หลังจากหลี่เป่าซาน หลี่เจี้ยนเหว่ยและคนอื่นๆ วิ่งออกมาจากตึกแผนกฉุกเฉินแล้ว รถตำรวจก็จอดสนิท

หยวนฟางมองฉากนี้ผ่านหน้าต่างใส ในใจบ่นว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย?

เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็รีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งตามออกไปทันที

ชายหนุ่มในชุดตำรวจคนหนึ่งลงจากรถ จากนั้นจึงรีบวิ่งไปเปิดประตูหลัง

หลี่เป่าซานเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รีบไตร่ตรอง หรือว่าจะเป็นผู้นำท่านใด? มาทำอะไรที่โรงพยาบาล?

หลังจากตำรวจคนนั้นเปิดประตูก็พบว่ามีชายคนหนึ่งอยู่ ถึงก็เป็นเฉินชางเชียวหรือ?

ตอนนี้หลี่เป่าซานตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว! ต้องทราบว่าคนที่จะได้นั่งรถตำรวจและมีคนคอยเปิดประตูให้มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่างเท่านั้น หนึ่งคือเหล่าผู้นำของรัฐ อีกหนึ่งคือนักโทษ!

เห็นได้ชัดว่าเฉินชางไม่ใช่ผู้นำรัฐ…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของหลี่เป่าซานพลันเปลี่ยนไป รีบเดินเข้าไปด้วยท่าทางกระสับกระส่าย แต่กลับถูกหลี่เจี้ยนเหว่ยดึงแขนไว้ “เดี๋ยวก่อนครับ”

เมื่อหลี่เป่าซานเห็นเฉินชางลงจากรถ เหมือนว่าจะไม่ได้ถูกคุมตัวอยู่?

เสี่ยวเฉินไม่ใช่นักโทษหรือ?!

ด้วยเหตุนี้หลี่เป่าซานจึงเดินตรงไปหา ทว่าไม่ทันไรก็เห็นชายอีกคนหนึ่งลงมาจากที่นั่งด้านหลังอีกฝั่งหนึ่ง หลี่เป่าซานมองเขม็ง ถานจงหลิน?

ทำไมเขาถึงนั่งรถตำรวจมาด้วยกันกับเฉินชาง?

หลี่เป่าซานสับสนไปหมดแล้ว!

หลี่เจี้ยนเหว่ยก็มีสีหน้างุนงง

โลกของศัลยแพทย์ในเมืองอันหยางใหญ่ขนาดนั้น มีคนไปๆ มาๆ มากขนาดนั้น ทว่าฐานะของถานจงหลินคนนี้ยังค่อนข้างพิเศษ เพราะในมณฑลตงหยาง แผนกที่พัฒนาด้านศัลยกรรมทั่วไปมีไม่มาก โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลนับเป็นแห่งหนึ่ง โรงพยาบาลตงต้าเป็นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งในสายตาของโรงพยาบาลใหญ่ทั้งหลาย ถานจงหลินเป็นเหมือนเนื้อชิ้นหอม มักถูกโรงพยาบาลแต่ละแห่งเชิญไปร่วมผ่าตัดอยู่บ่อยๆ

เมื่อเห็นถานจงหลินเดินลงจากรถ หลี่เจี้ยนเหว่ยก็เดินเข้าไปทักทายด้วยตัวเอง “หัวหน้าถาน? ฮ่าๆ ไม่พบกันนานเลยนะครับ ทำไมถึงมาที่โรงพยาบาลอันดับสองได้ล่ะครับ”

ถานจงหลินยิ้ม เดินเข้ามาจับมือกับหลี่เจี้ยนเหว่ยและหลี่เป่าซาน จากนั้นจึงพูดเย้าไปว่า “ผมหรือครับ วันนี้ผมมาขอรับโทษ!”

หลี่เป่าซานรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที “หือ? โทษ? โทษอะไรครับ?”

ทุกคนพากันเอียงหูเบิกตารอฟัง

ถานจงหลินจึงได้อธิบายไปว่า “ตอนเช้ามีการผ่าตัดเคสหนึ่งที่ค่อนข้างเร่งด่วน ผมเลยมาเชิญหมอเสี่ยวเฉินไปช่วยที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลน่ะครับ!”

หลี่เป่าซานเบิกตากว้าง “เสี่ยวเฉิน? ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลของคุณหรือ? เขาจะช่วยอะไรได้? โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลมีคนเก่งๆ เต็มไปหมด จะขาดแคลนหมอเก่งๆ ได้ยังไงครับ?!”

ถานจงหลินได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายหน้าทันที ดูเหมือนหลี่เป่าซานยังไม่รู้ถึงฝีมือการเย็บเส้นเอ็นของเฉินชาง!

ดังนั้นจึงพูดไปว่า “ถูกต้องแล้วครับ! ผมมาขอให้เสี่ยวเฉินไปช่วยจริงๆ การผ่าตัดในวันนี้ค่อนข้างยาก ในนั้นมีรายละเอียดเล็กๆ ที่แม้แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจ ผมคิดไปคิดมา มีแค่คนเดียวที่ช่วยผมได้ นั่นก็คือเสี่ยวเฉิน”

ประโยคนี้ของเขาทำเอาทุกคนตรงนั้นนิ่งค้างไปแล้ว

นี่เป็นการประเมินฝีมือเอาไว้สูงแค่ไหนกัน? ถานจงหลินผู้เป็นศัลยแพทย์ชั้นยอดในเมืองอันหยางถึงกับพูดขึ้นมาเองว่าเฉินชางทำได้ดีกว่าเขา! เกียรติยศเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าใครก็มีได้!

หัวหน้าแผนกทั้งหลายที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจ ตกลงเฉินชางไปผ่าตัดยอดเยี่ยมอะไรมากันแน่? ถึงกับทำให้ถานจงหลินออกปากชมเช่นนี้เชียว

หยวนฟางที่อยู่ด้วยยิ่งถลึงตากว้าง รู้สึกเหลือเชื่อเกินไป

เฉินชางคนนี้…ทำไม…เป็นไปไม่ได้!

แต่ความจริงวางเรียงอยู่ต่อหน้าทุกคนแล้ว ไม่มีอะไรให้สงสัยอีก!

คนที่มีชื่อเสียงขนาดถานจงหลินคงไม่มาแสดงละครเป็นเพื่อนเฉินชางถึงที่นี่หรอก?

ตอนนี้ตำรวจหนุ่มเดินมาส่งเฉินชางจนถึงที่แล้ว จากนั้นจึงหันหน้าเข้าหาเฉินชาง ยืนหลังตรง ทำวันทยาหัตถ์อย่างจริงจัง!

“หมอเฉิน! ขอบคุณที่ช่วยรักษาหัวหน้าของพวกเรานะครับ ผมขอตัวกลับก่อน ที่สถานีตำรวจยังมีงานอีกมาก”

เฉินชางพยักหน้า “ขอบคุณมากครับ เดินทางปลอดภัยนะครับ”

จากนั้นตำรวจหนุ่มก็ขับรถจากไป ปล่อยทุกคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าตะลึงพรึงเพริด

นี่เป็นเรื่องจริงหรือ!?

ตอนนี้เอง หลี่เป่าซานเห็นว่ารอบๆ มีคนมารอดูความครึกครื้นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จึงบอกไปว่า “เสี่ยวเฉิน ตามผมไปที่ห้องทำงานเถอะครับ!”

ตอนนี้ทุกคนจึงกลับไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าแผนก

หลังจากฟังเฉินชางอธิบายอย่างละเอียดไปรอบหนึ่ง หลี่เจี้ยนเหว่ยและคนอื่นๆ ก็รู้สึกรับไม่ได้ไปชั่วขณะ!

เจ้าเด็กนี่เป็นปีศาจหรือไง?

แม้แต่หลี่เป่าซานก็ยังอยากลากเฉินชางไปถามให้ชัดๆ ว่า ตกลงคุณยังทำอะไรได้อีก?

ตอนนี้ถานจงหลินรู้สึกถูกใจเฉินชางมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม แทบอยากจะดึงตัวไปอย่างอดรนทนไม่ไหวจริงๆ

ตอนนี้แผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลอยู่ในสภาพครึ่งๆ กลางๆ คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ยังไม่ทันได้เติบโตดี ถ้าหากมีเฉินชางไปร่วมด้วยแล้วบ่มเพาะให้ความสำคัญกับเขา อาจพาแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นก็เป็นได้!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถานจงหลินก็มองไปที่หลี่เป่าซาน “หัวหน้าหลี่ วันนี้ผมข้ามหน้าข้ามตาคุณไปขอความช่วยเหลือจากเสี่ยวเฉินโดยตรงเพราะสถานการณ์เร่งด่วน ต้องขออภัยคุณจริงๆ ครับ”

หลังจากหัวเราะกันหอมปากหอมคอก็พูดกับทุกคนว่า “ที่ผมมาวันนี้ ที่สำคัญก็คือมาคุยธุระกับผู้อำนวยการฉิน ผมไม่รบกวนทุกท่านแล้วครับ”

“เสี่ยวเฉิน ว่างๆ พวกเราค่อยคุยกันนะครับ…”

พูดจบถานจงหลินก็เดินออกไป

เฉินชางเห็นดังนั้นก็รีบลุกขึ้นยืน “หัวหน้าแผนกครับ ผมก็จะไปแล้ว…พวกคุณคุยกันตามสบายนะครับ”

หลี่เป่าซานกำลังจะพยักหน้า แต่จู่ๆ หลี่เจี้ยนเหว่ยก็โบกมือพูดว่า “ไม่ต้องรีบร้อน เสี่ยวเฉิน วันนี้พวกเรามาหาคุณเพราะมีเรื่องอยากจะแลกเปลี่ยนกับคุณสักหน่อยน่ะครับ”

เฉินชางพยักหน้า “รองผู้อำนวยการหลี่ เชิญพูดมาเลยครับ”

หลี่เจี้ยนเหว่ยยิ้ม “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เกี่ยวกับการวิจัยวิธีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบบาดเจ็บน้อยที่คุณปรับปรุงอยู่น่ะครับ ทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก คิดว่านี่เป็นงานวิจัยที่มีศักยภาพงานหนึ่ง คุณลงทะเบียนในหัวข้อนี้ได้เลย แล้วทางโรงพยาบาลจะช่วยสนับสนุนคุณ ช่วยผลักดันให้เทคนิคการผ่าตัดนี้แพร่กระจายไปในวงกว้างมากขึ้น”

“ดังนั้นจึงอยากให้คุณเป็นผู้รับผิดชอบหัวข้อการศึกษานี้! คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ?”

เฉินชางได้ยินดังนั้นก็รีบส่ายศีรษะ “นี่…รองผู้อำนวยการหลี่ ผมขอพูดตรงๆ โดยไม่กลัวคุณหัวเราะเยาะเลยแล้วกันครับ พอผมจบปริญญาตรีก็มาทำงานเลย ไม่ได้เรียนต่อในระดับปริญญาโท ดังนั้น…ผมทำงานวิจัยไม่เป็นครับ ผมทำเป็นแค่ตรวจโรคและผ่าตัด ถ้าคุณอยากให้ผมปรับปรุงวิธีการผ่าตัดให้ดีขึ้นก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่า…ถ้าคุณจะให้ผมทำวิจัย ผมกลัวว่าจะทำเสียน่ะครับ!”

หลี่เจี้ยนเหว่ยได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มๆ “คนเราเก่งไม่เหมือนกัน ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้หรอกครับ ให้หลี่เป่าซานเป็นผู้รับผิดชอบรายการไปก็ได้ แต่คุณต้องเป็นผู้รับผิดชอบหัวข้อการศึกษาอันดับสอง เป็นผู้สนับสนุนด้านเทคนิคและเป็นผู้เสนอหัวข้อการศึกษาก็พอแล้ว อย่างอื่นคุณไม่ต้องสนใจ ส่วนงานด้านคลินิกก็ให้จางโหย่วฝูรับผิดชอบ”

“ส่วนเรื่องประวัติการศึกษาของคุณ…ส่วนนี้ไม่ต้องรีบร้อน ปีนี้โรงพยาบาลของพวกเราร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแพทย์ตงอันเพื่ออบรมนักศึกษาปริญญาโท เดี๋ยวพวกเราจะลองติดต่อไปที่มหาวิทยาลัยดูสักหน่อยว่าจะใช้โอกาสนี้ผลักดันให้คุณเข้าเรียนปริญญาโทโดยไม่ต้องสอบเข้าได้หรือเปล่า แล้วก็ทำวิจัยไปด้วยกันกับนักศึกษาของปีนี้เลย เพราะตอนนี้นักศึกษาของพวกเขาฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลเราแล้ว เรื่องพวกนี้ปล่อยให้พวกเราช่วยจัดการให้คุณก็พอแล้ว”

“ส่วนคุณก็รับผิดชอบทำวิจัยหัวข้อนี้กับหัวหน้าแผนกหลี่และหัวหน้าแผนกจางไปก็พอ! คุณว่าเป็นยังไงครับ?”

เฉินชางได้ยินดังนั้นก็มีความยินดีเต็มหน้า!

มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ?

เฉินชางย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน รีบพูดไปว่า “ขอบคุณมากครับรองผู้อำนวยการ!”

หลี่เจี้ยนเหว่ยพยักหน้า “คุณไปทำงานต่อเถอะ!”

เมื่อเฉินชางออกไปแล้ว ทุกคนก็พากันมองไปยังหลี่เจี้ยนเหว่ย ในดวงตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เมื่อครู่ไม่เห็นพูดถึงเรื่องพวกนี้เลย!

นี่ไม่เหมือนกับผลการประชุมของทุกคนเท่าไหร่นัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเรียนปริญญาโทอะไรนั่นเลย

หลี่เจี้ยนเหว่ยมองทุกคน พูดอย่างทอดถอนใจว่า “ทุกคนคงสงสัยสินะครับว่าทำไมผมถึงสัญญาไปมากมายขนาดนั้น?”

ทุกคนพยักหน้า

หลี่เจี้ยนเหว่ยยิ้มเจื่อนๆ “ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดแบบนี้หรอกครับ รวมไปถึงสัญญาที่จะให้เสี่ยวเฉินเรียนปริญญาโทด้วย นี่เป็นเรื่องที่ผมเพิ่งคิดได้เอาตอนนี้!”

“แต่ว่า…พวกคุณไม่เห็นสายตาของถานจงหลินเมื่อครู่นี้หรือครับ? เขาดูอดรนทนไม่ไหว แทบอยากแย่งตัวเสี่ยวเฉินไปอยู่แล้ว!”

“หากพูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อย ไม่ว่าต่อไปเสี่ยวเฉินจะอยู่ที่แผนกฉุกเฉินของพวกคุณ อยู่ที่แผนกศัลยกรรมหัวใจของพวกคุณ หรืออยู่ที่แผนกศัลยกรรมทั่วไปก็ดี ขอเพียงเป็นโรงพยาบาลของพวกเราก็ดีทั้งนั้น! ผมไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้หรอก”

“แต่ว่าการมาของถานจงหลินทำให้ผมรู้สึกถึงอันตราย!”

“พวกคุณก็เห็น เสี่ยวเฉินเพิ่งจะอายุยี่สิบเจ็ด อายุยังน้อยแต่ก็มีความเชี่ยวชาญมากขนาดนี้แล้ว แม้แต่ถานจงหลินของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลก็ยังมีใจคิดดึงตัวไป แล้วคนอื่นๆ ล่ะ?”

“ถ้างั้นปัญหาก็มาถึงแล้ว พวกเราจะรั้งตัวเสี่ยวเฉินไว้ได้หรือเปล่า?”

“ถ้าพูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อย ฝ่ายศัลยกรรมของโรงพยาบาลอันดับสองของพวกเราอยู่ในระดับไหน ทุกคนคงรู้อยู่แก่ใจสินะครับ? ฝ่ายศัลยกรรมของโรงพยาบาลอันดับสองของพวกเรา พูดได้ว่าอยู่ในระดับกลางๆ ของเมืองอันหยางเท่านั้น และคนหนุ่มสาวก็ไม่เหมือนพวกคุณ พวกเขาต้องการอนาคต”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ทุกคนก็พากันถอนใจ

หลี่เจี้ยนเหว่ยจึงพูดต่อไปว่า “ดังนั้นไม่ว่าจะใช้ไม้แข็งไม้อ่อน จะใช้เงินทอง ใช้ข้อจำกัดด้านเทคนิคการผ่าตัด หรือจะใช้ความเติบโตก้าวหน้าในอนาคต พวกเราก็ไม่มีอะไรได้เปรียบเลย! หากคิดจะรั้งตัวเฉินชางไว้ เราทำได้อย่างเดียว!”

“นั่นก็คือใช้ทรัพยากรในมือของพวกเราช่วยฝึกฝนบ่มเพาะให้เฉินชาง!”

“ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการพัฒนาและความก้าวหน้ามากที่สุด พวกเราก็ยื่นมือไปช่วยเหลือได้ ช่วยให้เขาก้าวหน้าเติบโต เมื่อเป็นเช่นนั้น…”

“ต่อให้ภายหลังเสี่ยวเฉินออกไปจากโรงพยาบาลพวกเราแล้ว แต่จะอย่างไรที่นี่ก็เป็นรากฐานของเขา พอถึงเวลาที่โรงพยาบาลของพวกเราต้องการความช่วยเหลือ เสี่ยวเฉินจะยื่นมือเข้ามาช่วยแน่นอน!”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ออกมา ทุกคนพลันเงียบไป

นี่อาจจะ…เป็นความจริงทั้งหมด!

หลี่เจี้ยนเหว่ยพูดจบก็หัวเราะ “แน่นอน ผมอาจประเมินเขาสูงเกินไปก็ได้ ยังไงซะตอนนี้ก็ยังมองอะไรไม่ออก แต่อย่างไรก็เป็นพนักงานของพวกเรา พวกเราก็ต้องพยายามฝึกฝนเขาหน่อย”