ตอนที่ 169 รู้บ้างไหมว่าตอนนี้ตัวเองดูยั่วแค่ไหน? / ตอนที่ 170 งานเลี้ยงครบรอบ (1)

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 169 รู้บ้างไหมว่าตอนนี้ตัวเองดูยั่วแค่ไหน?

 

 

“หืม?” ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ รอยยิ้มในตาคู่นั้นเด่นชัดขึ้นเล็กน้อย

 

 

เห็นเฉินฝานซิงจ้องเขาไม่พูดจาอยู่นาน เธอจ้องเขาด้วยท่าทางเหม่อลอยนั่นยิ่งทำให้เขาได้ใจ

 

 

ยัยผู้หญิงตัวจ้อยนี่หลงใหลหน้าตาเขา?

 

 

เพียงแค่ไม่กี่พยางค์ แต่กลับมีเสน่ห์อย่างน่าแปลกใจ ทำเอาจิตใจระส่ำระสาย

 

 

หญิงสาวได้สติกลับมาอีกครั้ง มองป๋อจิ่งชวนที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนว่าเขากำลังหยอกล้อเธอจนใบหูขึ้นสีเรื่อ

 

 

ป๋อจิ่งชวนยิ้มกริ่ม ในขณะที่เขาคิดว่าคงไม่ได้ฟังคำตอบจากเธอแล้ว เฉินฝานซิงกลับตอบขึ้นเสียงแผ่ว “อืม”

 

 

โหนกคิ้วเขายกขึ้นสูง เพ่งสายตามองหญิงสาว

 

 

แต่กลับเห็นว่าเจ้าของใบหน้าใสที่ขึ้นสีแดงเป็นริ้วนั้นกำลังกัดฟันแน่น ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองเขา

 

 

เขาหรี่ตามองเธอที่ขบริมฝีปากตัวเองอยู่เนิ่นนาน ก่อนเสียงแหบพร่าจะดังขึ้น

 

 

“อย่ากัดปาก!”

 

 

เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาพร่างพราวฉายแววไม่เข้าใจ

 

 

ดูเหมือนเสียงของป๋อจิ่งชวนจะเข้มขึ้นอีกนิด “รู้บ้างไหมว่าตอนนี้ตัวเองดูยั่วแค่ไหน ห่างกันตั้งไกลคุณจะให้ผมจูบคุณยังไง”

 

 

เฉินฝานซิงรีบคลายริมฝีปากออกทันที เมื่อเลือดไหลเวียนสะดวกกลีบปากนั้นก็ขึ้นสีแดงฉ่ำ…

 

 

เธอพูดไม่ออก ป๋อจิ่งชวนยกมุมปากขึ้นอย่างครึ้มใจ แม้เขาจะชอบมองเธอในยามที่เคอะเขิน แต่เขาก็พูดขึ้นว่า

 

 

“เอาเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณคงจะเหนื่อยมามาก งั้นรีบพักผ่อนเข้าล่ะ”

 

 

เธอแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ “งั้นคุณเองก็รีบพักผ่อนด้วย”

 

 

“ครับ”

 

 

เขาพยักหน้าพร้อมรับคำสียงแผ่ว

 

 

เมื่อสิ้นสุดการโทร รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป ดวงตาเองก็ดูเคร่งขรึม

 

 

เขากดโทรศัพท์ต่อไปแล้วยกมันขึ้นแนบใบหู

 

 

“คุณผู้ชาย”

 

 

เป็นเสียงของอวี๋ซง

 

 

“ไปเช็คมาว่าเย็นนี้เธอไปพบใครมา”

 

 

แค่เห็นใบหน้าแสร้งยิ้มของหญิงสาวเมื่อค่ำ นัยน์ตาดำขลับของเขาก็มีสีเข้มขึ้นอีก

 

 

เธอจะเหนื่อยใจเพราะเรื่องงานได้ยังไงกัน

 

 

เสียงเข้มนั้นเย็นเยือกไปจนถึงไขกระดูก แม้จะผ่านมาทางโทรศัพท์ อวี๋ซงก็จินตนาการได้ถึงใบหน้าที่สาปคนให้เป็นน้ำแข็งได้ของคุณผู้ชาย หนังศีรษะเขาชายิบ เขาจึงรีบรับคำผู้เป็นนายอย่างกระตือรือร้น

 

 

“ครับผม เดี๋ยวนี้เลยครับ!”

 

 

แทบไม่ต้องคิดให้มากความ อวี๋ซงก็รีบตอบรับทันควัน!

 

 

คำว่า ‘เธอ’ ที่คุณผู้ชายของเขาพูดถึงนั้นหมายถึงใคร!

 

 

 

 

สองวันหลังจากนั้น งานเลี้ยงครบรอบของบริษัทหลานอวิ้นถูกจัดขึ้นที่โรงแรมจวินอี๋

 

 

เฉินเชียนโหรวแต่งกายด้วยเดรสสีครีมเรียบหรู แต่งหน้าบางๆ เธอยืนต้อนรับแขกอย่างอ้อนแอ้นอยู่ตรงทางเข้างานกับเฉินเต๋อฝานและหยางลี่เวย

 

 

แขกที่มางานในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้บริหารระดับสูง พร้อมทั้งนักลงทุนที่ร่วมงานกับหลานอวิ้น และศิลปินที่มีพัฒนาการไม่เลวของบริษัท

 

 

อีกทั้งเจียงหรงหรงยังเชิญสื่อมวลชนอีกหลายสำนักมาเป็นพิเศษ

 

 

ตอนนี้เธอฝากความหวังทั้งหมดของหลานอวิ้นไว้ที่เฉินเชียนโหรว!

 

 

ก่อนหน้านี้เธอตกปากรับคำกับเหล่าผู้ถือหุ้นเอาไว้ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องความก้าวหน้าของบริษัท อีกอย่างปัญหาเรื่องเงินทุนก็จะแก้ไขให้แล้วเสร็จได้ในอีกไม่ช้า!

 

 

ขอแค่ให้วันนี้เฉินฝานซิงยอมออกมายอมรับด้วยตนเองว่าเธอเป็นฝ่ายขอถอนหมั้น จากนั้นเรื่องทั้งหลายก็จะถูกคลี่คลายอย่างง่ายดาย

 

 

วันนี้เฉินฝานซิงเป็นตัวละครสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย!

 

 

 

 

เวลาสองทุ่ม แขกเหรื่อเต็มงาน ทั้งซูปิ่งโหย่ว ไช่จิ้งอี๋ และซูเหิงเองก็มากันแล้ว

 

 

อีกไม่กี่อึดใจงานเลี้ยงก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววของเฉินฝานซิง

 

 

สีหน้าของเจียงหรงหรงก็ดูไม่ได้ดีขึ้นกว่าเก่า และยังรู้ด้วยว่าในจิตใจของใครอีกหลายคนเองก็คงจะไม่สู้ดีนัก!

 

 

หากคืนนี้เฉินฝานซิงไม่มา แล้วงานเลี้ยงนี่จะไปมีความหมายอะไรอีก

 

 

แผนทุกอย่างที่เตรียมไว้ก็คงจะล่ม!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 170 งานเลี้ยงครบรอบ (1)

 

 

งานเลี้ยงครบรอบได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

 

 

เนื่องด้วยปัญหาสุขภาพของเฉินซั่งหวา สิทธิ์ในการตัดสินใจในหลานอวิ้นจึงตกเป็นของเจียงหรงหรง ส่วนสิทธิ์ดำเนินการอย่างเด็ดขาดตกเป็นของเฉินเต๋อฝาน

 

 

เรื่องเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของหลานอวิ้นและการกล่าวปลุกใจพนักงานด้วยภาษาทางการ เจียงหรงหรงเองก็เป็นคนออกมารับหน้าที่นี้เพื่อเพิ่มความไว้วางใจมากยิ่งขึ้น

 

 

การจัดตกแต่งในโรงแรมแห่งนี้ดูหรูหราเป็นพิเศษ

 

 

โทนสีขาว ดำแ ละสีทองอร่ามเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ดูหรูหราขึ้นในชั่วพริบตา

 

 

กลิ่นหอมของแชมเปญและดอกไม้สดอบอวลไปทั่วทั้งงาน

 

 

บนเวทีสูงใจกลางงาน นวัตกรรมสุดล้ำสมัยอย่างจอแอลอีดีหน้าจอสัมผัสแทบจะกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของผนัง

 

 

เจียงหรงหรงยืนอยู่บนเวทีสูง จอแอลอีดีที่อยู่เบื้องหลังเริ่มฉายความสำเร็จของหลานอวิ้น เริ่มตั้งแต่ที่ไร้ชื่อเสียง มาทีละก้าว ทีละก้าว จนถึงทุกวันนี้

 

 

ตามมาด้วยแต่ละรายการที่ศิลปินของหลานอวิ้นได้แสดงและเป็นพรีเซนเตอร์ให้แต่ละบริษัท ถึงไม่กี่ปีมานี้ละครทุกเรื่องจะแสดงโดยเฉินเชียนโหรว

 

 

นี่ทำให้พวกเขาค่อยๆ ซึมซับไปอย่างไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เสาหลักของหลานอวิ้นเป็นเป็นเฉินเชียนโหรวอย่างไม่ต้องสงสัย และด้วยความสามารถของเฉินเชียนโหรว การลงทุนจึงเป็นไปอย่างชาญฉลาด

 

 

“เฉินเชียนโหรวคือดาวนำโชคของพวกเราหลานอวิ้น”

 

 

“นอกจากจะสวยแล้ว ยังจะแสนดีและมีความรู้อีกต่างหาก อายุยังน้อยก็มีความสามารถขนาดนี้แล้ว”

 

 

“สกุลเฉินเองก็มีบุญจริงๆ ถึงได้มีหลานสาวที่วิเศษขนาดนี้”

 

 

เสียงสนทนาในงานเลี้ยงดังขึ้นไม่ขาดสาย ล้วนแล้วแต่เป็นคำชมเฉินเชียนโหรวและอิจฉาสกุลเฉินอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

การได้รับการยอมรับจากผู้คนจึงกลายเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุดอย่างไม่ต้องถาม

 

 

คนตระกูลเฉินในงานต่างก็ยิ้มจนแก้มปริ ความพอใจในตัวเฉินเชียนโหรวเองก็เพิ่มมากขึ้น

 

 

แม้แต่เจียงหรงหรงที่ได้ยินเองก็ได้ใจอย่างปิดไม่มิด

 

 

เชียนโหรวคือความภาคภูมิใจของสกุลเฉินอยู่แล้ว ฟ้าลิขิตให้เป็นหงส์ ร่ำรวยมั่งคั่ง!

 

 

มีเชียนโหรว เธอไม่เคยต้องเป็นห่วงว่าสกุลเฉินจะมีปัญหา

 

 

แม้ว่าตอนนี้หลานอวิ้นจะพบกับวิกฤตเศรษฐกิจ เธอเองก็ยังคงเชื่อมั่นเช่นนี้มาเสมอ!

 

 

พอกลับมานึกถึงหลานสาวอีกคน ใบหน้าของเจียงหรงหรงก็เย็นชาขึ้นอีกครั้ง

 

 

จนกระทั่งเจียงหรงหรงพูดถ่วงเวลาจนจบ ภายในงานก็ยังคงไร้วี่แววของเฉินฝานซิงอยู่ดี

 

 

เธอเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเฉินเชียนโหรวและเฉินเต๋อฝานที่ยืนอยู่ตรงทางเข้า แล้วเอ่ยถามเสียงเย็น “ฝานซิงมารึยัง”

 

 

เฉินเชียนโหรวเองก็ตอบมาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง “ยังเลยค่ะ…”

 

 

เธอขมวดคิ้ว ผ่อนลมหายออกมาอย่างเยือกเย็น

 

 

“ทักทายแขกไปก่อน”

 

 

เธอผินตัวเล็กน้อยก็พบเข้ากับร่างของชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลกันนักในงานเลี้ยง เขายกแก้วไวน์ในมือขึ้นหันมาทางนี้

 

 

เธอเย็นวาบขึ้นเล็กน้อย

 

 

ตอนนั้นเอง ด้านนอกประตูใหญ่ของโรงแรมพาสสาท ซีซีสีดำคันหนึ่งก็ได้จอดลงตรงทางเข้า

 

 

ไม่ต้องรอให้คนเปิดประตูรถเดินเข้ามา ประตูรถก็ถูกเปิดออกมาจากภายใน

 

 

ด้วยบุคคลที่อยู่ในชุดสูทที่ดูทันสมัยและภูมิฐาน

 

 

กางเกงเจ็ดส่วนสีดำขากว้าง ด้านบนเป็นเสื้อเชิ้ตลายขวางสีกรมและสีครีมแบบผู้หญิง สายผูกโบว์ขนาดใหญ่ที่มีแถบสีเดียวกันตรงคอเสื้อตรงหน้าวางตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ดูหรูหราสง่างาม

 

 

คนเปิดประตูเห็นบุคลิกเช่นนั้นของหญิงสาวก็อดจะชะงักนิ่งไปไม่ได้ เฉินฝานซิงพยักหน้าให้อย่างเรียบเฉยแล้วนำกุญแจในมือเธอส่งให้เขาไป เอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค “ขอบคุณค่ะ”

 

 

สุดท้ายเธอก็เดินเข้าไปยังภายในโรงแรม

 

 

ภายในห้องจัดเลี้ยง ทุกคนต่างก็กำลังเคลิบเคลิ้มและผ่อนคลายไปกับบรรยากาศ

 

 

ทั้งอาหารคาวหวานและแอลกอฮอล์ บทสนทนากระเซ้าเย้าแหย่ต่างๆ นานาลอยมาให้ได้ยินไม่ขาดหู มองรวมๆ แล้วก็ดูเป็นงานเลี้ยงที่คึกคักอยู่ไม่น้อย

 

 

ทว่าในตอนที่เฉินฝานซิงดันประตูบานใหญ่นั้นออก ยามที่เธอก้าวเดินเข้ามา คนจำนวนไม่น้อยก็พากันหันมองมายังเธอ…