เซี่ยยวี่หลัวเห็นพวกเขารู้จักกัน ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ ร้านน้ำมันอาหารแห้งฟ่างซินตั้งอยู่ในตัวเมือง เซียนจวีโหลวก็อยู่ในตัวเมือง เถ้าแก่ร้านทั้งสองย่อมรู้จักกัน
“ไม่พบท่านฝูนานเลย ช่วงนี้สบายดีหรือไม่? ” เซียวเหลียงกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
“ด้วยบารมีของเถ้าแก่เซียว ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
เทียบกับการทักทายอย่างเป็นกันเองของเซียวเหลียง กิริยาท่าทางของซ่งฝูดูค่อนข้างเย็นชา
เรื่องครั้งก่อน ซ่งฝูยังจดจำได้อย่างแม่นยำ เพราะตำราโบราณเล่มนั้นเขาเป็นคนส่งมอบกลับไปเอง ในเมื่อเป็นคนที่คุณชายไม่ชอบใจ เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องสร้างสัมพันธ์อันดี หลังจากกล่าวทักทายอย่างเย็นชากับเซียวเหลียงก็อ้างว่ามีธุระต้องรีบไป แล้วจึงจากไป
เซียวเหลียงมีวาจาบางอย่างที่เก็บอยู่ในใจ ยังไม่ได้กล่าวออกมาแม้แต่คำเดียว ได้แต่มองส่งรถม้าเคลื่อนออกห่างไปช้าๆ
เซี่ยยวี่หลัวหิ้วตะกร้าไปเก็บผักตี้เอ่อแล้ว
ช่วงนี้นางจะไม่ขายผักตี้เอ่อของตัวเอง เก็บไว้ตากแห้ง
ผักตี้เอ่อที่เก็บกลับมาสองตะกร้าในครั้งนี้ตากได้เพียงสามกระด้ง ผักตี้เอ่อสิบจินที่ตากแห้งแล้วเกรงว่าจะมีเพียงประมาณสามจินเท่านั้น ปริมาณแค่นั้นไม่เพียงพอแน่นอน นางต้องไปเก็บเพิ่มอีก เก็บได้เท่าไรก็เท่านั้น ถึงเวลาหากท่านราชบัณฑิตน้อยกลับมา แล้วมีผักสดใหม่ ค่อยไปเก็บผักสดใหม่มาอีก
ซ่งฝูขับรถม้ากลับไปในตัวเมือง รถม้าจอดอยู่ที่สวนด้านหลังของเซียนจวีโหลว เขาลงจากรถม้าก็ไปยังห้องพิเศษที่ชั้นสองทันที
ซ่งฉางชิงกำลังคำนวณรายจ่ายในการซื้อผักช่วงเช้า ซ่งฝูเข้ามารายงานจำนวนเงินที่ใช้ซื้อผักตี้เอ่อในวันนี้ “วันนี้ซื้อผักตี้เอ่อทั้งหมดสามร้อยห้าสิบหกจิน ฮูหยินเซียวหักเศษหกจินออก คิดสามร้อยห้าสิบจิน ทั้งหมดหนึ่งตำลึงเจ็ดร้อยห้าสิบอิแปะขอรับ”
ซ่งฉางชิงจดบันทึกไว้
ซ่งฝูยืนอยู่ข้างๆ รอให้ซ่งฉางชิงวางพู่กันลง จึงกล่าวต่อ “คุณชาย…”
“หืม? ” ซ่งฉางชิงคำนวณเสร็จแล้วจึงวางพู่กันลง “มีอะไร? ”
“ท่านลองทายดูว่าวันนี้ ขณะข้ารับซื้อผักตี้เอ่อพบกับใครเข้า”
ซ่งฉางชิงมองเขา “ใคร? ”
“ท่านก็รู้จักขอรับ ทั้งยังเกือบได้เป็นคู่ค้ากับเซียนจวีโหลวของเราด้วย! ” ซ่งฝูกล่าว “เถ้าแก่ร้านค้าน้ำมันอาหารแห้งฟ่างซิน ที่เคยมอบตำราโบราณให้ท่านจนถูกท่านเพิกถอนคุณสมบัติแข่งขัน เซียวเหลียง! ”
เขา?
ซ่งฉางชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เขาก็อยู่งั้นหรือ? ”
ซ่งฝูพยักหน้า “ขอรับ เขาก็อยู่ เขาก็แซ่เซียว น่าจะเป็นคนของหมู่บ้านสกุลเซียว ทีแรกข้าคิดว่าฮูหยินเซียวเป็นญาติกับเขา แต่ในภายหลังได้ยินน้องชายน้องสาวของฮูหยินเซียวเรียกเขาว่าท่านอาเซียวเหลียง เช่นนั้นก็น่าจะไม่ใช่ญาติกัน”
ร่างสูงโปร่งของซ่งฉางชิงนั่งพิงพนักเก้าอี้เท้าแขนโค้ง เขายื่นมือขวาออกมาวางไว้บนโต๊ะ นิ้วมือเรียวยาวเคาะบนโต๊ะเป็นครั้งคราว ก่อให้เกิดเสียง “ต๊อกต๊อกต๊อก” ทุ้มต่ำ
“พวกเขาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร? ”
“เหมือนว่าฮูหยินเซียวจะรับซื้อผักตี้เอ่อที่บ้านเถ้าแก่เซียวขอรับ” ซ่งฝูกล่าว
ซ่งฉางชิงหันมองไปทางซ่งฝูอย่างฉับพลัน “นางรับซื้อผักตี้เอ่อที่บ้านเซียวเหลียง? ”
ในขณะนั้นเอง ข้างนอกมีบ่าวรับใช้มาเคาะประตู “พี่ฝู ข้างนอกมีคนมาขายผักตี้เอ่อ มีสิบกว่าจิน เราจะรับหรือไม่ขอรับ? ”
ซ่งฉางชิงพยักหน้า ซ่งฝูคำนับก่อนออกไปเพื่อไปดูข้างนอก
ในสถานการณ์ปกติ เซียนจวีโหลวจะไม่รับซื้อของ แต่ผักตี้เอ่อนั้นเป็นข้อยกเว้น เพราะหากเซียนจวีโหลวไม่รับ ภัตตาคารอื่นก็จะรับซื้อ
ขณะนี้อาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่ดึงดูดลูกค้าของเซียนจวีโหลว ซื้อเพิ่มขึ้น ก็จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น
ซ่งฝูมายังสวนด้านหลัง ก็เห็นหญิงชาวบ้านคนหนึ่งยืนอยู่ในสวนด้านหลัง
ด้านหน้ามีตะกร้าวางอยู่สองใบ ในตะกร้าเต็มไปด้วยผักตี้เอ่อ
เมื่อเถียนเอ๋อเห็นคนที่แต่งตัวดีกว่าออกมา ภายในใจก็คาดเดาว่าคนผู้นี้น่าจะเป็นคนดูแล รีบยิ้มพร้อมเดินขึ้นหน้า “นายท่านผู้นี้ ข้าได้ยินมาว่าเซียนจวีโหลวรับซื้อผักตี้เอ่อ ท่านลองดูผักตี้เอ่อของข้า ล้วนเป็นผักที่ข้าและสามีเก็บมาเมื่อวาน ล้างจนสะอาด ไม่มีดินโคลนแม้แต่น้อย ไม่เชื่อท่านลองดูเจ้าค่ะ”
นางหยิบผักตี้เอ่อหนึ่งกำขึ้นมาให้ซ่งฝูดู ล้างจนสะอาดจริง
ซ่งฝูพยักหน้า กล่าวกับคนด้านหลัง “ลองดูว่ามีเท่าไร รับไว้ทั้งหมด! ”
เมื่อเถียนเอ่อได้ยินว่าจะรับซื้อทั้งหมด ก็ดีใจเสียยิ่งกว่ากระไร “ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณท่านมาก…” มีบ่าวรับใช้นำตะกร้าไปชั่งน้ำหนัก เถียนเอ๋อตามอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ฮึ เซียวเหลียงไม่รับซื้อของของข้า นึกว่าข้าขายไม่ออกหรือ! ”
ซ่งฝูที่ยังไม่ได้เดินออกจากสวนด้านหลังหยุดฝีเท้า หันกลับมาเอ่ยถามเถียนเอ๋อ “เจ้ามาจากหมู่บ้านสกุลเซียว? ”
เถียนเอ๋อรีบพยักหน้าราวกับตำกระเทียม “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้ามาจากหมู่บ้านสกุลเซียวเจ้าค่ะ! ”
นางเห็นว่าสีหน้าของซ่งฝูดูไม่ดีนัก นึกขึ้นได้ว่าเซียวเหลียงเปิดร้านน้ำมันอาหารแห้งอยู่ในตัวเมือง ต้องรู้จักกับเซียนจวีโหลวแน่ นางจึงรีบอธิบายด้วยความร้อนรน “นายท่านผู้นี้ เซียวเหลียงไม่รับของของข้า ไม่ใช่เพราะของของข้าไม่ดี แต่เพราะมีเรื่องบางอย่างของเขาที่ข้าทนดูไม่ได้ จึงนำมาขายในตัวเมือง ของของข้าดีมากทีเดียว ไม่เชื่อท่านลองตรวจสอบดูได้เจ้าค่ะ! ”
ซ่งฝูไม่ได้ดูของของนาง แต่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าเซียวเหลียงรับซื้อผักตี้เอ่อของพวกเจ้าที่หมู่บ้านสกุลเซียว? ”
เถียนเอ๋อพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ ได้ยินมาว่าเขาได้ลูกค้ารายใหญ่ ทว่าขณะนี้เขาไม่รับซื้อของข้า ฮึ น่าจะเป็นเพราะข้าพูดแทงใจดำเขา ทำให้เขาอับอายจนโมโห! ”
“ท่านกล่าวอะไรงั้นหรือ? ” ซ่งฝูเอ่ยถาม
เมื่อเถียนเอ๋อเห็นว่าคนดูแลเซียนจวีโหลวพูดคุยกับตนเอง ก็รีบยิ้มด้วยท่าทีประจบประแจง กล่าวอย่างหน้าไม่อาย “ก็เพราะเขาให้นางจิ้งจอกไปช่วยงาน ท่านลองคิดดูว่าให้ใครช่วยก็ไม่ให้ กลับให้เซี่ยยวี่หลัวที่ทำอะไรไม่เป็นไปช่วย เซี่ยยวี่หลัวนั่นนอกจากหน้าตาดี ยังจะทำอะไรเป็น ข้าคิดว่าคงอาศัยใบหน้าของนาง บากหน้าไปขอเป็นอนุเซียวเหลียงอย่างไร้ยางอาย! ”
เมื่อกล่าวถึงเซี่ยยวี่หลัวที่นางโกรธแค้นที่สุด ปากของเถียนเอ๋อก็พล่อยเสียยิ่งกว่ากระไร พูดจาว่าร้ายอย่างถึงที่สุด “ในหมู่บ้านของเรามีนางจิ้งจอกหนึ่งคนแต่งเข้ามา หน้าตาก็งดงามอยู่หรอก ทว่ากลับล่อลวงบุรุษอื่นข้างนอก! ช่วงนี้สามีของนางไปสอบซิ่วไฉในตัวมณฑล นางอยู่ที่บ้านก็ล่อลวงเซียวเหลียง! เซียงเหลียงนั่นท่านรู้จักใช่หรือไม่เจ้าคะ? ”
ซ่งฝูพยักหน้า “รู้จัก! ”
“เซียวเหลียงก็เป็นคนในหมู่บ้านสกุลเซียวของเรา เวลานี้มีฐานะไม่ธรรมดา เปิดร้านน้ำมันอาหารแห้งขนาดใหญ่ เซี่ยยวี่หลัวนั่นไม่อาจทนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากก็บากหน้าไปเป็นอนุเซียวเหลียง ช่างไร้ยางอายเสียจริง! ” เถียนเอ๋อกำลังอัดอั้นใจไม่มีที่ระบาย จึงเอ่ยวาจาเหยียดหยามเซี่ยยวี่หลัวให้ตกต่ำถึงขีดสุดออกมาทั้งหมด
สีหน้าของซ่งฝูไม่เปลี่ยนแปลง เขาเผยรอยยิ้มที่มุมปากอยู่ตลอด เขาเพียงพยักหน้า บ่งบอกว่าตัวเองรู้แล้ว เถียนเอ๋อยังไม่พอใจ จึงกล่าวต่อ “ข้าเพียงกล่าววาจาว่าร้ายเซี่ยยวี่หลัว เซียวเหลียงก็ออกหน้าแทนนาง จงใจลดราคารับซื้อผักตี้เอ่อ ฮึ ข้าเป็นคนมีศักดิ์ศรี ข้าไม่ขายให้เขาหรอกเจ้าค่ะ! ”
ซ่งฝูเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เซียวเหลียงรับซื้อจินละเท่าไร? ”
เถียนเอ่อชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว “จินละสามอิแปะเจ้าค่ะ! ”
ซ่งฝูรู้สึกคาดไม่ถึง ราคาสูงถึงเพียงนั้นเชียว!