บทที่ 131 เสี่ยวเฉินไปไหนแล้ว

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

[ติ๊ง! ภารกิจเย็บหลอดเลือดประสบความสำเร็จ กระตุ้นทักษะผ่าตัดต่อนิ้ว!]

เฉินชางดีใจขึ้นมาทันที!

ในที่สุดก็มาแล้วหรือ?

ผมต้องวางท่าไปมากขนาดไหน ต้องทนลำบากลำบนมากแค่ไหน มาสักทีเถอะ! ทักษะผ่าตัดต่อนิ้ว!

[ทักษะผ่าตัดต่อนิ้ว: ระดับสูง (เป็นทักษะการผ่าตัดชั้นสาม) ปัจจัยที่ต้องการเพื่อกระตุ้นทักษะ:

  1. ระดับพื้นฐานพัฒนาถึงระดับ 20

  2. มีทักษะการเย็บเส้นเลือดระดับสูง

3.มี ทักษะการเย็บเส้นประสาทระดับสูง

  1. มีทักษะการเย็บเส้นเอ็นระดับสูง!]

[ติ๊ง! กรุณารอจนมีระดับพื้นฐาน 20 ค่อยกระตุ้นทักษะการผ่าตัดต่อนิ้ว!]

ดวงตาของเฉินชางแข็งค้าง เผยท่าทีเศร้าสลดออกมา จากนั้นจึงสูดหายใจลึก

ระบบนี่นะ นับวันก็ยิ่งเอาใหญ่แล้ว ตอนแรกแค่สำเร็จภารกิจทำแผลเย็บแผล คุณก็ให้รางวัลผมมาสองสามอย่าง ตอนนี้ทักษะการผ่าตัดอย่างเดียวก็ต้องให้ผมเตรียมนู่นเตรียมนี่ตั้งสี่เงื่อนไข…

นี่ผมยกมีดไม่ไหวหรือมีดมันบินหนีไปแล้วเนี่ย!

ทางด้านโจวหยาง ในฐานะที่เป็นแฟนคลับหมายเลขหนึ่งที่ได้อยู่ชิดติดขอบเวที เรียกได้ว่ามองเห็นการผ่าตัดเมื่อครู่นี้ชนิดตั้งแต่เริ่มจนจบ กระทั่งอยากดูทุกฉากทุกตอนไม่อยากละสายตาไปไหน ยิ่งตอนนี้เขาเห็นเฉินชางมองไปยังจางเค่อฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเศร้าสลดแล้ว ก็อดทอดถอนใจไม่ได้!

ผู้เชี่ยวชาญเฉินนี่นิสัยดีจริงๆ

มีพร้อมทั้งฝีมือและคุณธรรม!

มีจรรยาบรรณแพทย์และความเมตตาของหมอที่คอยช่วยรักษาผู้คน ทั้งยังมีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมหัศจรรย์

คนแบบนี้ ควรเรียกว่าเป็นบุคคลต้นแบบจริงๆ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ โจวหยางก็หยิบมือถือออกมา อยากแอดเพื่อนกับเฉินชางไว้ ต่อไปจะได้ติดต่อกันให้มากหน่อย

เฉินชางหันมาพอดี โจวหยางตกใจจนหดมือกลับ เกือบทำโทรศัพท์มือถือตกพื้น

เฉินชางมองโจวหยาง พูดยิ้มๆ ว่า “เมื่อครู่ขอบคุณมากนะครับ!”

โจวหยางสั่นหัวระรัว “ไม่ๆๆ คนที่ต้องขอบคุณเป็นผมมากกว่า เมื่อครู่ การผ่าตัดของหมอเฉินเรียกได้ว่าเปิดโลกทัศน์ด้านการเย็บเส้นเอ็นให้ผมเลยนะครับ ส่วนการเย็บเส้นเลือดก็ลื่นไหลคล่องแคล่วมาก คุณแสดงการผ่าตัดที่ยอดเยี่ยมให้พวกเราได้เห็นแล้ว!”

หมอที่อยู่รอบๆ ก็พากันเดินเข้ามาหา “ใช่แล้วครับ หมอเฉินสุดยอดไปเลย!”

หมอ A “ใช่แล้วครับ ได้ยินชื่อเสียงไม่สู้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเราอิจฉาคุณมานานแล้วจริงๆ!”

เฉินชาง “???”

เฉินชางตกตะลึง ผมเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกนะ? จะอวยก็ช่วยใส่ใจหน่อยได้หรือเปล่า?

หมอ B “จริงๆ นะครับ อาจารย์เฉิน พวกเราโตมากับคลิปของคุณเลยนะครับ!”

เฉินชางรู้สึกชาไปถึงหนังศีรษะ…

ทำไมประโยคที่ว่า ‘อาจารย์เฉิน ผมโตมากับคลิปของคุณเลยนะครับ’ มันถึงฟังดูแปลกๆ ล่ะ?

เฉินชางถาม “คลิป? คลิปอะไรครับ?”

ถานจงหลินได้ยินดังนั้นก็ถลึงตาใส่หมอทั้งหลาย มีของให้พวกคุณแอบดูแอบศึกษาก็ดีแล้ว จะพูดออกมาทำไม?!

ถานจงหลินหน้าแดง ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “อ้อ! หมอเสี่ยวเฉิน เป็นแบบนี้น่ะครับ ครั้งที่แล้วผมไปโรงพยาบาลของพวกคุณใช่หรือเปล่า? ผมเห็นการผ่าตัดของคุณพอดีก็เลยขอคลิปจากกล้องวงจรปิดไป ในนั้นมีคลิปการผ่าตัดของคุณอยู่ด้วย ยังไม่ได้ขออนุญาตคุณเลย ขอโทษจริงๆ ครับ!”

เฉินชางได้ยินดังนั้นก็เข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง “ไม่เป็นไรครับ ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกันทั้งนัน ต่อไปยังต้องแลกเปลี่ยนความรู้กันให้มาก”

ทุกคนพยักหน้า “ใช่ๆๆ พวกเราจะเอาอย่างอาจารย์เฉิน!”

เฉินชางดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วจึงรีบบอกลา “ผมต้องกลับโรงพยาบาลแล้วครับ หัวหน้าถาน แล้วก็ทุกๆ คน ถ้ามีโอกาสไว้พบกันใหม่นะครับ”

ถานจงหลินได้ยินก็รีบพูดขึ้นทันที “เดี๋ยวก่อน เสี่ยวเฉิน เดี๋ยวผมไปโรงพยาบาลอันดับสองด้วยกันกับคุณเลย พอดีผมมีธุระกับผู้อำนวยการของพวกคุณนิดหน่อย”

เฉินชางพยักหน้ารับ

ตำรวจหนุ่มเมื่อครู่นี้รออยู่ด้านนอกนานแล้ว

“หมอเฉิน! คุณออกมาแล้ว ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ต่อไปคุณจะเป็นครอบครัวของตำรวจปราบปรามอาชญากรรมของพวกเรา หากมีอะไรคุณก็มาหาพวกเราที่หน่วยปราบปรามอาชญากรรมได้เลยนะครับ” ตำรวจหนุ่มคิดไม่ออกว่าจะพูดขอบคุณเฉินชางอย่างไรจริงๆ

เฉินชางยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ นี่คืองานของพวกเราอยู่แล้ว”

พูดจบเฉินชางก็เดินจากไป ตำรวจหนุ่มรีบพูดขึ้นว่า “ให้ผมไปส่งนะครับหมอเฉิน”

เฉินชางชะงักเล็กน้อย “นี่…ไม่ถือว่าเป็นภารกิจนะครับ? ใช้รถตำรวจได้หรือ?”

ตำรวจหนุ่มส่ายหน้า “นี่ก็เป็นภารกิจครับ!”

……

……

หลี่เจี้ยนเหว่ยและหัวหน้าแผนกหลายคนประชุมกันอยู่ในห้องมาตลอดทั้งเช้า เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบบาดเจ็บน้อย

หลังเสร็จสิ้น หลี่เจี้ยนเหว่ยก็พูดขึ้นว่า “เป่าซาน ไปเถอะ รีบไปดูที่แผนกฉุกเฉินกันหน่อย”

เถามี่พยักหน้า “ใช่แล้ว ผมก็อยากไปดูเหมือนกันว่าเฉินชางกำลังทำอะไรอยู่?”

จางโหย่วฝูไม่พูดอะไร เดินตามหลังทุกคนไปเงียบๆ ทำให้หลี่เป่าซานโกรธจนถลึงตาใส่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างไรเสียคุณก็ไล่คนอื่นไปไม่ได้จริงๆ

พวกเขาเดินมาด้วยกันจนมาถึงชั้นหนึ่งของแผนกฉุกเฉิน

หลี่เป่าซานพาหลี่เจี้ยนเหว่ยและคนอื่นๆ รวมทั้งหมดสี่คนไปเยี่ยมชมแผนก “ตอนนี้จำนวนคนที่มาเข้ารับการรักษาในแผนกฉุกเฉินมีมากกว่าหนึ่งร้อยคนต่อวัน แม้จะสู้โรงพยาบาลเก่าแก่อย่างโรงพยาบาลตงต้าไม่ได้ แต่ระดับการเติบโตก็นับว่าใช้ได้เลยทีเดียวครับ”

หลี่เจี้ยนเหว่ยพยักหน้า “เป็นผลงานความลำบากของหัวหน้าแผนกหลี่ทั้งนั้น!”

แม้จางโหย่วฝูจะมีอคติกับหลี่เป่าซาน แต่กลับไม่เคยสงสัยในความสามารถของหลี่เป่าซานแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ผลงานนี้ก็คือความจริง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วการพัฒนาแผนกฉุกเฉินยากกว่าการพัฒนาแผนกอื่น และเติบโตช้าที่สุดด้วย

ประการแรกเป็นเพราะแผนกฉุกเฉินบ่มเพาะบุคคลผู้มีความสามารถได้ค่อนข้างยาก! เพราะโรคในแผนกฉุกเฉินค่อนข้างสับสนยุ่งเหยิง ไม่ว่าโรคอะไรก็มีทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นหมอแผนกฉุกเฉิน หากคุณไม่มีศักยภาพเลยสักนิด และไม่มีความมั่นใจโดยสิ้นเชิง เมื่อเห็นผู้ป่วยคุณก็กระสับกระส่ายแล้ว

ไม่เหมือนกับแพทย์ในแผนกเฉพาะทาง โรคที่รักษาล้วนอยู่ในประเภทเดียวกันจึงบ่มเพาะผู้มีความสามารถได้อย่างมั่นคง ทำให้เกิดหมอที่ดีหรือหมอที่มีฝีมือยอดเยี่ยมได้ง่าย

หลังจากเยี่ยมชมแผนกไปพักหนึ่ง หลี่เจี้ยนเหว่ยก็รู้สึกเบื่อหน่าย เมื่อคิดให้ดี พบว่าตนอยากมาเยี่ยมชมเฉินชางต่างหาก!

“ใช่แล้ว เสี่ยวเฉินล่ะ? ทำไมไม่เห็นเสี่ยวเฉินเลย?” หลี่เจี้ยนเหว่ยถามไปตามใจ

หลี่เป่าซานถอนใจ พวกคุณนี่นะ รู้อยู่แล้วว่ามีเจตนาไม่ดี มาแผนกฉุกเฉินของผมไม่ได้คิดมาเยี่ยมชมการทำงานของแผนกฉุกเฉินเลย เห็นได้ชัดว่าอยากมาเจอเฉินชางต่างหาก

เมื่อคิดถึงตรงนี้หลี่เป่าซานก็ส่ายหน้า “เดี๋ยวผมถามให้นะครับ”

หลี่เป่าซานเดินไปที่ห้องทำงานของหมอ “เสี่ยวเฉินไปไหนแล้ว?”

ปกติหมอในแผนกฉุกเฉินไม่ค่อยนั่งนิ่งๆ ในห้องทำงาน เพราะทุกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวายทั้งวัน หากไม่อยู่ที่ห้องผ่าตัดก็อยู่ที่ห้องปฏิบัติการ มีเวลานั่งอยู่ในห้องทำงานเฉยๆ ไม่มากนัก

ตอนนี้ในห้องทำงานมีหยวนฟางอยู่คนเดียว

หยวนฟางเป็นนักศึกษาปริญญาโท หลังจากเรียนจบก็สอบบรรจุไม่ติด จึงใช้เส้นสายเข้ามาเป็นพนักงานสัญญาจ้างในโรงพยาบาลอันดับสอง และถูกจัดแจงให้อยู่ในแผนกฉุกเฉิน

เขาได้สวัสดิการด้านต่างๆ ดีกว่าพนักงานชั่วคราวอย่างหวังหย่งและเฉินชางมาก เพราะจะอย่างไรก็ยังได้โบนัส

แต่หากเทียบกับหวังเชียนและฉินเยว่ก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย เพราะสองคนนั้นได้สวัสดิการห้าอย่าง ส่วนตนได้สวัสดิการสามอย่าง หลังจากกินโบนัสไปสามปีก็ถือว่าเท่าเทียมกัน

โรงพยาบาลอันดับสองให้สวัสดิการกับพนักงานสัญญาจ้างไม่เลวเลยจริงๆ ส่วนคนที่เต็มใจมาเป็นพนักงานชั่วคราวอยู่ที่นี่ทั้งๆ ที่การงานก็ต่างกันไม่มากเป็นเพราะอยากหาโอกาสติดตามหมอมีชื่อเสียงทั้งหลาย

หลี่เป่าซานเห็นหยวนฟางก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวหยวน? คุณเห็นเฉินชางหรือเปล่าครับ?”

หยวนฟางลังเลเล็กน้อย “หัวหน้าแผนก…ดูเหมือนเสี่ยวเฉินออกไปข้างนอกแล้วครับ”

หลี่เป่าซานชะงักไปทันที “ออกไปแล้ว? ออกไปไหน?”

หยวนฟางส่ายหน้า “ผมไม่แน่ใจครับ ผมไม่ได้ถามให้ละเอียด แต่ตอนเขาออกไปผมเห็นเขาถอดเสื้อกาวน์ออกก่อนแล้วค่อยไป คงไม่อยู่ที่โรงพยาบาลหรอกครับ เห็นเขามีท่าทีรีบร้อนคงมีธุระข้างนอกมั้งครับ…เขาไม่ได้โทรบอกคุณหรือ?”

หลี่เป่าซานชะงักไป หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู เห็นมีสายไม่ได้รับอยู่สายหนึ่ง เป็นสายของเฉินชาง

เจ้าเด็กนี่ไปไหนแล้ว?

หลี่เป่าซานมองไปยังหยวนฟางด้วยท่าทีคล้ายกำลังใคร่ครวญ “เอาละ เสี่ยวหยวน คุณทำงานต่อไปเถอะ”

หลี่เป่าซานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคิดจะโทรหาเฉินชาง ทว่าตอนนี้เอง เขามองผ่านหน้าต่างใสออกไป เห็นรถตำรวจคันหนึ่งจอดลงหน้าประตู!

หลี่เป่าซานขมวดคิ้ว ลดโทรศัพท์ลงรีบวิ่งออกไปทันที!

รถตำรวจมาที่แผนกฉุกเฉินต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่

อีกเดี๋ยวค่อยไปคิดบัญชีกับเจ้าเด็กเฉินชางแล้วกัน เวลาทำงานยังทิ้งงานไปอีก…

พวกหลี่เจี้ยนเหว่ยที่มาด้วยกันกับหลี่เป่าซาน เห็นหลี่เป่าซานวิ่งออกไปด้วยท่าทางรีบร้อนจึงเดินตามออกไปข้างนอก

เพิ่งจะเดินออกไปทุกคนก็ต้องตกตะลึง!