บทที่ 118 ถูกคนมองข้าม

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

“ข้าต้องการเกาะโดดเดี่ยว ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น บนเกาะต้องมีทิวทัศน์งดงาม ทางที่ดีมีน้ำพุร้อนหรือน้ำพุวิญญาณ บนเกาะไม่มีตึกเก่า ข้าค่อนข้างชอบสถานที่ซึ่งไม่เคยมีคนอยู่มาก่อน” จินเฟยเหยาเอ่ยถึงความต้องการของตนเองอย่างวางอำนาจว่าร่ำรวย เห็นในดวงตาของผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้เป็นประกาย นางก็แอบยินดี ดูไม่ออกว่าข้ามีศิลาวิญญาณสินะท่าทีต้องดีขึ้นหน่อยแน่

จริงเสียด้วย ผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้ลุกขึ้นทันที เดินเข้ามารับหน้าอย่างกระตือรือร้น เดินนำจินเฟยเหยามานอกห้อง ชี้แผนที่เมืองวั่นเซียนสุ่ยด้านล่างพลางเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส เกาะที่ท่านบอกมีหลายแห่งที่มีที่ตั้งและปราณวิญญาณคุณภาพชั้นยอด จนถึงตอนนี้บนเกาะยังไม่มีผู้บำเพ็ญเซียนเคยอยู่มาก่อน ต้องเป็นครั้งแรกแน่นอน”

“อยู่ที่ใด ข้าจะเปรียบเทียบหน่อย ดูว่าเกาะใดจะต้องใจข้า” จินเฟยเหยายื่นตัวมองลงไปอย่างสนอกสนใจ เงื่อนไขที่ตนเองตั้งทารุณโหดร้ายถึงปานนั้น ก็มีเกาะที่ตรงกับเงื่อนไขด้วย โชคดีจริงๆ

“ผู้อาวุโสเชิญดู นี่คือเกาะสุ่ยเยวี่ย กินพื้นที่สามสิบหมู่ มีน้ำพุร้อนแห่งหนึ่ง อีกทั้งปราณวิญญาณบนเกาะกลายเป็นพืชและดอกไม้มากมาย เกาะคู่ยวนยางทางนั้น รูปแบบไม่เลว ตรงกลางถูกน้ำในทะเลสาบกั้นสามจั้ง ถึงแม้ตรงกลางจะมีสะพานเชื่อม ทว่าไม่มีผลกระทบต่อกันเด็ดขาด ตอนนี้บนเกาะเพศเมียมีผู้บำเพ็ญเซียนอาศัยอยู่แล้ว ทว่าบนเกาะเพศผู้ยังว่าง น้ำพุร้อนและปราณวิญญาณล้วนมีทั้งหมด ทั้งยังมีหาดทรายอันงดงามแห่งหนึ่ง ที่นี่ไม่ใช่ทะเล กลับมีทรายสีขาวอันอ่อนนุ่ม เป็นสถานที่อันงดงามอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง”

เห็นผู้บำเพ็ญเซียนตึกซ่างเซียนคนนี้ ใช้นิ้วชี้ไปที่จุดว่างเปล่าทางด้านล่าง เกาะทั้งหมดที่เขาชี้เบื้องหน้าจินเฟยเหยาพลันขยายใหญ่ขึ้น แสดงทิวทัศน์ทั้งเกาะในความว่างเปล่าให้จินเฟยเหยาเห็นอย่างชัดเจน

จินเฟยเหยามองซ้ายมองขวา ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเกาะสุ่ยเยวี่ยหรือเกาะคู่ยวนยางดี เกาะสุ่ยเยวี่ยไม่เลว แต่เกาะคู่ยวนยางก็ดีกว่านิดหน่อย เพียงแต่ข้างๆ มีคนอาศัยอยู่แล้ว ครุ่นคิด นางเอ่ยถามอย่างลำบากใจ “ยังมีเกาะอื่นๆ อีกหรือไม่?”

“ยังมีอีกเกาะ เพียงแต่บนนั้นมีบ้านเก่าที่ผู้บำเพ็ญเซียนคนก่อนทิ้งไว้ เกรงว่าผู้อาวุโสจะไม่พอใจดังนั้นจึงไม่ได้นำมาให้เลือก” ผู้บำเพ็ญเซียนของตึกซ่างเซียนชี้ด้านล่างอีกครั้ง เกาะที่มียอดเขาเล็กๆ แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้า

“เกาะสุ่ยฉา บนเกาะมีน้ำตกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ส่วนบ้านเก่าก็สร้างบนยอดเขา หลังจากผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้อยู่ครบระยะเวลาเช่า ก็ไม่ได้เช่าต่อ” ฟังการแนะนำของผู้บำเพ็ญเซียน ในใจจินเฟยเหยาก็พอใจเกาะแห่งนี้อย่างยิ่ง บ้านที่สร้างบนยอดเขา งดงามทั้งยังไม่สูญเสียความอิสระ งดงามอย่างยิ่ง

“สามเกาะนี้แต่ละเกาะค่าเช่าเท่าใด ข้าขอดูหน่อยว่าเกาะไหนคุ้มค่ากว่า” นางมองเกาะทั้งสามด้วยรอยยิ้มปริ่ม เอ่ยถามโดยไม่ได้คิดมาก

“ผู้อาวุโสยังอยู่ขั้นสร้างฐาน ดังนั้นตามกฎเกณฑ์ของพวกเราคือเช่าครั้งละห้าสิบปี ค่าเช่าเกาะสุ่ยฉาคือหกหมื่นห้าพันศิลาวิญญาณชั้นกลาง ส่วนเกาะคู่ยวนยางแค่ครึ่งเกาะดังนั้นเพียงสี่หมื่นสองพันศิลาวิญญาณชั้นกลาง ค่าเช่าเกาะสุ่ยเยวี่ยก็ใกล้เคียงกัน เพียงห้าหมื่นศิลาวิญญาณชั้นกลาง ไม่ทราบท่านเซียนถูกใจเกาะใด?” ผู้บำเพ็ญเซียนตึกซ่างเซียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มแฉ่ง

จินเฟยเหยาเกือบหลุดปากด่าทอออกมา ราคาแค่นี้ที่ไหน ราคาสูงเกินจริงมากไปแล้ว นางรีบแปลงราคาในใจอย่างรวดเร็ว เกาะสุ่ยเยวี่ยห้าล้านกว่าศิลาวิญญาณชั้นล่าง นี่ก็สูงเกินจริงมากไป ถึงตนเองจะมีศิลาวิญญาณมากมาย ทว่าที่แท้มีมากเพียงใดนางไม่เคยนับมาก่อน ตัวเลขหลักล้านนั่นต้องกองสูงเท่าใด ไม่รอให้จินเฟยเหยาคำนวณกระจ่าง ก็ได้ยินผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ดังเดิม “สามเกาะนี้รับเพียงศิลาวิญญาณชั้นกลางหรือศิลาวิญญาณชั้นบน ไม่รับศิลาวิญญาณชั้นล่าง”

“อะไรนะ ไม่รับศิลาวิญญาณชั้นล่าง?” จินเฟยเหยาคิดถึงโอกาสที่ฝนตกเป็นศิลาวิญญาณถูกผู้บำเพ็ญเซียนของตึกซ่างเซียนโจมตีทำลายไปอย่างง่ายดายเช่นนี้

ราวกับผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้คาดเดาได้ว่าจินเฟยเหยาไม่มีศิลาวิญญาณชั้นกลางมากมายถึงปานนั้น จึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “เนื่องจากค่าเช่าของเกาะเหล่านี้มีราคาแพง ถ้าเก็บเป็นศิลาวิญญาณชั้นล่าง ปริมาณที่แปลงเป็นศิลาวิญญาณชั้นล่างมหาศาลเกินไป ดังนั้นสถานที่อื่นๆ ในเมืองวั่นเซียนสุ่ยก็เช่นเดียวกัน สิ่งของที่มีราคาแพงล้วนใช้ศิลาวิญญาณชั้นล่างหรือชั้นบนชำระบัญชี”

มีศิลาวิญญาณชั้นล่างหนึ่งพื้นที่มิติ กลับจ่ายแม้แต่ค่าเช่าเกาะราคาห้าหมื่นศิลาวิญญาณชั้นกลางไม่ได้ ถึงแม้จะนึกถึงเรื่องนี้ได้ จินเฟยเหยาก็ยังเอ่ยถามอย่างไม่ยินยอม “ไม่ทราบว่าในเมืองวั่นเซียนสุ่ยมีสถานที่ใช้ศิลาวิญญาณชั้นล่างแลกเปลี่ยนศิลาวิญญาณชั้นกลางหรือไม่”

หลังจากถามออกไป จินเฟยเหยาก็เตรียมถูกคนเย้ยหยัน คนของตึกซ่างเซียนมีคุณสมบัติสูงยิ่ง ผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้ไม่เผยสีหน้ามองดูคนโง่งมแม้แต่น้อย ทว่ายังตอบอย่างมีมารยาทดังเดิม “ในเมืองวั่นเซียนสุ่ยไม่มีร้านเช่นนี้ แต่ถ้าท่านเซียนมีศิลาวิญญาณชั้นกลางไม่มากพอ ก็สามารถดูเกาะเล็กๆ ที่ใช้ศิลาวิญญาณชั้นล่างเช่าได้ เกาะโดดเดี่ยวก็มี เพียงแต่อาจจะด้อยกว่าเกาะเหล่านั้นสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเท่าใด”

“ก็ได้” จินเฟยเหยาตอบรับอย่างท้อแท้ เกาะที่สามารถใช้ศิลาวิญญาณชั้นล่างจ่ายค่าเช่าได้ ต้องเป็นเกาะที่มีปราณวิญญาณไม่เพียงพอ และทั้งเก่าทั้งโทรมแน่

จริงเสียด้วย ผู้บำเพ็ญเซียนตึกซ่างเซียนนำเกาะโดดเดี่ยวออกมา ล้วนเป็นพื้นที่รกร้าง มีเพียงพุ่มไม้บางตา จินเฟยเหยามองผู้บำเพ็ญเซียนคนนิ้อย่างไม่พอใจ นี่มันสถานที่อะไรกัน หมู่บ้านบนเกาะเซี่ยชียังดีกว่าเกาะเหล่านี้มากนัก

ถูกนางถลึงตาใส่อย่างดุร้าย ผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้รู้สึกละอายอยู่บ้าง ค้นหาบนเกาะด้านล่าง ทันใดนั้นก็ยินดี กดเปิดเกาะหนึ่งพลางเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ที่นี่เป็นอย่างไร? เกาะเซียนถ่ง ข้าเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าที่นี่ยังมีเกาะนี้เพียงแต่ตำแหน่งค่อนข้างห่างไกลหน่อย”

พอจินเฟยเหยามองเกาะนี้ ได้มาตรฐานทั่วไป พื้นที่ห้าสิบกว่าหมู่ บนเกาะมีบ้านพักท่าทางไม่เลว รอบด้านเป็นหญ้าสีเขียวราวกับฟูก มีดอกไม้ต้นไม้เจริญเติบโตอยู่จำนวนไม่น้อย ในที่สุดก็พบเกาะที่ถือว่าปกติ นางกำลังคิดจะเอ่ยปากถาม ว่าค่าเช่าเกาะนี้ห้าสิบปีราคาเท่าไร ด้านข้างมีเสียงบุรุษดังมาตัดบทนาง

“ข้าเอาเกาะเซียนถ่ง ไปดำเนินการ”

“เอ๋?” จินเฟยเหยาหันหน้าไปมอง ไม่รู้ว่าด้านหลังนางมีคนเพิ่มมาสี่ห้าคนเมื่อใด ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานช่วงปลายสวมชุดล้ำค่าเป็นประกายศีรษะสวมหมวกสีม่วงคนหนึ่งมือโอบสตรีทรงสเน่ห์ กำลังหยอกล้อกันเบาๆ ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณช่วงปลายคนหนึ่งด้านหลังเขา ก็ตามพวกเขาขึ้นตึกซ่างเซียนไปดำเนินการ

“สหายเซียนท่านนี้ ข้าเห็นเกาะเซียนถ่งก่อน เชิญเจ้าเลือกเกาะอื่น” จินเฟยเหยาไม่พอใจ ทว่ายังเอ่ยกับผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้อย่างนุ่มนวล

บุรุษผู้นั้นไม่สนใจจินเฟยเหยา ยังคงโอบสตรีผู้นั้นหยอกล้อดังเดิม “คนงามของข้า เจ้าพอใจเกาะนี้หรือไม่?”

“ต่อให้ดีแล้วเป็นอย่างไร เจ้าคิดจะเลี้ยงข้าไว้ข้างนอกชัดๆ ข้าอยากแต่งให้กับเจ้า ไม่ใช่เป็นบ้านเล็กบ้านน้อย ข้ายินดีตามเจ้ากลับไปมากกว่า ต่อให้เป็นอนุภรรยาข้าก็ยินยอม” สตรีผู้นี้เพิ่งมีพลังบำเพ็ญเพียรขั้นฝึกปราณช่วงปลาย ยามนี้กำลังทำปากยื่น มีสีหน้าไม่พอใจ

ที่แท้เช่าเกาะเลี้ยงอนุภรรยา ใจกว้างจริงๆ แค่ขั้นฝึกปราณช่วงปลายก็มือเติบแบบนี้ ถ้าเป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานยังพอไหว จินเฟยเหยามองด้วยสายตาเย็นชา ในใจประหลาดใจ ที่นี่ยังเลี้ยงบ้านเล็กบ้านน้อยไว้ข้างนอก ถ้าเป็นโลกหนานซานคงพากลับบ้านทันที

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่พาเจ้ากลับไป เจ้ามิใช่ไม่รู้จักภรรยาดุร้ายคนนั้น ถ้าให้นางรู้เข้าจะเล่นสกปรกกับเจ้า ผู้อาวุโสในตระกูลก็ลำเอียงเข้าข้างนาง ข้าปกป้องเจ้าไม่ได้” บุรุษผู้นี้มองสตรีด้วยสีหน้าลึกซึ้งทำให้จินเฟยเหยาขนลุกไปทั้งตัว

เห็นสตรีผู้นี้ยังทำปากยื่น บุรุษก็เอ่ยอีกว่า “งานประมูลเดือนหน้า ข้าจะนำยาสร้างฐานมาให้เจ้า รอเจ้าสร้างฐานแล้ว ก็สามารถพาเจ้ากลับไปอย่างสง่าผ่าเผยได้”

สตรีดวงตาเป็นประกาย เงยหน้าแสร้งเป็นมีโทสะพลางเอ่ย “ที่ท่านพูดเป็นความจริง?”

“จริงแท้แน่นอน คนดีของข้า คราวนี้ไม่โกรธแล้วสินะ”

ฟังคำสนทนาของทั้งสองคน จินเฟยเหยาก็รู้สึกปั่นป่วนในท้อง อยากจะอาเจียนอย่างยิ่ง คำพูดของตนเองถูกบุรุษคนนี้ถือเป็นลมพัดผ่านหู ได้แต่พูดเสียงดังขึ้นอีก “สหายเซียนท่านนี้ ข้าเห็นเกาะเซียนถ่งก่อน”

“เจ้าเป็นใคร?” ครั้งนี้ในที่สุดก็ได้ยิน บุรุษเงยหน้าขึ้นมองจินเฟยเหยา เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

“ข้ามาเลือกเกาะก่อน เกาะที่เจ้าเพิ่งเลือกไปข้าหมายตาไว้…” ไม่รอให้จินเฟยเหยาเอ่ยจบ คนรับใช้ของบุรุษผู้นั้นก็ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย จากนั้นบุรุษผู้นี้ก็สนใจแต่เรื่องของตนเอง โอบกอดสาวงามนำข้ารับใช้ลงจากตึกไป

จินเฟยเหยามองพวกเขาลงจากตึกไปแบบนี้อย่างงุนงง คิดไม่ถึงว่าจะถูกคนมองข้าม เพลิงโทสะของนางลุกโชติช่วง ยกขาคิดจะไล่ตามไป

“ผู้อาวุโสท่านนี้ ท่านอย่าไล่ตามไปเลย คนผู้นี้คือคุณชายเจ้าสำราญในผู้บำเพ็ญเซียน จริงจังกับเขาไปก็ไร้ความหมาย” ผู้บำเพ็ญเซียนของตึกซ่างเซียนที่ยืนอยู่ข้างกายนางมาตลอด รีบก้าวมาห้ามนาง

“เจ้ารู้จักเขา?” จินเฟยเหยาหยุดฝีเท้า ถามผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้ ขอเพียงถามฐานะของคนผู้นี้ให้ชัดเจน ต้องมีสักวันที่จับเขาได้แน่ ตนเองเพิ่งมาที่นี่ ไม่เป็นจุดเด่นจะดีกว่า

เห็นจินเฟยเหยาไม่ได้ไล่ตามไป ผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้ก็โล่งอก ต่อให้จินเฟยเหยาจ่ายด้วยศิลาวิญญาณชั้นกลางไม่ได้ ทว่ายังสามารถทำการค้าด้วยศิลาวิญญาณชั้นล่างได้ ก่อนหน้านี้จงใจนำเกาะที่แย่ที่สุดหลายเกาะให้นาง คิดจะรอตอนนางร้อนใจค่อยนำเกาะที่มีเงื่อนไขดีออกมา ก็สามารถทำให้นางเลือกเกาะได้ด้วยความพอใจอย่างยิ่ง

“คนผู้นี้แซ่พาน เป็นบุตรหลานของตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนขนาดใหญ่และทรงอิทธิพล อสังหาริมทรัพย์จำนวนหนึ่งในสามภายในตึกซ่างเซียนเป็นของตระกูลพวกเขา บนเกาะอื่นๆ ก็มีอสังหาริมทรัพย์มากมาย ภรรยาของเขาเป็นบุตรหลานของตระกูลใหญ่อีกตระกูลหนึ่ง สองตระกูลทรงอิทธิพลเท่าเทียมกัน ก็คือแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ระหว่างกันล้วนๆ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพาสตรีกลับไป เพื่อเลี้ยงอนุภรรยาไว้นอกบ้านจึงซื้อไปสิบกว่าเกาะแล้ว ขึ้นชื่อลือชาอย่างยิ่งในเมืองวั่นเซียนสุ่ย”

จินเฟยเหยาเองก็มาจากตระกูลผู้บำเพ็ญเซียน ถึงตระกูลจะไม่ใหญ่ ทว่าบางเรื่องก็รู้ดี ดังนั้นจึงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “บุตรหลานในตระกูลมีมากมาย เป็นไปได้อย่างไรที่ปล่อยให้เขาเหลวไหลแบบนี้”

“ได้ยินว่าสาขาตระกูลของหัวหน้าตระกูลคนก่อนของตระกูลพานตกต่ำลง ต่อมาสาขาตระกูลของเขาปรากฏผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ จึงปล่อยให้สาขาตระกูลของเขาเป็นหัวหน้าตระกูล อีกทั้งบิดาของเขามีอนุภรรยาหลายสิบคน เตาหลอมมนุษย์นับร้อยคน ก็ให้กำเนิดบุตรชายเช่นนี้เพียงคนเดียว ย่อมต้องประคองไว้ในฝ่ามือ ต้องการอะไรก็ให้สิ่งนั้น ผู้ใดจะควบคุมได้” ผู้บำเพ็ญเซียนคนนี้อธิบายอีกรอบหนึ่ง

เมืองวั่นเซียนสุ่ยไม่มีสำนัก มีเพียงตระกูลผู้บำเพ็ญเซียน เรื่องเหล่านี้แพร่หลายในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียน ทำให้ทุกคนต่างรู้ดี ขอเพียงเป็นผู้บำเพ็ญเซียนที่อาศัยอยู่มานาน สุ่มเลือกมาสักคน ก็สามารถนับได้ว่าในตระกูลใด อนุภรรยาของใครตั้งครรภ์อีกแล้ว ตระกูลใครมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานเพิ่มขึ้นอีก

บรรยากาศของเมืองวั่นเซียนสุ่ย กลมเกลียวเกินกว่าที่จินตนาการไว้