อเสียง เขาเป็นเด็กปี 1 ที่ขึ้นไปอยู่ใน 100 อันดับแรกได้ บอกได้เลยว่าอนาคตของเขาสดใสจนแม้แต่เย่ฉิวเกาและฮวงจินเทียนนั้นไม่อาจคิดจะดูถูก
ฮวงจินเทียนไม่ได้พูดอะไรออกมา ถ้าอยากได้คำตอบอะไรจากฮวงจินเทียน หวังเย่าคงต้องถามอีกฝ่ายเอาเอง
เย่ฉิวเกาพูดขึ้น “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เราแค่อยากลองว่าจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้ตรวจสอบ 1 ดาวได้ไหม อย่างไรเสีย เราก็ไม่ได้เลื่อนขั้นมาจะปีหนึ่งแล้ว”
หวังเย่าได้ยินคำตอบนั้นก็รู้สึกไม่อยากจะสนใจ ต้องรู้ก่อนว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนที่หยิ่งยโส คำพูดคำจาก็เต็มไปด้วยความโอ้อวด เขาคงคิดว่าหวังเย่าเป็นรุ่นน้อง แม้แต่เตรียมผู้ตรวจสอบก็ยังไม่ได้เป็น หากรู้ว่าเขากำลังจะเลื่อนขั้น อีกฝ่ายคงต้องอิจฉาเขาแน่ ๆ
หวังเย่าจึงเอ่ยชมออกมา “ พี่เย่นี่แข็งแกร่งจริง ๆ ผมได้ยินมาว่าที่ผ่านมามีนักศึกษาไม่กี่คนที่เป็นผู้ตรวจสอบระดับ 1 ดาวได้”
เย่ฉิวเกาได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าภูมิใจออกมาและพูดขึ้น “อันที่จริงฉันแค่อยากลองดู แต่ก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอก”
“แค่นี้ก็เก่งแล้ว อย่างน้อยผมก็ไม่เคยเห็นใครที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ขึ้นเป็นผู้ตรวจสอบระดับ 1 ดาวได้เลยในสาขาเรา” หวังเย่าแสร้งทำสีหน้าจริงจังออกมา “จริงสิ แล้วพี่ฮวงมาทำอะไรที่นี่ ? ”
เย่ฉิวเกามองไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนของสาขาตรวจสอบ แต่ก็ได้รับประกาศนียบัตรของสถาบันตรวจสอบ ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ในการเป็นผู้ตรวจสอบเหมือนกัน”
หวังเย่าเผยสีหน้าแปลกใจออกมา ฮวงจินเทียนกลับลงเรียนถึง 2 สาขา ดูเหมือนว่าเขาจะทะเยอทะยานไม่ใช่น้อย เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งที่เขามีแล้ว ก็ไม่อาจจะประมาทได้
“พี่ฮวงนี่เก่งจริง ๆ ” หวังเย่ากล่าวชมออกมาอย่างจริงใจ
“เก่งอะไรกัน เขาแค่อยากจะข่มฉัน เพราะเขาน่ะมีเรื่องกับพี่ชายฉัน การทำให้ฉันดูแย่ก็เท่ากับทำให้พี่ฉันดูแย่ไปด้วย” เย่ฉิวเกาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
เมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของสองคนนี้ หวังเย่าก็ไม่คิดที่จะเข้าไปยุ่ง ดังนั้นเขาจึงเลิกถามทันที
แต่เย่ฉิวเกาก็ไม่ได้หยุดและได้พูดขึ้น “หวังเย่า ทำไมนายถึงมาที่นี่ ? หรือว่านายจะเข้าทดสอบเป็นเตรียมผู้ตรวจสอบงั้นหรือ ? ”
หวังเย่าอยากจะโกหกแต่เรื่องนี้คงจะปกปิดได้ยาก เขาได้แต่พยักหน้าตอบรับ “ใช่ ผมก็เหมือนกับพี่เย่ ผมอยากลองเสี่ยงโชคดู ถ้าโชคดีผมอาจจะได้เป็นเตรียมผู้ตรวจสอบก็ได้”
เย่ฉิวเกามองไปที่หวังเย่าด้วยสีหน้าประหลาดใจ เขาแสดงสายตาไม่พอใจออกมา และคิดว่าเด็กนี่กลับคิดจะมาเทียบกับเขางั้นหรือ
เย่ฉิวเกาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเพราะในสายตาของเขาแล้ว แม้ว่าหวังเย่าจะแสดงฝีมือที่น่าทึ่งออกมา แต่ต่อหน้าเขาแล้ว หวังเย่าก็ยังถือว่าเป็นเด็กน้อยอยู่