เซียวเหลียงนำขนมสองกล่องมาให้เซี่ยยวี่หลัว “กลับมาไม่ได้เอาอาหารอะไรมาด้วย ขนมสองกล่องนี้ เก็บไว้ให้พวกเจ้ากินเป็นของว่างยามหิว”
เซี่ยยวี่หลัวก็คร้านจะเอ่ยวาจาเกรงใจอะไร คนเขานำมาให้แล้ว ไยต้องเกี่ยงงอนไม่รับด้วย หลังจากรับไว้ ก็กล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ
“ในห้องครัวยังเหลืออาหารอีกหนึ่งอย่างก็กินข้าวได้แล้ว จื่อเซวียน เจ้าต้อนรับให้ท่านอาเซียวเหลียงและท่านปู่เซียวนั่งลง นำของที่ข้าให้เจ้าเมื่อครู่ไปชงชาร้อนมาสองถ้วย”
มีชาให้ดื่มด้วย?
เซียวจื่อเซวียนยกน้ำชาออกมาสองถ้วยอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีก้านสีเขียวมรกตลอยอยู่จำนวนหนึ่ง เซียวเหลียงดูอยู่นานก็ยังดูไม่ออกว่าของที่ลอยอยู่คืออะไร
“นี่เป็นชาอะไร? เหตุไรข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อน? ” เซียวเหลียงเอ่ยถาม
เซียวจื่อเซวียนตอบ “นี่คือใบอ่อนเก๋ากี้ขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่านำสิ่งนี้มาชงชาดื่ม สามารถคลายร้อนขจัดความอ่อนเพลีย บำรุงตับและสายตา”
เซียวเหลียงรีบดื่มหนึ่งคำ “ซื้อมาจากที่ใดงั้นหรือ? มีกลิ่นหอมอ่อนๆ “
“ไม่ได้ซื้อมาขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่เก็บมา เดิมทีจะนำมาผัดให้พวกเรากิน แต่ข้ากับน้องสาวล้วนไม่ชอบกิน พี่สะใภ้ใหญ่จึงนำไปตากแห้ง บอกว่าต่อไปจะชงเป็นชาให้พี่ใหญ่ดื่ม พี่ใหญ่อ่านตำรามาก ดื่มเจ้านี่ดีต่อสายตาขอรับ! ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าดีใจ
พี่สะใภ้ใหญ่ตากแห้งเก็บไว้ให้พี่ใหญ่หนึ่งโถ รอให้พี่ใหญ่กลับมาดื่ม
ท่านปู่เซียวดื่มหนึ่งคำ พยักหน้าพร้อมกล่าวว่าไม่เลว
ภรรยาเซียวยวี่รู้จักคิดเผื่อเซียวยวี่ ถือว่ามีความก้าวหน้า
เซียวเหลียงและท่านปู่เซียวนั่งอยู่ด้านนอก คุยกันไปพลาง มองดูลานบ้านไปพลาง
เมื่อก่อนพวกเขาเคยมา ทั้งด้านในด้านนอกรกรุงรังเสียยิ่งกว่ากะไร พอมาดูเวลานี้ ภายในลานบ้านถูกเก็บกวาดอย่างเป็นระเบียบ บนพื้นก็สะอาดสะอ้าน อีกด้านหนึ่งของลานบ้านมีเสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วตากอยู่ เสื้อผ้าพลิ้วไหวตามสายลมอย่างเป็นระเบียบ
นี่สิถึงจะเป็นบ้านที่ใช้ชีวิตด้วยความสงบใจอย่างแท้จริง!
อาหารถูกยกมาวางบนโต๊ะแล้ว
น้ำแกงปลาชามโต บนนั้นมีไข่ดาวที่ถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทองห้าฟอง แค่เห็นก็แทบน้ำลายไหลแล้ว
ชามที่ใส่น้ำแกงปลาเป็นชามที่ครั้งก่อนเซี่ยยวี่หลัวไปซื้อมาจากในตัวเมือง เพราะในบ้านไม่มีชามใหญ่ที่ใส่แกงได้เลย
ยังมีปลาตุ๋นน้ำแดงสองตัว แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกหอมกรุ่นยิ่งนัก ไข่ตุ๋นที่ตุ๋นจนเป็นสีเหลืองทอง และมีผักตี้เอ่อผัดไข่อีกหนึ่งจานใหญ่
ถึงแม้อาหารจะมีไม่กี่ชนิด แต่กลับมีทั้งเนื้อ ผัก และไข่ ดูท่าอาหารการกินในชีวิตประจำวันของเซี่ยยวี่หลัวถือว่าไม่เลว
ลองดูเด็กสองคนอีกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีแดงเลือดฝาด ผิวละเอียดอ่อนนุ่ม ทั้งขาวทั้งเนียน อ้วนกว่าก่อนเซียวยวี่จะไปไม่น้อยเลย อ้วนขึ้นก็ดีแล้ว เซียวยวี่อยู่ข้างนอกก็น่าจะวางใจได้แล้ว
ทั้งห้าคนนั่งลงที่โต๊ะ ก่อนเริ่มกินอาหารทันที
หลังจากเริ่มกินข้าว เซี่ยยวี่หลัวก็ตักน้ำแกงปลาให้เด็กสองคนคนละหนึ่งถ้วย นางทอดไข่ดาวไว้ห้าฟอง คนละหนึ่งฟอง เด็กสองคนก้มหน้าดื่มน้ำแกงกินอาหารอย่างมีความสุข
สองพ่อลูกเซียวเหลียงเห็นเซี่ยยวี่หลัวเอาใจใส่เด็กสองคนถึงเพียงนี้ จึงกินอาหารอย่างมีความสุข ทั้งห้าคนกินกับข้าวสี่อย่างจนหมดเกลี้ยง เซียวเหลียงกินน้ำแกงปลากับข้าวหุงสองชามใหญ่ กินจนท้องแน่นกลมและเรอออกมาด้วยความอิ่ม
ท่านปู่เซียวที่อยู่ข้างๆ กล่าว “เป็นอย่างไร ไม่ด้อยกว่าอาหารในภัตตาคารที่เจ้ากินข้างนอกเลยใช่หรือไม่? “
เซียวเหลียงพยักหน้า “ไม่ใช่ไม่ด้อยกว่า แต่ดีกว่าอาหารในภัตตาคารมากนัก ท่านดูน้ำแกงปลานี่สิ นางถึงกับคิดวิธีต้มน้ำแกงกับไข่ดาวได้ น้ำแกงปลาที่ได้มีรสชาติหอมอร่อย น้ำแกงเข้มข้น หอมอร่อยจนแทบกัดลิ้นเลยทีเดียว”
ทั้งสองคนกินจนอิ่ม แล้วจึงกลับไป
ระหว่างทางกลับเมื่อเจอกับผู้คน พอถูกถามว่าไปทำอะไรมา เซียวเหลียงก็ตอบไปตามตรงว่าไปกินมื้อเที่ยงที่บ้านเซียวยวี่ ไม่ปิดบังแม้แต่น้อย เปิดเผยและโปร่งใส
ในหมู่บ้านมีข่าวลือหนาหู แต่เขาก็ยังไปกินข้าวอย่างเปิดเผย นั่นเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า พวกเขาไม่ได้มีความลับอะไร!
เรื่องที่เดิมทีผู้คนคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวประจบเซียวเหลียงอย่างไร้ยางอาย จึงถูกไขกระจ่างโดยไม่ต้องแก้ต่างอะไร คำครหาว่าร้ายนางจึงสิ้นสุดเพียงเท่านี้ แต่ใครเล่าจะรู้ว่ามันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
วันต่อมา เซี่ยยวี่หลัวไปบ้านเซียวเหลียงตามเดิม เมื่อคืนเซียวเหลียงไม่ได้กลับไปในตัวเมือง ค้างคืนในหมู่บ้านสกุลเซียว
เมื่อพวกเขาจัดเตรียมข้าวของเสร็จ ก็มีชาวบ้านในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยมาขายผักตี้เอ่อ
พวกเขาเก็บผักตี้เอ่อมาจำนวนไม่น้อย ต่างดีอกดีใจเพราะคิดว่าวันนี้จะหาเงินได้เยอะอีก
แต่ใครจะรู้ ผักตี้เอ่อหนึ่งตะกร้า เซียวเหลียงรับซื้อเพียงจินละหนึ่งอิแปะครึ่งเท่านั้น
ครั้งก่อนจินละสามอิแปะ เหตุใดวันนี้ถึงกลายเป็นจินละหนึ่งอิแปะครึ่งเล่า? ทุกคนรู้สึกตกใจมาก ต่างก็ไต่ถามเซียวเหลียงว่าเหตุใดเงินถึงลดลงกึ่งหนึ่ง
เซี่ยยวี่หลัวเองก็รู้สึกตกใจมาก เพราะสองพ่อลูกเซียวเหลียงไม่เคยบอกเรื่องนี้กับนางเลย
ท่านปู่เซียวปลอบนาง “ไม่ต้องกังวล! “
เซียวเหลียงหัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมกล่าวกับคนในหมู่บ้านที่มาขายผักตี้เอ่อ “ครั้งก่อนรับซื้อผักตี้เอ่อ ข้าไม่อยู่บ้าน ท่านพ่อข้าเป็นคนช่วยรับซื้อ ทุกวันงานยุ่งจนแทบไม่ได้ดื่มน้ำสักคำ ข้าให้ภรรยาเซียวยวี่มาช่วยงาน นางยังทำอาหารให้ท่านพ่อข้าโดยไม่คิดเงิน บุญคุณนี้ ข้าเซียวเหลียงยังคิดอยู่ว่าควรจะตอบแทนอย่างไร แต่บางคนกลับว่าร้ายภรรยาเซียวยวี่ เซียวยวี่ไม่อยู่ข้างกาย นางเป็นหญิงครองเรือน ยอมมาทำงานอย่างเปิดเผยเพื่อดูแลเด็กสองคน กลับถูกพวกเจ้าว่าร้าย วันนี้ข้าจะทวงความเป็นธรรมให้นาง! “
“ผักตี้เอ่อในตัวเมืองขายจินละสองอิแปะ เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ามารับซื้อถึงที่ ก็รับแค่หนึ่งอิแปะครึ่ง ในเมื่อพวกเจ้ารู้สึกว่าน้อย ก็เชิญทุกท่านนำไปขายในตัวเมืองเองเถอะ ข้าเซียวเหลียงไม่กล้ารับซื้ออีกแล้ว ประเดี๋ยวจะโดนพวกเจ้าว่าร้ายนินทาอีก ไม่มีอะไรดีสักนิด! ” เซียวเหลียงกล่าวเสียงดังฉะฉาน
กลุ่มชาวบ้านที่มาขายผักตี้เอ่อ มีบางคนเคยกล่าววาจาไม่น่าฟังลับหลังจริง ต่างก็รู้สึกวางตัวไม่ถูก
เซียวเหลียงขุ่นเคืองแล้วจริงๆ !
เซี่ยยวี่หลัวให้คนในหมู่บ้านได้ผลประโยชน์มากขนาดนั้น และเพื่อไม่ให้คนอื่นนินทาว่าร้ายจึงให้บิดาของเขาช่วยออกหน้า ใครจะรู้ ว่าสุดท้ายก็ยังมีคนกุเรื่องว่าร้าย
ส่วนคนที่ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับข่าวลือต่างก็ร้อนใจ “เซียวเหลียง เจ้าจะเหมารวมทั้งหมดไม่ได้! ชาวบ้านบางคนไม่เคยคุยเรื่องข่าวลือนั่นเลย พวกเขาต่างก็อธิบายแล้วนี่นา! “
ท่านปู่เซียวก็เคาะกล้องยาสูบพร้อมกล่าว “จริงด้วย เซียวเหลียง เจ้าอย่าเหมารวม ในเมื่อวันนี้เปิดอกพูดกันแล้ว ก็เอาอย่างนี้แล้วกัน ข่าวลือเสียๆ หายๆ ในเวลานั้นใครเป็นคนปล่อยข่าว พวกเราก็รับซื้อของพวกเขาตามราคาของภัตตาคาร! ส่วนชาวบ้านคนอื่น ยังรับจินละสามอิแปะตามเดิม! “
เมื่อได้ฟังดังนั้น เถียนเอ๋อและคนที่กุเรื่องเสียๆ หายๆ เหล่านั้นก็ถูกคนอื่นๆ ผลักออกมาด้านหน้า
ทั้งสองคนเก็บผักตี้เอ่อมาไม่น้อย เมื่อได้ยินว่าจะให้พวกนางเพียงจินละหนึ่งอิแปะครึ่ง ต่างก็ร้อนใจจนกระวนกระวาย ก่อนหน้านี้ได้สามอิแปะ ขณะนี้เหลือเพียงหนึ่งอิแปะครึ่ง ปริมาณเท่ากัน พวกนางต้องเสียเงินไปตั้งกี่อิแปะ!