เล่มที่ 5 บทที่ 122 ทวงความเป็นธรรมให้เซี่ยยวี่หลัว

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

หลิวซี่เหลียนทนไม่ไหวแล้ว รีบวิ่งไปขอขมาเซียวเหลียง “พี่เซียวเหลียง ข้าขอโทษ ข้ามันปากพล่อย ต้องขอโทษด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าขอขมาท่าน ท่านอย่าได้ถือสาข้าเลย ข้าขอขมาท่าน ข้าขอโทษท่าน…”

หลิวซี่เหลียนกล่าวคำขอโทษขอโพยเซียวเหลียงไม่หยุด เซียวเหลียงกลับไม่แยแส

นางร้อนใจจนแทบร้องไห้ “ท่านพี่เซียวเหลียง เรื่องนี้… ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ปากข้ามันสมควรโดนตีนัก สมควรโดนตี ท่านเป็นผู้ใหญ่ไม่ถือสาหาความผู้น้อย ท่านโปรดอย่าถือสาข้าเลย! “

หากให้สามีของนางรู้ว่าเป็นเพราะนางพูดจาเหลวไหล ทำให้รายได้ของครอบครัวหายไปกึ่งหนึ่ง เขาคงด่านางอย่างหนัก เวลานี้เซียวลี่ยังเก็บผักตี้เอ่ออยู่ข้างนอก ยุ่งจนไม่ได้กลับมากินข้าวด้วยซ้ำ เพื่อจะได้หาเงินเพิ่มขึ้น

การค้าขายใกล้บ้านเช่นนี้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากนัก!

เซียวเหลียงมองหลิวซี่เหลียนที่เอาแต่ขอโทษไม่หยุดราวกับตัวตลกก็มิปาน เขายิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกล่าว “รู้จักขอโทษแล้วงั้นหรือ? เจ้าบอกว่าภรรยาเซียวยวี่ให้จื่อเซวียนส่งอาหารมาให้ท่านพ่อข้า เพื่อประจบเอาใจข้าไม่ใช่หรือ? “

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ นั่นเป็นเพราะภรรยาเซียวยวี่จิตใจดี ต้องโทษข้า ต้องโทษข้าที่ยังไม่รู้ถึงความจริง ก็พูดจาเหลวไหล ท่านพี่เซียวเหลียง ท่านวางใจได้ ต่อไปข้าจะไม่พูดจาเหลวไหลอีก”

เซียวเหลียงหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าขอโทษแต่ข้า? แล้วภรรยาเซียวยวี่เล่า? นางถูกปรักปรำมากที่สุด คนที่เจ้าควรขอโทษมากที่สุด คือนาง! “

หลิวซี่เหลียนไม่คิดด้วยซ้ำ รีบวิ่งไปตรงหน้าเซี่ยยวี่หลัว เอ่ยปากขอโทษไม่หยุด “ภรรยาเซียวยวี่ ขอโทษจริงๆ ข้าเป็นคนปากพล่อย ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดต่อเจ้า เจ้าวางใจได้ ต่อไปข้าจะไม่พูดจาเหลวไหลอีก เจ้าอย่าได้ถือสาข้าเลย ภรรยาเซียวยวี่! “

เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งเข้าใจจุดประสงค์ของเซียวเหลียง หลิวซี่เหลียนขอโทษนางต่อหน้าผู้คนมากมาย เช่นนี้ก็เท่ากับลบล้างเรื่องที่นางถูกปรักปรำได้แล้วไม่ใช่หรือ!

เซี่ยยวี่หลัวเองก็หาใช่คนที่บีบคั้นผู้อื่นโดยใช่เหตุ ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ก็ไม่ได้มากล่าววาจาว่าร้ายต่อหน้าตนเอง ล้วนเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน อย่างไรก็ยังต้องพบหน้า อีกฝ่ายขอขมาแล้ว เท่านี้ก็พอแล้ว

“ได้ ข้าให้อภัยท่าน” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว

หลิวซี่เหลียนคิดไม่ถึงว่าเซี่ยยวี่หลัวจะไม่ถือโทษโกรธนาง รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ เหตุใดถึงกลายเป็นคนที่พูดคุยได้ง่ายถึงเพียงนี้

แต่เช่นนี้ย่อมดีที่สุด หลิวซี่เหลียนหันมองเซียวเหลียง

เซียวเหลียงพยักหน้า “ได้ เช่นนั้นก็รับผักตี้เอ่อของเจ้าสามอิแปะ! “

หลิวซี่เหลียนรู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ไม่ใช่แค่ขอบคุณเซียวเหลียง ยังขอบคุณเซี่ยยวี่หลัวด้วย แสดงสีหน้ายินดี อย่าให้กล่าวเลยว่าดีใจเพียงใด นางไม่กล้ากล่าววาจาว่าร้ายเซี่ยยวี่หลัวอีกแล้ว กุเรื่องแพร่ข่าวลือลับหลัง ไม่เพียงทำให้คนอื่นรังเกียจ ไม่แน่ว่าอาจทำให้ตัวเองเจอเรื่องยุ่งด้วย

เมื่อชาวบ้านรอบข้างเห็นว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา

ไม่มีเรื่องก็สร้างเรื่องขึ้นมาเสียได้ เซียวเหลียงเป็นบิดาของเซี่ยยวี่หลัวยังได้ด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าหลิวซี่เหลียนจะสร้างข่าวลือเช่นนี้ขึ้นมาได้ และไม่คิดเลยว่าบางคนยังหลงเชื่ออีกต่างหาก

คนที่ไม่เชื่อต่างก็แสดงสีหน้าเอือมระอา ส่วนคนที่เชื่อและแพร่ข่าวลือต่อ แทบอยากหารูมุดหนีไปเสีย

ด้านเถียนเอ๋อ ก็หิ้วตะกร้ามา แค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

หลิวซี่เหลียนไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับเซี่ยยวี่หลัว แค่เอ่ยปากขอโทษก็พอแล้ว แต่นางมีเรื่องบาดหมางกับเซี่ยยวี่หลัว!

เมื่อวานนี้ก็เพิ่งพูดต่อหน้าเซี่ยยวี่หลัวไปด้วย ให้นางขอโทษเซี่ยยวี่หลัว เว้นแต่พระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก

เซียวเหลียงหันมองเถียนเอ๋อ แววตานิ่งขรึมประหนึ่งสามารถรีดหยดน้ำออกมาได้ “ภรรยาเซียวจิน ข้าได้ยินมาว่าครั้งก่อนเจ้ากับภรรยาไฉซุ่นใส่ความว่าภรรยาเซียวยวี่เตะขาภรรยาไฉซุ่นจนหัก เพิ่งโดนหัวหน้าหมู่บ้านขังในศาลบรรพชน ทำไม ยังอยากโดนขังในศาลบรรพชนต่อหรือ? “

เถียนเอ๋อหยิ่งผยองไม่ยอมกล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว ให้ตายก็ไม่ยอมขอโทษ

“ในเมื่อเจ้าไม่ขอโทษ เช่นนั้นข้าก็ไม่รับซื้อของบ้านเจ้า เจ้านำกลับไปเถอะ! ” เซียวเหลียงโบกมืออย่างไร้เยื่อใย

เถียนเอ๋อก็เก็บมาสองตะกร้า นั่นเป็นผักที่นางและสามีเก็บมาด้วยกัน เวลานี้สามีของนางก็ไปเก็บผักตี้เอ่อข้างนอกเช่นกัน หากไม่รับซื้อผักของนาง เช่นนั้นที่พวกเขาเก็บมาก็เปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือ?

เถียนเอ๋อรู้ว่าตัวเองจะเสียหายแค่ไหน เกรงว่าหากกลับไปมือเปล่าเช่นนี้สามีของนางก็คงต้องด่านางอย่างหนัก แต่พอนึกถึงความบาดหมางระหว่างนางและเซี่ยยวี่หลัว นางก็ไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทนความโมโหนี้ได้!

สตรีที่รูปโฉมเหมือนนางจิ้งจอกเยี่ยงนาง ทำไมทุกคนต้องบอกว่านางเป็นคนดี นางจิ้งจอกอย่างนาง เกรงว่าคงหลอกคนทั้งหมู่บ้านจนหลงกันหมดแล้ว

หลิวซี่เหลียนเห็นเถียนเอ๋อนิ่งเงียบ จึงรีบกล่าว “แม่ต้าหมิน เรื่องนี้เราเป็นฝ่ายทำผิด เจ้าขอโทษภรรยาเซียวยวี่ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

มีคนทยอยกันขายผักตี้เอ่อและออกไปเก็บต่อแล้ว หากไปช้า หลายที่จะถูกเก็บไปหมด ไปช้าก็ไม่มีให้เก็บแล้ว

หากหมดก็จะไม่ได้เงิน!

เถียนเอ๋อโมโหจนหิ้วตะกร้าเดินจากไปทันที “ฮึ ก็แค่นำไปขายในตัวเมืองไม่ใช่หรือ? ข้าไม่เชื่อว่าจะหาภัตตาคารซื้อผักตี้เอ่อของข้าไม่ได้ ข้าไม่ขายให้เจ้าแล้ว! “

กล่าวจบ ก็เดินจากไปด้วยอารมณ์โมโหเดือดดาล

ไม่มีใครมองนาง แต่ละคนต่างก็ง่วนกับงานของตัวเอง

ใครจะไปสนใจว่าบ้านคนอื่นเป็นอย่างไร จัดการเรื่องชีวิตความเป็นอยู่บ้านตัวเองให้ดีก่อนถึงจะถูก!

ไม่นาน คนที่มาขายผักตี้เอ่อล้วนไปกันหมดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่ารับซื้อได้เจ็ดถึงแปดตะกร้าใหญ่ นางรู้สึกขอบคุณสิ่งที่สองพ่อลูกเซียวเหลียงทำเพื่อนางมาก

“ท่านปู่เซียว ท่านอาเซียวเหลียง เมื่อครู่ต้องขอบคุณพวกท่านที่ช่วยทวงความเป็นธรรมให้ข้าเจ้าค่ะ! “

“ขอบคุณอะไรกัน ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ความจริงเจ้าเป็นคนรับซื้อผักตี้เอ่อ เจ้าเพียงให้พวกเราช่วย ต่อให้พวกเราให้พวกเจ้ามาช่วยงานจริง ก็ไม่ควรถูกใส่ความเช่นนี้” เซียวเหลียงกล่าวอย่างไม่พอใจ “ภรรยาเซียวจินปากพล่อยเสียยิ่งกว่ากระไร ควรให้นางลำบากเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นต่อไปใครจะรู้ว่าจะกุข่าวลืออะไรขึ้นมาอีก”

เถียนเอ๋อกลับบ้านไปด้วยอารมณ์โมโห พอคิดถึงผักตี้เอ่อทั้งตะกร้า ยิ่งคิดยิ่งโมโห ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอัดอั้นใจ สุดท้ายจึงเดินทางเข้าไปในตัวเมือง

นางไม่เชื่อ ว่านางจะหาคนซื้อผักตี้เอ่อของนางไม่ได้

ซ่งฝูมาอย่างรวดเร็ว ลงจากรถม้าก็เห็นผักตี้เอ่อที่วางกองอยู่หลายตะกร้า จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ผักตี้เอ่อก็ล้างจนสะอาด

เซี่ยยวี่หลัวกำลังสรุปปริมาณผักตี้เอ่อที่รับซื้อได้ในวันนี้ วันนี้รับซื้อผักตี้เอ่อได้ทั้งหมดสามร้อยห้าสิบหกจิน

หลังจากนำขึ้นตราชั่ง ตัวเลขที่ซ่งฝูเห็นกับที่เซี่ยยวี่หลัวกล่าว ต่างกันแค่ประมาณครึ่งจิน

เซี่ยยวี่หลัวยังคงหักเศษออกตามเดิม

“วันนี้รับซื้อผักตี้เอ่อได้ทั้งหมดสามร้อยห้าสิบหกจิน หักเศษหกจินออกเผื่อว่าจะมีความคลาดเคลื่อน คิดให้สามร้อยห้าสิบจิน จินละห้าอิแปะ เช่นนั้นก็เป็นเงินหนึ่งตำลึงเจ็ดร้อยห้าสิบอิแปะ”

ระหว่างคำนวณตัวเลข เซี่ยยวี่หลัวหยุดคิดเพียงครู่เดียว ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาก็คำนวณจำนวนเงินออกมาแล้ว การคำนวณครั้งนี้มีความยากเล็กน้อย แต่นางกลับยังคงคำนวณออกมาได้อย่างง่ายดาย

ซ่งฝูมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยท่าทีสงสัย

วันนี้เซียวเหลียงก็อยู่ ประการแรกเพื่อช่วยทวงคืนความเป็นธรรมให้เซี่ยยวี่หลัว ประการที่สอง เพื่อรอพบกับคนจากเซียนจวีโหลว

เดิมทีเขาคิดว่าเซียนจวีโหลวจะให้คนจัดซื้อมา แต่ขณะที่เห็นซ่งฝู เขาก็ถึงกับผงะไป

คนผู้นี้เป็นบ่าวคนสนิทที่อยู่ข้างกายซ่งฉางชิง คอยติดตามข้างกายซ่งฉางชิงไม่ห่าง เหตุใดซ่งฉางชิงถึงให้เขามารับซื้อผักตี้เอ่อกัน?

เซียวเหลียงครุ่นคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่คิดปล่อยโอกาสที่จะได้สร้างความสัมพันธ์กับเซียนจวีโหลวไป เมื่อซ่งฝูทำงานเสร็จแล้ว เซียวเหลียงย่อมต้องเข้าไปกล่าวทักทาย “ท่านฝู…”

ซ่งฝูมองเซียวเหลียง ในห้วงความคิดก็นึกถึงคนผู้หนึ่งได้ ประสานมือคำนับด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่เซียว! “