บทที่ 129 จากไป

“แต่….” ก่อนที่กงเหลียงจะได้พูดจบ เฉินเฉียงก็ได้พูดตัดขึ้นมาต่อ “หัวหน้ากง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแผ่นแก่นพลังงานนั่นทรงพลังมากเกินไปรึเปล่า ท่านลองดูพลังที่ข้าได้รับในตอนนี้ดู..”

ท่าทางของเฉินเฉียงได้เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พูดจบลง ปีกสีเงินของเขาได้สั่นไหวก่อนที่จะหายไปจากครรลองของกงเหลียงอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตานั้น เขาก็ได้ปรากฏอยู่ที่ข้างกายกงเหลียง

“ฉิบ….”

กงเหลียงตกตะลึงจนแทบจะพูดไม่ออก เขามองเฉินเฉียงด้วยสายตาที่เปล่งประกาย

“ตงเจี๋ยนนี่เจ้า เจ้า เจ้ามีพลังชั้นสูงแถมยังมีทักษะถึงสองอย่าง นี่…ช่างหาได้ยากนัก”

“ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่เจ้าดูดซับพลังงานได้รวดเร็วนัก ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่เจ้าต้องเสียพลังงานในการบรรลุมากกว่าใคร”

“เอาล่ะ พอแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปยังสำนักงานพลังงานและนำพลังงานมาให้เจ้าเพิ่ม ในครั้งนี้ ข้ารับรองได้เลยว่าเจ้านั้นต้องเปิดจุดชีพจรลับถึงจุดที่แปดได้อย่างแน่นอน”

เฉินเฉียงได้ลอบดีใจในทันทีเมื่อได้ยิน หากว่าเขานั้นไม่ได้กลัวว่าเขาจะถูกนำไปทดลองล่ะก็ เขาคงจะแสดงทักษะอื่นให้เห็นอีกด้วย

และด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยนี้ เขาจึงเลือกที่จะแสดงทักษะทั้งหมดสามทักษะ เพื่อป้องกันไม่ให้มันดูเวอร์วังมากเกินไป

หลังจากความต้องการของเขาเสร็จสิ้น เฉินเฉียงก็ได้หันหลังกลับและเตรียมที่จะกลับเข้าห้องไป

“หยุดก่อน”

เสียงที่หนักแน่นของกงเหลียงทำให้หัวในเฉินเฉียงหวั่นไหวในทันที

-นี่เขาเผลอทำอะไรออกไปกัน-

กงเหลียงได้เดินมาที่ด้านหลังของเฉินเฉียงด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงและพูดออกมา “ตงเจี๋ยน เปลี่ยนใบหน้ากลับเป็นใบหน้าของเป้าหมายเดียวนี้”

“ไอ๊หยา…หัวหน้ากง ข้าขอโทษ ข้าจะรีบทำเดี๋ยวนี้” เฉินเฉียงรีบเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเป็นตงเจี๋ยนในทันที

“ตงเจี๋ยน จงจดจำไว้ให้ดี ต่อให้อยู่ที่นี่ เจ้าในตอนนี้ก็ต้องทำตัวราวกับว่าเจ้าคือตงเจี๋ยนตัวจริง และลืมตัวตนของเจ้าไปให้ได้”

“ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เจ้าจะออกไปปฏิบัติภารกิจที่เจ้าได้รับมอบหมายได้ยังไง”

“แล้วก็ ตามข้อมูลที่ได้รับมานั้น ตงเจี๋ยนเองดูเหมือนจะเป็นพวกเจ้าชู้ที่หาความสุขในชีวิตไปวันๆ ดังนั้นเจ้าเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนประเภทนั้นให้ได้ด้วย และนี่จะไม่ทำให้เจ้านั้นถูกสงสัย”

“นอกจากนั้นเจ้าจำได้รีเปล่าว่าตงเจี๋ยนนั้นมีเพื่อนสาวคนสนิทอยู่ที่สำนักมังกรอาชูร่าน่ะ”

เฉินเฉียงเมื่อได้ยินก็ยิ้มออกมาอย่างละไปก่อนที่จะยืนแบบหย่อนขาครึ่งนึงและพูดออกมา “หัวหน้ากง ท่านถามถึงชุนเต๋าน้อยของข้าเช่นนั้นรึ”

กงเหลียงพยักหน้าเล็กน้อย “ดี ท่าทางของเจ้าคล้ายกับตงเจี๋ยนบางแล้ว แต่ยังไงซะเจ้ายังต้องการเรียนรู้นิสัยของเป้าหมายให้มากขึ้น”

“ยามเมื่อข้าเอ่ยถึงชุนเต๋าน้อยล่ะก็ หากเป็นตงเจี๋ยนจริง เขาก็สมควรจะแสดงออกมาด้วยท่าทีที่เจ้าเล่ห์และหื่นกระหาย”

“ข้าก็รู้ดีนะว่าพวกเรานั้นเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ พวกเรานั้นไม่ได้มีความใส่ใจในเรื่องความรักความใคร่ แต่ในเมื่อเจ้าเข้าไปอยู่ในหมู่เผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าเองก็สมควรจะเล่นตามน้ำไปให้ได้เช่นเดียวกัน”

“จิ๊”

เฉินเฉียงเหลือกตามองกงเหลียงในทันที

“ตงเจี๋ยน เจ้าทำท่าอะไรของเจ้ากัน”

“อ้าว ก็หัวหน้ากงให้ข้าเลียนแบบตงเจี๋ยนไม่ใช่หรือครับ แค่ก็แค่ทำตามข้อมูล หากดูตามข้อมูลแล้วตงเจี๋ยนนั้นไม่ได้แยแสกับผู้อาวุโสอย่างอาจารย์ของเขาแม้แต่น้อยเลยนี่นา”

“เอ้อ…เจ้าทำดีแล้ว” กงเหลียงที่ได้ยินก็อดที่จะอายไม่ได้เช่นกัน เขาได้พูดและถามต่อ “ก่อนหน้านี้เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลย ตอนนี้มาก็ดีแล้ว ตอบคำถามข้ามาซะ”

“อะไรกันล่ะนั่น” เฉินเฉียงไม่เข้าใจในทันที

“ข้าถามเรื่องคู่รักของเจ้า”

“ข้าตอบว่าชุนเต๋าน้อย”

“…..ลองคิดดูอีกทีสิ” กงเหลียงถามอีกครั้ง

“หัวหน้ากง อย่าทำให้ข้าจะยุ่งยากจะดีกว่า ข้าเองก็จำได้แม่นว่าเป็นชุนเต๋าน้อยนี่นา” เฉินเฉี่ยงตอบออกมาอย่างมั่นใจ

“เอ็งจะบ้าเรอะ” กงเหลียงได้มองไปที่เฉินเฉียงพักหนึ่งและพูดออกมา “ข้าก็พึ่งบอกไปไม่ใช่รึว่าตงเจี๋ยนนั้นเป็นคนที่หาความสุขในชีวิตไปวันๆ แล้วคนแบบนั้นมันจะไปมีเพื่อนสาวคนสนิทแค่คนเดียวได้ยังไง”

“ให้ข้าบอกเจ้าอีกครั้ง เขามีเพื่อนสาวคนสนิทอยู่หกคน”

“ห้ะ” เฉินเฉียงถลึงตาโตเมื่อได้ยิน

“ตงเจี๋ยนนี่โคตรเจ้าชู้เลยแฮะ”

“ว่า อะ ไร นะ” กงเหลียงได้ถลึงตาออกกว้างยิ่งกว่าเดิม นี่ทำให้เฉินเฉียงรีบเปลี่ยนท่าทางก่อนที่จะตอบออกมาอย่างลนลาน “ขอโทษครับหัวหน้ากง ข้าผิดไปแล้ว ข้าหมายถึง ข้านี่โคตรเจ้าชู้เลยจริงๆ”

หลังจากเฉินเฉียงได้ดุด่าตนเองอย่างรับความผิดพลาดนี้ กงเหลียงเองก็ได้มีท่าทีผ่อนคลายลง

“สำหรับเรื่องแผ่นแก่นพลังงานนั้นเดี๋ยวข้าจะจัดการให้เจ้าเอง พรุ่งนี้เจ้าค่อยมาหาข้าแล้วกัน”

“โฮ่ ขอบคุณท่านมาก หัวหน้าสำนักงานกง”

หลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เฉินเฉียงก็ได้กลับเข้าห้องพักไป

วันถัดมา เฉินเฉียงได้รับแผ่นแก่นพลังงานมาอีกสิบห้าแผ่น มันเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก และนี่ทำให้เขาเริ่มบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองเดือนผ่านไปอย่างว่องไว เฉินเฉียงได้เปิดจุดชีพจรถึงจุดที่เจ็ดได้ตั้งแต่เดือนแรก แต่เพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัย เขาจึงตัดสินใจจะไม่เปิดจุดชีพจรจุดที่แปดในคราวเดียว

แต่เดิม เขาเองก็นึกว่ากงเหลียงจะหาแผ่นแก่นพลังงานมาให้เขาเพิ่มอีกสักหน่อย แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ได้อย่างที่หวัง

ยังไงซะต่อให้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ก็ตาม แต่ของล้ำค่าอย่างแผ่นแก่นพลังงานนั้นไม่ใช่อะไรก็ตามที่จะได้รับมาอย่างไม่หมดสิ้น

“เอาล่ะ นี่ก็ผ่านการฝึกพิเศษมาได้สองเดือนแล้ว พวกเจ้าทั้งสิบสี่คนสมควรที่จะพร้อมแล้ว”

กงเหลียงได้มอบเอกสารปิดผนึกให้เฉินเฉียงและนักรบซากศพทั้งสิบสามคน

“ภารกิจของพวกเจ้านั่นคือการโค่นล้มตึกจอมพลฮัวจ้ง”

“และเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จในภารกิจครั้งนี้ พวกเจ้าทั้งหมดจะถูกส่งออกไปพร้อมกัน”

“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าต้องจดจำไว้ว่าเมื่อพวกเจ้าไปถึงที่ราบภาคกลางแล้ว พวกเจ้าต้องแยกตัวจากกันในทันที และต้องทำเป็นไม่รู้จักกันอีกต่อไป”

“และด้วยกระเป๋าเก็บของทั้งสิบสามใบนี้ มันมีของที่เจ้าต้องใช้ไว้หมดแล้ว”

เฉินเฉียงและคนอื่นๆได้เดินไปหยิบกระเป๋าเก็บของมาแต่ละคน แต่ละคนเองเมื่อมองเห็นของด้านในแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกริ่ม แน่นอนว่าของที่อยู่ข้างในก็คือแก่นคริสตัลหลากหลายระดับ แต่ยังไงซะ พวกมันก็ไม่ได้เท่ากับของที่อยู่ในแหวนของเฉินเฉียงแต่อย่างใด

“ตงเจี๋ยน นี่คือขวดเม็ดยาสีสัน ข้านำมาให้เจ้าจากสำนักงานยา หลังจากเจ้ากินมันเข้าไปแล้ว มันจะแสดงสีพลังงานสายเลือดของเจ้า ลองดูว่ามันได้ผลรึเปล่า”

เฉินเฉียงรับยาที่กงเหลียงส่งมาให้ก่อนที่จะหยิบออกมาเม็ดหนึ่งแล้วโยนเข้าปากไป

เม็ดยาได้ละลายในทันทีที่เข้าปากของเฉินเฉียง หลังจากนั้น เฉินเฉียงก็ได้ลองใช้เกราะพลังงานเคลือบร่างของตนดู

แน่นอนว่า ฉากที่ดูน่าตื่นตะลึงก็ได้ปรากฏ

แต่เดิมเกราะพลังงานของเขานั้นไม่มีสีสัน แต่ในตอนนี้มันกลับมีสีเงินที่กระจ่างตา เพียงแค่มองก็ดูราวกับว่าตัวเขานั้นมีพลังสายเลือดโลหะเลยทีเดียว

“ตงเจี๋ยน จดจำไว้ว่ายาชนิดนี้สามารถออกฤทธิ์ได้เพียงสี่ชั่วโมงในแต่ละครั้งเท่านั้น หากหมดเวลาแล้วเจ้าต้องกินมันต่อ”

“มีเวลาจำกัดงั้นเหรอ….” เฉินเฉียงได้มองไปยังเม็ดยาสีสันที่อยู่ในขวดสักพักก่อนที่จะหันหน้ากลับไปยังกงเหลียงด้วยคิ้วขมวด “หัวหน้ากง ยานี่มีเพียงแค่ยี่สิบเม็ดเท่านั้น ถ้ามันหมดแล้วมันจะไม่ได้หมายความว่าตัวข้าจะถูกเผยตัวในทันทีรึยังไง”

“เอาแบบนี้ได้รึเปล่า ท่านบอกสูตรยาสีสันนี้กับข้า เมื่อถึงเวลานั้น คงจะดีกว่าหากข้าปรุงยาพวกนี้ขึ้นมาได้เอง”

กงเหลียงมองดูเฉินเฉียงอยู่สักพักก่อนที่จะถามออกมาอย่างสงสัย “ตงเจี๋ยน….อย่าบอกนะว่าเจ้าเองก็พอจะปรุงยาได้บ้างเหมือนกัน”

“ฮี่ฮี่ฮี่ หัวหน้ากง ต้องขอโทษที่ทำให้ท่านผิดหวัง แต่ตัวข้านั้นรู้วิธีปรุงยาเป็นอย่างดี ตราบใดที่ท่านบอกสูตรยามา เข้าสามารถปรุงยาอะไรก็ได้ตามต้องการ”

“โอ้ เป็นเช่นนั้น เอาล่ะ งั้นเดี๋ยวข้าจะไปสำนักยาและลองพูดคุยดูว่าพอจะนำสูตรยามาให้เจ้าได้รึเปล่า”

“ตอนนี้เจ้าควรจะไปพบท่านราชาสวรรค์ก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยการที่ภารกิจของเจ้านั้นพิเศษกว่าใคร ท่านราชาสวรรค์จึงต้องการจะบอกเจ้าด้วยตัวเอง”

“เมื่อใดที่เจ้าเสร็จเรื่องแล้ว เจ้าและคนอื่นๆก็จะได้เวลาออกเดินทางไปที่ราบภาคกลางกันสักที”