ตอนที่ 102.2 ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เรื่องนี้ทุกคนต่างไม่รู้ และยังไม่ทันเอ่ยถาม

เล่อเหยาเหยาใช้มือกอดหน้าอกของตนเอาไว้แน่น คล้ายปกป้องบางสิ่ง จากนั้นดวงตางดงามก็ปรากฎความกังวลขึ้น ก่อนรีบฉวยโอกาสที่ทุกคนยังตกตะลึงพุ่งออกจากห้องหนังสือไปยังห้องพักของตน

เพราะเวลานี้เธอกังวลอย่างหนัก เธอรู้เพียงต้องไม่ให้ผู้ใดรู้สถานะผู้หญิงของตนเด็ดขาด ดังนั้นเธอมีเพียงต้องหนีเท่านั้น!

ท่าทางรีบร้อนจากไปอย่างวิตกกังวลของเล่อเหยาเหยา ทำให้ภายในห้องหนังสือเงียบงัน

ในใจทุกคนต่างสงสัย ประหลาดใจ และไม่เข้าใจ

ต่างคิดไม่ตก คิดไม่ออก ว่าเล่อเหยาเหยาเป็นอันใดกันแน่

หลังเวลาผ่านไปนาน ตงฟางไป๋ขบคิดในใจพลางเม้มริมฝีปาก ก่อนเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจขึ้นมา

“ทุกคนต่างมีความลับที่ไม่อยากให้ผู้ใดรู้ น้องเหยาเองก็คงเช่นกัน!”

ทุกคนต่างเห็นด้วยกับความเห็นของตงฟางไป๋ ทว่าซิงที่อยู่ด้านข้าง คล้ายฉุกคิดขึ้นได้จึงเอ่ยปากว่า

“เสี่ยวเหยาจื่อผู้นี้ประหลาดยิ่ง ครั้งก่อนข้าและเหมยทำภารกิจเสร็จกลับมา เปื้อนโคลนไปทั่วร่าง คิดเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำร่วมกับเขา ทว่าเสี่ยวเหยาจื่อกลับไม่ให้พวกเราเข้าไป หรือบนร่างกายเขามีความลับบางอย่างจริง!

เมื่อได้ยินคำพูดของซิง หนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างอดจินตนาการในใจไม่ได้ คิดพลางเอ่ยขึ้นว่า

“ก่อนหน้านี้ข้าบังเอิญได้ยินในวังพูดกันว่า พวกเด็กที่ต้องทำงานหนัก เพราะไม่มีเงิน และหน้าตาหมดจดพอดูได้จะถูกขายเข้าไปเป็นบ่าวชายในตระกูลใหญ่โต สุดท้ายถูกพวกจิตวิปริตนั้นทารุณ และยังทิ้งร่องรอยอันโหดร้ายไว้ หรือกระต่ายน้อยนี้ก็เหมือนกัน!”

ยิ่งคิดหนานกงจวิ้นซีรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้!

เพราะเมื่อครู่เพียงอยากดูบาดแผลบนเอวของ ‘เขา’ แต่ ‘เขา’ กลับตอบโต้ใหญ่โตเช่นนี้

อีกทั้ง ‘เขา’ รูปโฉมงดงาม ฐานะทางบ้านก็แร้นแค้นอย่างมาก เขาจึงถูกขายมาเป็นขันที

อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ ‘เขา’ อาจจะเคยถูกขายเข้าตระกูลใหญ่โตเป็นบ่าวชายมาก่อน ถึงขั้นถูกพวกจิตวิปริตนั้นทารุณอย่างรุนแรง

พอคิดถึงตรงนี้หนานกงจวิ้นซี อดแน่นหน้าอกไม่ได้ และรู้สึกเจ็บปวดแทนเล่อเหยาเหยา

ช่างเป็นบ่าวที่น่าสงสาร ทางที่ดีวันหน้าเขาต้องรังแก ‘เขา’ ให้น้อยลง

ตรงข้ามกับหนานกงจวิ้นซีที่สงสารเห็นใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่อยู่ด้านข้าง แม้สีหน้าจะไม่ปรากฏสิ่งใดออกมา แต่สองมือที่ซ่อนอยู่ในชายเสื้อนั้นกลับกำหมัด ห้านิ้วค่อยๆ กำแน่น จิกเข้าไปในเนื้อ

หรือ‘เขา’ ถูกคน…

เล่อเหยาเหยาที่ไม่รู้ตัวว่า ท่าทีตกใจรีบร้อนจากมาของตน ถูกคนเข้าใจผิดว่าเป็นเพราะถูกพวกวิปริตทารุณ หลังจากวิ่งกลับมาที่ห้องพักของตน ก็รีบปิดประตูไม้สลักให้แน่นหนา ก่อนพลันพิงแนบประตูไม้หายใจหอบ

“ฟู่ อันตรายยิ่งเกือบถูกคนเห็นเข้าแล้ว”

โชคดีที่เธอวิ่งเร็ว มิฉะนั้นหากพญายมยืนกรานบังคับให้เธอถอดเสื้อผ้าเพื่อดูบาดแผล สถานะผู้หญิงของเธอต้องถูกเปิดเผยแน่

เล่อเหยาเหยาแอบดีใจในใจ ทว่าหลังดีใจเสร็จ ความเจ็บปวดที่เอวราวกับน้ำหลาก ไหลทะลักออกมา ตรงมาที่ศีรษะของเธอไม่หยุด

ความเจ็บปวดนี้ คล้ายกับมีคนใช้ดาบปลายทื่อ ตัดที่กระดูกเธออย่างรุนแรง จนเธอต้องกัดฟันแน่น ผ่อนลมหายใจออกมา

เพราะวิ่งมาสองแก้มจึงแดงก่ำ แต่เวลานี้เรี่ยวแรงทั้งหมดหายไป จึงทำให้ทั่วใบหน้าดูซีดขาวดุจกระดาษทำให้คนมองอย่างตกใจ

“น่าตายนัก เจ็บเสียจริงๆ!

เล่อเหยาเหยาค่อยๆ หย่อนตัวจากประตูไม้ลายสลัก ลงไปนั่งอยู่บนพื้น ก่อนกัดฟันพึมพำออกมา

เมื่อครู่ยังไม่รู้สึกเจ็บถึงเพียงนี้ อาจเป็นเพราะเมื่อครู่วิ่งอย่างบ้าคลั่งดุจเสียสติ จึงกระทบบาดแผลบนเอว

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยานึกถึงยาที่ตงฟางไป๋มอบให้เธอ ดังนั้น จึงรีบล้วงตลับยาขนาดเล็กออกมาจากอกเสื้อ

จากนั้นเลิกเสื้อผ้าบนตัวออก ก่อนก้มลงมองไป

ไม่มองยังดีเสียกว่า เพราะเมื่อมองเล่อเหยาเหยาดวงตาเบิกกว้าง กระทั่งริมฝีปากยังซีดเซียว

“สวรรค์ บาดเจ็บหนักขนาดนี้เลยหรือ!”

เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างไม่เชื่อสายตา เพราะเห็นเพียงเอวด้านซ้ายของตนมีรอยฟกช้ำขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ และรอบรอยฟกช้ำแดงเป็นปื้น

มิน่าเมื่อครู่เธอจึงเจ็บปวดอย่างมาก! เจ้าถูเฟยที่น่าตาย บัญชีแค้นครั้งนี้ หากมีโอกาสเธอต้องเอาคืนแน่นอน!

เล่อเหยาเหยาคิดในใจอย่างโมโห ทว่ามือกลับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว เปิดกระปุกยาออกอย่างรวดเร็วจนกลิ่นหอมสดชื่นจางๆคล้ายป๋อเหอ (สะระแหน่) ลอยเข้ามาในจมูก

หอมยิ่ง!

ไม่รู้มันทำขึ้นจากสิ่งใด!

แม้เล่อเหยาเหยาจะไม่รู้ว่าตงฟางไป๋มีสถานะใด และไม่รู้ว่ายาของเขาสรรพคุณเป็นเช่นไร แต่จิตสำนึกบอกว่าเธอเชื่อมั่นในตัวเขา!

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงทายาลงไปบนแผลของตน

น่าแปลก!

ยานี้ดูไร้สี มีเพียงกลิ่นหอม แต่พอทาลง รอยฟกช้ำแดงก่ำราวถูกไฟลวกนั้น รู้สึกเย็นราวกับสายลมพัดผ่านเข้ามา หอบเอาความเจ็บปวดที่รุนแรงทั้งหมดนั้นออกไป

ไม่ถึงสิบห้านาที เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าบาดแผลที่เดิมทีปวดแสบปวดร้อน ดีขึ้นอย่างมาก ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกร้อนผ่าวเล็กน้อยเท่านั้น

“สวรรค์ ยานี้วิเศษจริงๆ!”

หลังความเจ็บปวดบนร่างกายหายไป เล่อเหยาเหยาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนหยิบกระปุกยาขึ้นสูดดม จากนั้นก็มองดูอย่างไม่เชื่อสายตา

คิดไม่ถึงว่า สมัยโบราณจะมียาที่วิเศษเช่นนี้ สรรพคุณดีกว่าการฉีดยาและยาจีนในยุคปัจจุบันหลายเท่า

เรื่องนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาแปลกใจ ตงฟางไป๋ผู้นั้นคือใครกันแน่!

เขาคล้ายสิ่งลึกลับ

และคล้ายสายลมที่จับต้องไม่ได้

มาอย่างไร้ตัวตน จากไปอย่างไร้ร่องรอย

แต่กลับมักพลันปรากฏตัวขึ้นในเวลาที่เธอคาดไม่ถึง

อีกทั้ง เขารู้จักกับพวกพญายม ดูจากความสัมพันธ์ของพวกเขา คล้ายไม่เลวเลย

ไม่รู้จริงๆ ว่าตนรู้จักกับชายหนุ่มเช่นไร!

แม้เธอจะไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับตงฟางไป๋ แต่ไม่รู้เหตุใด เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกดีกับเขา

อาจเพราะบุคลิกอันอ่อนโยนของเขานั้น ทำให้คนรู้สึกไม่หวาดกลัว ดูสุภาพเรียบร้อย คล้ายพี่ชายข้างบ้าน

ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เธอตกลงคบหาเขาเป็นสหาย!

วันต่อมา เล่อเหยาเหยาตื่นตั้งแต่เช้า ก่อนใส่ยาที่แผลของตน หวีผมล้างหน้า มองสำรวจเครื่องแต่งกายหน้ากระจก เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วชูกำปั้นเล็ก ให้กำลังใจตนเองในกระจกไม่หยุด

“สู้ เล่อเหยาเหยา เธอคือแมลงสาบที่ตีไม่ตาย คุณพ่อเคยบอกว่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่ผ่านไปไม่ได้ แม้จะเป็นพญายม ความจริงก็เป็นเพียงคนคนหนึ่ง แม้เขาจะเย็นชาไปนิด โมโหมากไปหน่อย ฆ่าคนได้ เวลาโมโหจะน่าตกใจ แต่เล่อเหยาเหยาเธอไม่ต้องกลัว ต้องกล้าเผชิญหน้ากับเขา! สู้ๆ”

หลังรวบรวมความกล้า เล่อเหยาเหยาจึงยืดอกขึ้น ท่าทางคล้ายผู้กล้าพร้อมบุกเข้าสังหารศัตรู ห้าวหาญมีสง่า ก่อนจะผลักประตูไม้ลายสลักอย่างเข้มแข็ง ตรงไปที่ห้องของพญายม

อันที่จริงคืนวาน เธอกรีดร้องอย่างเสียสติ จากนั้นก็ไม่สนใจพวกพญายมวิ่งกลับมา วันนี้พวกพญายมคงต้องซักถามเธอแน่นอน จากนั้นให้เธอสารภาพออกมา

หากพวกเขาซักถามจริง เล่อเหยาเหยาก็คิดคำแก้ตัวไว้มากมายแล้ว อย่างมากแค่ทำลายภาพลักษณ์ตน เอ่ยว่าบนร่างกายตนมีปานที่น่ารังเกียจ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาตกใจ

หลังสรุปเรื่องนี้ได้ เล่อเหยาเหยาก็มาอยู่ด้านหน้าห้องของพญายมแล้ว

แม้เมื่อครู่จะเตรียมใจมาแล้ว พอนึกถึงใบหน้ายโสโอหัง และดวงตาเย็นชาที่คล้ายมองทะลุใจคนได้นั้นอีกครั้ง ทำให้เล่อเหยาเหยาหวาดกลัว หนังศีรษะชาวาบ

แต่ตอนนี้ทำสิ่งใดไม่ได้มาก

เมื่อพญายมกลับมาแล้ว เธอต้องเผชิญหน้ากับเขา ดังนั้นเธอจะต้องไม่กังวลเหมือนครั้งแรกที่ปรนนิบัติเขา ก็เพียงพอแล้ว!

ถูกต้อง ต้องทำเช่นนี้!

หลังสงบสติอารมณ์ได้ เล่อเหยาเหยาสูดหายใจชั่วขณะ ก่อนยื่นมือไปเคาะประตูไม้ลายสลักนั้น

เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่นานภายในห้องก็มีเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพญายมดังขึ้นมา

“เข้ามา!”

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาพลันก้มหน้าหลบสายตา ทำท่าทางดั่งขันทีที่นอบน้อมถ่อมตน ก่อนเดินเข้าไปอย่างช้าๆ

เดิมทีคิดว่าต้องเผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาที่คล้ายมีพลังอ่านใจนั้น และถูกซักถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จากพญายมเพียงผู้เดียว

คิดไม่ถึง เมื่อเล่อเหยาเหยาผลักประตูเข้าไปในห้อง เงยหน้าขึ้นเห็นภาพในห้องชัดเจน ใบหน้าจิ้มลิ้มตกตะลึงเล็กน้อย

เมื่อเห็นภายในห้อง ไม่ได้มีเพียงพญายมผู้เดียว

ด้านข้างมีหนานกงจวิ้นซีที่น่าชังกำลังนั่งไขว้ขาอย่างสบายอารมณ์พลางจิบชา

และตงฟางไป๋ก็อยู่ด้วย!

เพียงเห็นตงฟางไป๋เวลานี้กำลังยุ่งอยู่กับการทำแผลที่หน้าอกให้กับพญายม

เล่อเหยาเหยาจึงรู้ว่าเดิมทีพญายมได้รับบาดเจ็บ!

สวรรค์!

นี่บาดเจ็บตั้งแต่เมื่อใด! เหตุใดเธอไม่รู้แม้แต่นิดเดียว!

เมื่อวานพญายมดูสบายดีมิใช่หรือ!

แต่ตอนนี้ เห็นพญายมถอดเสื้อด้านบนออก สวมเพียงกางเกงนั่งอยู่ตรงนั้น

ส่วนตงฟางไป๋ถอดผ้าพันแผลที่เปื้อนเลือดออกจากหน้าอกของเขาไม่หยุด

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาตกตะลึงชั่วขณะ และลืมเลือนสติไป

สองเท้าก้าวเดินตรงไปยังพญายมที่นั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ปล่อยให้ตงฟางไป๋ทำแผลให้

และสายตาของเล่อเหยาเหยา หลังเข้ามาเห็นภาพตรงหน้า ก็ถูกบาดแผลบนหน้าอกของพญายมดึงดูดไว้

ก่อนมองตามมือของตงฟางไป๋ที่แกะผ้าพันแผลเปื้อนเลือดลงมา บาดแผลจากการถูกดาบขนาดใหญ่ฟันเข้าที่เด่นชัด พลันปรากฏสู่สายตาของเล่อเหยาเหยา และทำให้เล่อเหยาเหยาดวงตาเบิกกว้าง พลันสูดหายใจเข้าอย่างตกใจ

“สวรรค์ ท่านอ๋อง ท่านบาดเจ็บ”

“ไม่เป็นไร เล็กน้อยเท่านั้น!”

เมื่อได้ยินเสียงตกใจของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่เดิมทีก้มหน้าอยู่ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ก่อนจ้องมองใบหน้าตกตะลึงของเล่อเหยาเหยาแวบเดียว เผยอริมฝีปากแดงขึ้น เอ่ยเสียงเบาขึ้นมา

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา กลับทำให้เล่อเหยาเหยาอดขมวดคิ้วเข้มน่ามองนั้นแน่นไม่ได้

บาดเจ็บเล็กน้อย!

นี่คือบาดเจ็บเล็กน้อยหรือ!

เห็นชัดถึงกระดูกเลยนี่นะ!

หากดาบใหญ่ของคนผู้นั้นฟันลึกกว่านี้อีกส่วน ลำไส้ของเขาคงทะลักออกมาแล้ว!

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาอดหวาดกลัวอย่างหนักไม่ได้

ตรงหน้าพลันปรากฏภาพของพญายมถูกคนฟันด้วยดาบ เลือดสาดไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

ยิ่งคิด ร่างกายเล่อเหยาเหยาอดสั่นเทิ้มไม่ได้ กระทั่งใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้นมีสีหน้าซีดขาว

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาทั่วใบหน้าซีดขาว ต้องเอ่ยว่าความจริงเหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกดีใจเล็กน้อย

เพราะ ‘เขา’ห่วงใยตน มิใช่หรือ!

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงหวานละมุน

แต่ว่าสีหน้ายังหยิ่งยโสเช่นเดิม ทำให้คนคาดเดาความคิดเขาไม่ได้