หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.415 – อยู่เคียงข้างกัน
“แหล่งกำเนิดของธาตุไฟและทองน่ะ อยู่ภายในนรก 18 ขุม”
“ขณะที่แหล่งกำเนิดธาตุไม้อยู่ในภูเขาล้อมเหล็ก”
“ส่วนแหล่งกำเนิดธาตุน้ำ แน่นอนว่าย่อมต้องอยู่ในสายธารแห่งการหลงเลือน”
“สำหรับแหล่งกำเนิดธาตุดิน จะอยู่ในส่วนของวิหารแห่งวัฏจักร มันคือสถานที่ๆเทพปรภพคอยดูแล จัดการให้เหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในนรกกลับไปเกิดใหม่”
“สถานที่แห่งนั้นอยู่บริเวณตีนเขาของภูเขาล้อมเหล็ก ซึ่งเป็นระยะโจมตีของหอกหลากสี ไม่อาจผ่านเข้าไปได้”
เหล่าสรรพวุธหลากหลายประเภท ทยอยกันพูดออกมา
หลังจากที่กู่ฉิงซานสามารถวางอุบายหอกหลากสี หลอกใช้มันสังหารหมู่เผ่ามารนับสิบนับ นับร้อยล้านตนไป พวกอาวุธก็ได้ยอมรับในความสามารถของเขา
แต่ตอนนี้ ยิ่งพอเขาได้กลายเป็นราชาภูติ และขจัดปัญหาใหญ่ของนรกไปอีกเปราะ
เหล่าสรรพวุธก็ยิ่งเคารพ และเชื่อถือในตัวเขามากยิ่งขึ้น
“แล้ววิหารแห่งวัฏจักร มันอยู่ไกลจากสายธารแห่งการหลงเลือนมากหรือไม่?”
“ไม่ไกลหรอก กล่าวได้ว่ามันอยู่ในขอบชายฝั่งของสายธารเลยล่ะ”
กู่ฉิงซานพอได้ฟัง ก็เบาใจลงเล็กน้อย
แหล่งกำเนิดธาตุดินอยู่บริเวณตีนเขา ขณะที่อีกหนึ่งอยู่ภายในภูเขาล้อมเหล็ก อย่างไรก็ตาม สถานที่ของทั้งสองแหล่งกำเนิดนี้ล้วนถูกปกคลุมอยู่ในระยะโจมตีของหอกหลากสีทั้งสิ้น
ดูเหมือนจะมีบางเรื่องเหมือนกัน ที่ไม่ง่ายจะจัดการ
“ทำไมหรือ? หรือว่าเจ้าจำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้?” ฉานนู่เอ่ยถาม
“ใช่ อันดับแรก เราต้องรวมรวบธาตุทั้งห้าให้ได้เสียก่อน”
“แหล่งกำเนิดของธาตุทั้งห้าจะสามารถจัดการกับหอกหลากสีได้กระนั้นรึ?”
“ข้าคิดว่าข้ามีวิธีที่สามารถจัดการกับมันได้”
เห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของอีกฝ่าย ฉานนู่ก็มิคิดเอ่ยถามสิ่งใดอีก
เพราะตลอดมา ตราบใดที่กู่ฉิงซานบอกว่ามีวิธีการ เขาก็ไม่เคยล้มเหลวมาก่อนเลย
“ธาตุไฟกับธาตุทองอยู่ในขุมนรก เจ้าสามารถใช้ไม้เท้าแห่งการจองจำไปหาพวกมันได้ทันที” เธอกล่าว
“ส่วนแหล่งกำเนิดธาตุน้ำที่อยู่ในสายธารแห่งการหลงเลือน ข้าได้ค้นพบมันตั้งนานแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นข้านี่แหละ ที่นำมันมาใช้รักษาตัว”
กู่ฉิงซาน “เช่นนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปรวบรวมมันมาเถอะ จากนั้นค่อยไปเจอกันที่นรกทะเลเลือด”
“เข้าใจแล้ว”
ฉานนู่คว้าดาบขุนเขาเทวะหกโลกาทะยานตัวออกไป
ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ‘ทรงปัญญา’ ทำให้เธอสามารถเรียนรู้วิธีการบินจากกู่ฉิงซานได้
ขณะเดียวกัน กู่ฉิงซานก็กำไม้เท้าแห่งการจองจำในมือ และหลับตาทั้งสองข้างลงเพื่อที่จะรับรู้ถึงตำแหน่งของเป้าหมาย
และเกือบจะในทันที เขาก็สามารถค้นพบแหล่งกำเนิดธาตุทองจากในนรกถลกหนัง และธาตุไฟจากในนรกกระทะทองแดง
กู่ฉิงซานวาดไม้เท้าแห่งการจองจำออกไป ก่อนที่ทั้งคนทั้งร่างจะหายไปในสถานที่เดียวกัน
แล้วเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ไหนสักแห่งหนึ่งในนรก
ในนรกแห่งนั้น มีปากใหญ่มากมายผุดขึ้นมาจากดิน มันมีหน้าที่คอยกัดกิน ถลกเนื้อหนังของคนตายทุกผู้คนที่ตกลงมายังที่นี่ อย่างไรก็ตาม เมื่อมันเห็นกู่ฉิงซาน มันก็หุบปากลงอย่างแน่นหนาในทันที
กู่ฉิงซานก้มหน้าลง มองไปยังกลุ่มก้อนแสงสีเหลืองทองอันคลุมเครือที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเขา
นี่คือแหล่งกำเนิดของธาตุทอง
และในความเป็นจริงแล้ว มันยังเป็นหนึ่งในสมบัติที่หาได้ยากยิ่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในนรกมิได้มีวิธีการที่จะใช้หลอมกลั่นมัน ดังนั้นเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้หลอมกลั่นย่อมมิต้องกล่าวถึง
ในปรภพ สมบัติส่วนใหญ่นั่นจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือไม่ก็เป็นอาวุธเทวะที่เกิดจากการรวมตัวกันของกฏเกณฑ์
ดังนั้นต้นกำเนิดของธาตุทั้งห้าจึงไม่ได้รับการใส่ใจใดๆจากเหล่าคนตาย
กู่ฉิงซานเก็บเอาแหล่งกำเนิดธาตุทองออกมา
แล้วเขาก็มุ่งหน้าต่อไปยังนรกกระทะทองแดง
สถานที่ซึ่งแหล่งกำเนิดของธาตุไฟ อยู่ลึกลงไปในนรกแห่งนั้น
เมื่อมาถึง เขาก็พบว่ามันเป็นกระทะทอดที่เดือดไปด้วยอุณหภูมิสูง มีแอ่งโค้งลึกลงไปหลายร้อยเมตร เพื่อไว้ใช้ทอดคนตายโดยเฉพาะ
กู่ฉิงซานเรียกคนตายที่ทรงพลังกว่าหลายหมื่นคนมาแล้วสั่งให้พวกเขาดำลึกลงไปยังตำแหน่งที่ซึ่งมีสิ่งของที่ต้องการอยู่
ไม่นานนัก ธาตุไฟก็ถูกค้นพบและนำมามอบมันให้แก่เขา
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากของเจ้า”
กู่ฉิงซานรับเอาแหล่งกำเนิดธาตุไฟมา และกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
“มิกล้า การได้รับใช้ราชาภูติ นับว่าเป็นเกียรติของพวกเราแล้ว”
“ขอเพียงท่านราชาภูติเอ่ยสั่ง พวกเราทุกตนล้วนยินดีเชื่อฟัง”
“และทำตามคำสั่งของราชาภูติ”
เหล่าคนตายตอบอย่างระมัดระวัง
กู่ฉิงซานพยักหน้าและเดินจากไป
เฝ้ามองตัวตนที่ราวกับเทพสังหารเดินจากไปด้วยความพึงพอใจ เหล่าคนตายในนรกกระทะทองแดงก็ต่างพากันถอนหายใจผ่อนคลายลง
กู่ฉิงซานกลับไปยังนรกทะเลเลือด และพบว่าฉานนู่กำลังรอเขาอยู่
“เอ้านี่”
กลุ่มก้อนแสงที่เปล่งประกายและมีกลิ่นอายเย็นชื้นถูกโยนไปทางกู่ฉิงซานโดยฉานนู่
ด้วยเหตุนี้ แหล่งกำเนิดของธาตุทั้งห้าก็ได้ถูกรวบรวมมาได้ 3 ประเภทแล้ว!
ที่เหลืออยู่ก็จะเป็นแหล่งกำเนิดธาตุดิน และแหล่งกำเนิดธาตุไม้
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็มาถึงปัญหาที่ยากจะแก้แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าคงจะหมายถึง วิหารแห่งวัฏจักรอย่างงั้นสินะ?” ฉานนู่เอ่ยถาม
“ใช่ ตำแหน่งของมันตั้งอยู่ใกล้กับตีนเขาของภูเขาล้อมเหล็ก และสามารถถูกหอกหลากสีโจมตีใส่ได้ตลอดเวลา หากมันคิดจะโจมตี” กู่ฉิงซานกล่าว
“เมื่อครู่ข้าพึ่งได้ไปดูมา ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าวว่า มีเฉดเงาหลากสีถูกปลดปล่อยออกมาบ้างเป็นครั้งคราวก็จริง แต่มันมิได้ปกคลุมไปตลอดทั้งภูเขาล้อมเหล็กเหมือนดั่งตอนที่หอกหลากสีทำการล้างบางเผ่ามารอีกแล้ว”
“หากอ้างอิงตามตรรกกะนี้ ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าหอกหลากสีมิได้โจมตีมั่วซั่วอีกต่อไป” วิหคขาวร้องออกมา
“ไม่หรอก ข้าคิดว่าคงจะเป็นเพราะในส่วนพื้นดินเบื้องบนของโลกปรภพน่ะไม่มีอะไรที่มันจะสังหารได้แล้วต่างหาก ดังนั้นมันจึงสงบลง” กู่ฉิงซานกล่าว
สรรพวุธมากมายตกอยู่ในความเงียบ
ใช่แล้วล่ะ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้หรอกว่าหอกหลากสีจะตอบสนองอย่างไร หากมันค้นพบว่ามีคนพยายามที่จะเข้าสู่วิหารแห่งวัฏจักร
หากคิดจะสังหารพวกเขา หอกหลากสีก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายโดยการปลดปล่อยเฉดเงาหอกออกมาจัดการ
กู่ฉิงซานไตร่ตรองสักพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นทันใด “เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคล เจ้าได้ยินข้าไหม?”
แล้วบนศีรษะของเขา ก็ปรากฏตัวเลข ‘0000’ ขึ้นในทันใด
“นายต้องการที่จะปรึกษากระผมเกี่ยวกับเรื่องบาปบุญอย่างงั้นหรือ?” เครื่องจักรคำนวณบุญกล่าว
“ใช่ ข้าอยากจะทราบว่าหลังจากที่ช่วยโลกปรภพแล้ว จะได้รับจำนวนบุญมากมายแค่ไหนกัน”
เสียงของเครื่องคำนวณบุญกลับกลายเป็นร้ายแรง “การช่วยเหลือโลกปรภพจากการล่มสลาย นั่นเทียบเท่ากับการได้ช่วยเหลือทั้งหกวิถีแห่งสังสารวัฏ! เทียบเท่ากับการช่วยทั้งหกโลกและสิ่งมีชีวิตมากมาย! ดังนั้นจำนวนบุญที่จะได้รับจากการช่วยเหลือปรภพ ก็จะมีจำนวนมากพอๆกับเม็ดทรายที่กระจายอยู่ตลอดทั้งสายธารแห่งการหลงเลือน!”
“จำนวนบุญที่จะได้รับจากการกระทำในครั้งนี้ค่อนข้างซับซ้อน กล่าวได้ว่ามันช่างยิ่งใหญ่ และมิอาจประเมินค่าได้”
กู่ฉิงซานเอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วถ้าหากเหล่าคนตายที่กำลังทุกข์ทรมานอยู่ในนรกมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ พวกเขาจะสามารถได้รับบุญหรือไม่?”
“บุญจะได้รับตามผลงานของพวกมัน”
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”
“งั้นกระผมขอตัว”
แล้วเสียงของเครื่องจักรคำนวณบุญก็หายไป
พอมันหายไป ตัวเลข 0000 บนหัวของกู่ฉิงซานก็สาดแสงและหายวับตามไปเช่นกัน
กู่ฉิงซานขบคิดอยู่พักหนึ่ง
เขายกไม้เท้าแห่งการจองจำขึ้น และเริ่มทำการเชื่อมต่อกับนรกทั้ง 18 ขุม
ทันใดนั้นคนตายก็รู้สึกได้ถึงความสนใจที่เพ่งมองมาของราชาภูติ
พวกเขาหยุดทุกการกระทำและเคลื่อนไหว
กู่ฉิงซานกลั้วคอเพื่อจะได้พูดให้มันชัดๆและเปล่งวาจาลั่น “เหล่าคนบาปทั้งหลายจงฟัง”
คนตายจากทั้ง 18 ขุมนรกเริ่มแสดงท่าทีฟังอย่างตั้งใจ
และกู่ฉิงซานก็เริ่มกล่าวกับนรกทั้งหมด
“มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำในตอนนี้”
“และสิ่งนั้นจะช่วยให้พวกเจ้าสามารถขจัดทุกชนิดของความทุกข์ระทม หรือบางทีมันอาจจะช่วยให้สั่งสมบุญได้มากพอ ที่จะใช้กลับไปเกิดใหม่ในโลกอื่นเลยก็ยังได้”
“พวกเจ้าต้องการหรือไม่?”
เหล่าคนตายลังเลไปสักพัก ก่อนที่บางตนจะค่อยๆเริ่มตอบสนอง
“ต้องการ!”
“พวกเราจะเชื่อฟังราชาภูติ”
“วาจาของท่านราชาภูติถือเป็นคำตัดสินสูงสุด!”
คำตอบเหล่านี้แม้จะบางเบาและกระจัดกระจาย แต่คนตายทั้งหมดก็ได้แสดงทัศนคติของพวกเขาออกมาแล้ว
จะอะไรก็ช่าง อย่างน้อยขอแค่พวกตนไม่ต้องไปยั่วยุฆาตกรฆาตกรแสนโหดร้ายที่สังหารคนตายนับพันล้านในคราเดียวคนนี้ก็พอแล้ว
ทุกคนกำลังคิดเช่นนั้น
จู่ๆกู่ฉิงซานก็วาดไม้เท้าออกไปอีกครั้ง ส่งผลให้เหล่าคนตายได้สติกลับคืน และเริ่มแสดงท่าทีของความหวาดกลัวออกมา
“งั้นก็ดี” เขากล่าว
“ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้าอาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่บ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทุกคนก็รู้ถึงสิ่งหนึ่งอยู่แล้วใช่ไหม นั่นก็คือ … เอาเป็นว่าข้าจะมอบหน้าที่อธิบายให้แก่เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคลก็แล้วกัน”
กู่ฉิงซานเรียกเครื่องจักรคำนวณบุญออกมา
“เครื่องจักรเอ๋ย ข้าใคร่ขอเอ่ยถามหน่อยจะได้หรือไม่ ว่าคนตายจะต้องได้รับบุญเท่าไหร่กัน จึงจะสามารถหลุดพ้นจากมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทมนี้และไปเกิดใหม่ในโลกอื่นๆได้”
เครื่องจักรคำนวณบุญกล่าว “คนตายที่เข้าสู่นรก ย่อมแน่นอนว่าบุญของมันจะเป็น – (ลบ) ด้วยเหตุเพราะทำชั่วมามากเกินไปในช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่”
“ยิ่งทำความชั่วร้ายมากเพียงใด ตัวเลขที่เป็น – (ลบ) ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
“แต่เมื่อได้มาทนทุกข์ทรมานในนรกแห่งนี้ ตัวเลขบุญที่เป็น – ก็จะค่อยๆลดหลั่นลง และเมื่อบุญเหลือ 0 หรือเป็น + คนตายในนรกจึงจะสามารถไปเกิดใหม่ได้”
เครื่องจักรคำนวณบุญกำลังชี้แจงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
นี่คือสามัญสำนึกที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วกันในนรก และคนตายทุกคนต่างก็ล่วงรู้เรื่องนี้
ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขามักจะเงยหน้าขึ้นมองเลขบุญอยู่บ่อยๆ เพื่อดูว่าพวกเขาจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานจากในนรกไปอีกนานแค่ไหนกัน
กู่ฉิงซานเอ่ยถามอีกครั้ง “ดังนั้น ตอนนี้ข้าเลยมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะให้พวกเขาทำ”
เขาเอ่ยถามอีกครั้งเกี่ยวกับการช่วยเหลือโลกปรภพ
เครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคลก็เอ่ยคำตอบเช่นเดียวกันกับคราก่อน
เหล่าคนตายพอได้ฟัง ในแววตาของพวกมันก็เกิดประกายขึ้นทันใด
เครื่องจักรคำนวณบุญจะไม่มีทางโกหก
นี่มันเป็นเรื่องจริง!
หากว่าการลงมือทำเจ้าสิ่งที่ราชาภูติว่ามาได้รับผลประโยชน์มหาศาลขนาดนี้จริงๆแล้วล่ะก็ ไม่ต้องให้ราชาภูติเอ่ยสั่งหรอก เหล่าคนตายก็ล้วนเต็มใจที่จะทำอยู่แล้ว
คนตายน่ะ คิดจะหนีออกจากนรกอยู่ทุกช่วงเวลา พวกเขาปรารถนาที่จะเป็นอิสระจากทุกชนิดของการถูกลงโทษ!
“ดีมาก ข้าได้เอ่ยถึงข้อสงสัยของตนเองแล้ว เจ้าสามารถไปได้” กู่ฉิงซานกล่าว
แล้วเสียงของเครื่องจักรคำนวณบุญส่วนบุคคลก็หายไป
กู่ฉิงซานหันมาเผชิญหน้ากับนรกทั้งหมดอีกครั้ง และกล่าวออกมาว่า “ข้าจะต้องเข้าร่วมการช่วยเหลือโลกปรภพอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีคนให้ความร่วมมือหรือไม่ก็ตาม ทว่า หากพวกเจ้าเองก็คิดจะร่วมมือด้วย ข้าก็ขอรับประกันว่าผลบุญที่พวกเจ้าจะได้รับ มันย่อมมากพอที่จะให้พวกเจ้าได้หลุดพ้นจากนรกอย่างแน่นอน หากไม่เชื่อคำข้า พวกเจ้าก็สามารถตรวจสอบดูเลขบุญของตนเองได้ตลอดเวลา”
“ดังนั้น ข้าจะขอถามย้ำอีกรอบ พวกเจ้ายินดีที่จะทำตามคำสั่งของข้าในเรื่องนี้หรือไม่?”
“ยินดี!”
“แน่นอนว่าย่อมยินดี!”
“เชื่อฟังราชาภูติ! ปฏิบัติตามคำสั่งราชาภูติ!”
“ได้ออกจากมหาสมุทรแห่งความขมขื่นนี้ ไม่มีผู้ใดหรอกที่ไม่ต้องการ!”
“ข้ายินดีและต้องการที่จะทำมัน ขอท่านราชาภูติโปรดเอ่ยบัญชาด้วย”
กู่ฉิงซานวาดไม้เท้าแห่งการจองจำออกไป ส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ
“ข้าขอประกาศล่วงหน้านะ ว่าถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นอมตะ แต่การเข้าร่วมการช่วยเหลือโลกปรภพในครั้งนี้มันจักทำให้พวกเจ้าต้องตกตายลงซ้ำๆนับครั้งไม่ถ้วน”
“เจ้าจะถูกสังหารหลายครั้งหลายคราโดยสิ่งประดิษฐ์เทวะที่แสนร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง”
เขากำลังกล่าวถึงหอกหลากสี
ทันใดนั้นเอง หนึ่งในคนตายก็ร้องตะโกนออกมา “หากต้องถูกสังหารลงทันที โดยแค่เจ็บปวดเพียงครั้งเดียว เมื่อเทียบเปรียบกับที่ต้องทนทุกข์ทรมานในนรกที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นใจลงเมื่อใด นั่นมันนับว่าเป็นความสุขยิ่ง! ท่านราชาภูติ โปรดทรงบอกมาเถิด แล้วพวกเราจะเร่งทำตามคำท่านโดยไม่คิดรีรอใดๆ”
“ใช่ พวกเราน่ะคือคนตาย และได้รับความเจ็บปวดจากการโดนลงโทษด้วยความทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ต่อให้พวกเราจะต้องตายซ้ำๆ มันก็ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด”
“หากข้าสามารถสั่งสมบุญจนกระทั่งได้ไปกำเนิดใหม่แล้วล่ะก็ ต่อให้ต้องตาายอีกหลายร้อยครั้ง ข้าก็ไม่หวาดเกรง!”
“โปรดสั่งข้ามาโดยเร็วเถิด”
“พวกเรายินดีจะฟังคำท่านราชาภูติ”
เสียงตอบสนองเริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ
ในท้ายที่สุด ตลอดนรกทั้ง 18 ขุม เหล่าคนตายทั้งหมดหมดก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ขอทรงบัญชา!”
“ขอทรงบัญชา!”
“ขอทรงบัญชา!”
กู่ฉิงซานที่รู้สึกได้ถึงฉากนี้ผ่านไม้เท้าแห่งการจองจำก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย และกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี งั้นโปรดรอสักครู่ ประเดี๋ยวพวกเราจะมาเริ่มดำเนินแผนการขั้นต่อไปกัน”
ว่าจบ เขาก็ตัดการเชื่อมต่อกับคนตายชั่วคราว
ฉานนู่ที่เฝ้ามองกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้น หันไปกล่าวกับเขาด้วยความงงงวย “นายน้อย ข้าไม่กระจ่างนัก”
“ไม่กระจ่างในสิ่งใด?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนหน้านี้ที่มนุษย์ปีศาจมิได้ฟังคำเจ้า เจ้ากลับถึงขั้นวาดไม้เท้า ใช้ออกด้วยเทคนิคลับสังหารหมู่มนุษย์ปีศาจในนรกขย้ำไปนับพันล้านจิตวิญญาณ ”
“อ่าฮะ”
“แต่พอเป็นยามนี้ ทั้งๆที่เจ้าได้เชือดไก่ให้ลิงดูไปแล้ว สามารถข่มขู่คนตายและเอ่ยบัญชาทั้ง 18 นรกให้เชื่อฟังได้โดยง่าย แล้วเหตุใดจึงไม่ทำเช่นนั้น?”
“อันที่จริงจะทำแบบนั้นก็ได้”
“เพราะเหตุใดกันเจ้าถึงต้องใช้เวลามากมายมาอธิบายเรื่องราวพวกนี้ให้พวกเขาฟัง แถมยังส่งบุญให้พวกเขาอีก?”
กู่ฉิงซาน “คนตายทั้ง 18 ขุมนรกน่ะมีความคิดฝังหัวว่าพวกเขาเป็นอมตะ ดังนั้นข้าจึงเสนอความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้น เพื่อให้พวกเขาทำงานบางอย่าง”
“และเมื่อพวกเขาบรรลุตามแผนการที่ข้าวางเอาไว้ พวกเขาก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ดี และการที่พวกเขาได้ไปเกิดใหม่ นั่นก็เป็นเป้าหมายของข้าเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงยุติธรรม”
ฉานนู่ตระหนักถึงความหมายของฝ่ายตรงข้าม เธอจึงเอ่ยถามออกไปว่า “เจ้ากำลังจะทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอย่างเท่าเทียมใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“เจ้ามีอำนาจที่สามารถกุมชีวืตและความตายของพวกเขาอยู่ในกำมือ และสามารถเอ่ยบัญชาพวกเขาได้อย่างชัดเจน”
“ฉานนู่เอ๋ย ที่เจ้าว่ามานั่นมิใช่คำสั่ง แต่มันคือการข่มขู่”
“แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าก็ได้สังหารมนุษย์ปีศาจทั้งหมดในนรกขย้ำ ..”
“นั่นเพราะพวกเขาไม่สำนึกกลับใจ และยังคงคิดแสวงหาความสุขจากการสังหารคน กระทำบาปร้ายแรงอย่างต่อเนื่อง – ข้าจึงต้องสังหารพวกเขา”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ขณะที่นรกอีกสามขุมหยุดมือ ฉะนั้นข้าจึงให้โอกาสพวกเขากลับใจ”
“แต่เมื่อครู่นี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า -”
“ครานี้กับคราก่อนมันแตกต่างกัน” กู่ฉิงซานขัดจังหวะเธอและเอ่ยอธิบายอย่างอดทน “ทุกสิ่งอย่างล้วนมีเหตุและผลในตัวมันเอง ละไว้แต่เพียงสิ่งชั่วร้าย การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมนี้ก็เช่นกัน กฏเกณธ์แห่งมันตรงกันกับเจตจำนงแห่งผู้ฝึกดาบ”
เขาลูบหัวไม้เท้าแห่งการจองจำเบาๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “การข่มขู่ผู้อ่อนแอด้วยชีวิตน่ะ อาจจะมีหลายผู้คนที่กระทำเช่นนั้น ทว่าสำหรับเจตจำนงของผู้ฝึกดาบแล้ว ย่อมไม่อาจยอมรับสิ่งนั้นได้”
“นี่มันเป็นสิ่งที่ขัดกับมโนธรรมในจิตใจของตนเอง”
ขณะที่กำลังฟัง สายตาของฉานนู่ก็ค่อยๆเคลื่อนไปยังร่างกายของกู่ฉิงซานอย่างช้าๆ บังเกิดความรู้สึกลึกล้ำขึ้นในจิตใจของเธอ
แต่เดิม …. แท้จริงแล้วกลับกลายว่าเป็นเช่นนี้ …
ทันใดนั้นเธอก็โค้งกายคารวะลง
“พอได้ยินและได้เห็นถึงทัศนคติเช่นนี้จากนายน้อยข้าก็วางใจ นับจากนี้ไปในอนาคต ข้า-ฉานนู่ ยินดีที่จะอยู่เคียงข้าง ร่วมทุกข์สุขไปด้วยกันกับท่าน!”