ตอนที่ 126 ตำหนักหินลึกลับ

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ทั้งสามคนเลือกเดินทางด้านขวาสุด เดินไปสักพัก ด้านหน้าปรากฏแสงสว่างขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่ทางเดินจะสว่างขึ้นมาทั้งหมด ตอนแรกทั้งสามคนรู้สึกดีใจขึ้นมา มีแสงสว่างแสดงว่าพวกเขาเดินไม่ผิดทาง เส้นทางนี้คือทางออกไปยังเมืองผี

แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไป แสงนั้นก็ยิ่งสว่างมากขึ้น อีกทั้งยังแสบตาเล็กน้อย ไม่เหมือนกับเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปกับเมืองผี แต่เป็นเหมือนเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังโลกมนุษย์มากกว่า

“เอ๊ะ? ด้านหน้าเหมือนมีประตู!” หัวหน้าห้องเจี่ยวที่เดินอยู่ด้านหน้าสุดพูดขึ้น

อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าสุดทางของทางเดินเป็นประตูหินบานหนึ่ง มีแสงสีขาวเล็ดลอดออกมาจากร่องของประตู ทำให้บริเวณโดยรอบขาวสว่างราวกับหิมะ เหมือนกับเป็นทางออก

หัวหน้าห้องเจี่ยวสีหน้าดีใจ “ที่นี่น่าจะเป็นทางออก” เขาดึงอวิ๋นเจี่ยวเดินออกไปทางด้านนอก

เถิงสีที่อยู่ด้านข้างกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมกับดึงทั้งสองคนกลับมา “พวกเจ้าหาที่ตายหรือไง!” เขามองพวกเธอด้วยสายตาต่อว่า พร้อมกับชี้ไปยังประตูบานนั้น “มีพลังลมปราณแผ่ออกมาจากประตูบานนั้น พวกเจ้าเพิ่งตาย อยากจะวิญญาณสลายหรือไง”

“พลังลมปราณ?” ทั้งสองคนตกตะลึง เมื่อลองสัมผัสดู ถึงได้พบว่าสิ่งที่เล็ดลอดออกมาจากประตูไม่ได้มีเพียงแสงสีขาว แต่ยังมีพลังลมปราณ ระดับการรวมตัวของพลังลมปราณมีมากกว่าคนปกติอย่างมาก

ยมโลกทำไมถึงมีพลังลมปราณ? หรือว่าจะเป็นเส้นทางเชื่อมไปยังโลกมนุษย์จริงๆ พวกเขากลับมาแล้ว?

ทั้งสองคนฉงนใจเล็กน้อย แต่เถิงสีคิดว่าพวกเธอรู้สึกกลัว เพราะว่าสิ่งที่วิญญาณในยมโลกกลัวที่สุดก็คือพลังลมปราณ ดังนั้นเขาจึงเดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว พร้อมกับสะบัดมือเรียกพลังวิญญาณออกมาล้อมรอบทั้งสามคนเอาไว้ ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “พวกเจราทั้งสองตามหลังข้า อย่าวิ่งออกไปจางบริเวณพลังของข้าเด็ดขาด!”

ทั้งสองคน ”…”

พวกเธอควรจะบอกเขาหรือไม่ว่า แท้จริงแล้วพวกเธอไม่ใช่ผี สิ่งที่กลัวไม่ใช่พลังลมปราณ แต่เป็นพลังวิญญาณ!

เถิงสีปกป้องพวกเขาทั้งสองคนไว้ด้านหลังพร้อมทั้งเดินไปยังประตูบานนั้นอย่างระมัดระวัง บนประตูไม่มีข่ายพลังอะไร พวกเธอมองเห็นกลไกบนกำแพงด้านข้าง

เถิงสีส่งพลังวิญญาณออกไปกดกลไก ประตูหินบานนี้เปิดขึ้นในทันที ก่อนจะเผยให้เห็นแสงสีขาวที่สว่างกว่าเดิม อวิ๋นเจี่ยวหลี่ตาลงตามสัญชาตญาณ เพิ่งจะเดินเข้าไปได้สองสามก้าว

เถิงสีที่อยู่ด้านหน้ากลับผงะไปและหยุดชะงักลง หัวหน้าห้องเจี่ยวไม่ทันได้หยุดฝึเท้า เขาชนเข้ากับอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

“เกิดอะไรขึ้น” เขาตะลึงไปเล็กน้อย

กลับพบว่าเถิงสีเบิกตาโต มองไปยังข้างหน้าอย่างเหลือเชื่อ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง! อวิ๋นเจี่ยวมองตามไปด้านหน้า พบว่าด้านหน้าเป็นตำหนักหินขนาดใหญ่ ตรงกลางของตำหนักหินมีข่ายพลังมหึมาที่สว่างอยู่ ด้านบนของข่ายพลังมีร่างของคนลอยอยู่ คนนั้นสวมชุดยาวสีดำ ลักษณะอายุไม่มาก อีกทั้งใบหน้านั้นมีความคุ้นเคย เหมือนกับ…

“หาน…” เธอพูดออกมาตามสัญชาตญาณ

“ศิษย์พี่หาน!” เถิงสีด้านข้างเดินพุ่งตรงเข้าไป คิดจะช่วยคนในข่ายพลังออกมา แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ถูกข่ายพลังซัดกระเด็นออกมา ส่งผลให้พลังลมปราณรอบข่ายพลังก็กระสับกระส่ายขึ้นมาด้วย

เถิงสีกระเด็นออกไปหลายเมตร แต่เขาลุกขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับชักดาบด้านหลังของตนออกมา คิดจะทำลายข่ายพลัง

อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะรั้งคนเอาไว้ “เดี๋ยว!…ท่านทำเช่นนี้คงไม่อาจทำลายข่ายพลังได้” พูดจบก็หันไปมองคนในข่ายพลัง จากนั้นถึงได้พูดขึ้นอีกครั้ง “อีกทั้ง…วิญญาณของเขาสลายไปแล้ว!” ตรงกลางนี้เป็นเพียงร่างกายเท่านั้น

“เป็นไปไม่ได้! เขาจะ…” สีหน้าของเขาซีดลง มองไปยังคนในข่ายพลัง

“ศิษย์พี่หานเป็นราชาโยวตู ในยมโลกจะมีคนทำร้ายเขาได้อย่างไร”

“ราชาโยวตู!” อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันได้อธิบาย เจียวเหิงอีกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน เขามองไปยังคนในข่ายพลังด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “เขา…เขาเป็นราชาโยวตู หนึ่งในเจ็ดยมราชของยมโลก!” เล่าลือกันว่ายมโลกนอกจากราชาแห่งยมโลกแล้ว ยังมียมราชทั้งเจ็ดที่คอยดูแลเรื่องของคุณโทษ บทลงโทษ การตัดสินความผิดของวิญญาณ ราชาโยวตูเป็นหนึ่งในนั้น!

“ศิษย์พี่หานมีพลังแข็งแกร่ง เขาฝึนฝนจนได้ร่างสามหยิน สามวันก่อนข้าเพิ่งได้เจอกับเขา ทำไมตอนนี้ถึงได้…”

สีหน้าของเถิงสีร้อนใจอย่างมาก เขามองไปยังคนในข่ายพลังอย่างไร้วิธี จากนั้นนึกถึงเรื่องที่เกิดในคุกยมโลก เขาจึงรีบหันไปหาอวิ๋นเจี่ยว “เจ้า…เจ้าเชี่ยวชาญด้านข่ายพลังใช่หรือไม่ ข่ายพลังนี้เจ้าทำลายได้หรือไม่”

อวิ๋นเจี่ยวมองไปยังคนในข่ายพลัง ครุ่นคิดอยู่สักพักและตอบกลับ “ข้าลองดู”

“ขอบใจ!” เถิงสียกมือขอบคุณเธอ

อวิ๋นเจี่ยวเดินหน้าขึ้นไปหลายก้าว หยุดอยู่ริมข่ายพลัง ก่อนจะพินิจขึ้นมา เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกศิษย์ของอาจารย์อาเหวินที่ชื่อหานซู จะมีสถานะสูงในยมโลกเช่นนี้ เสียดายที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้หลงเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณ แม้จะฝึกฝนได้ร่างสามหยินยังถูกผนึกไว้ที่นี่

อีกทั้งยังมีข่ายพลังนี้…

“เป็นอย่างไร” เถิงสีถามอย่างร้อนใจ ตัวขอเขาชำนาญด้านอาวุธ ไม่รู้เรื่องของข่ายพลังแม้แต่น้อย

อวิ๋นเจี่ยวเหลือมองเขาทีหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถาม แต่ถามกลับว่า “ท่านคุ้นเคยกับเขามาก?”

“เขาเป็นศิษย์พี่ของข้า” เขาตอบ “ถึงแม้จะไม่ได้เป็นอาจารย์คนเดียวกัน แต่อาจารย์ของพวกข้ากลับมาจากสำนักเดียวกัน”

“…”อวิ๋นเจี่ยวผงะไป อาจารย์ของเจ้าคงจะไม่บังเอิญเป็นศิษย์โง่ของอาจารย์ปู่เหมือนกันนะ? ทันใดนั้นเธอมีความรูสึกเหมือนทั่วโลกล้วนเป็นญาติ เธอไม่ได้ถามต่อ เพียงแต่เบี่ยงเบนประเด็นไป

“พวกท่านฝึกฝนโดยพลังวิญญาณ?”

“อืม” เขาพยักหน้า มองไปยังคนในข่ายพลัง ก่อนจะเร่งเร้าอีกครั้ง “เป็นอย่างไร สามารถทำลายได้หรือไม่

อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองข่ายพลังอีกครั้ง ครุ่นคิดอยู่สักพักถึงได้พูดขึ้น “นี่เป็นข่ายพลังระดับสวรรค์ หากข้าทายไม่ผิด นี่คงจะเป็นข่ายพลังหยินหยาง!”

“ข่ายพลังหยินหยาง!” เจียวเหิงอีตะลึง “ข่ายพลังที่เล่าลือหรือ”

“อืม”  อวิ๋นเจี่ยวอธิบายต่อ “ข่ายพลังหยินหยาง แบ่งออกเป็นหยินและหยางสองขั้ว มันเกิดและควบคุมกันและกัน ไม่อาจแยกออกจากกันได้ ที่ท่านเห็นอันนี้คือข่ายพลังหยิน อาศัยพลังลมปราณในการควบคุมและโจมตีพลังวิญญาณบนตัวของคนในข่ายพลัง จนกระทั้งวิญญาณของอีกฝ่ายสลายไป”

หานซุคงจะตายด้วยเหตุนี้ เพียงแต่พลังลมปราณภายในข่ายพลังนี้เข้มข้นไปเล็กน้อย

มือของเถิงสีกำแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ถึงแม้พวกเขาจะฝึกฝนโดยใช้พลังวิญญาณ และมีร่างสามหยินที่แตกต่างวิญญาณธรรมดา แต่พลังลมปราณก็ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขา การควบคุมโดยพลังลมปราณถือเป็นการฆ่าพวกเขา ใครกันที่ใช้วิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้กับศิษย์พี่หาน!

เขาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อควบคุมอารมณ์โกรธภายในใจ ก่อนจะพูดต่อ “เช่นนั้น…ข่ายพลังนี้ทำลายได้หรือไม่” ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนำร่างของศิษย์พี่ออกมา อาจารย์อาจมีวิธีแก้ก็เป็นได้

“ทำลายได้” อวิ๋นเจี่ยวพูด “แต่ว่าเมื่อกี้ข้าบอกแล้ว ข่ายพลังนี้แบ่งออกเป็นหยินและหยาง หากจะทำลายก็ต้องทำลายพร้อมกัน ที่นี่มีข่ายพลังหยิน เช่นนั้น…” เธอนั่งลงเคาะพื้น “ด้านล่างก็ต้องมีข่ายพลังหยาง” แต่ประเด็นคือพวกเธอจะลงไปอย่างไร

“เรื่องง่าย!” เถิงสีไม่แม้แต่จะคิด เขาหยิบมีดเล่มยามออกมาทันที

เดี๋ยว เขาคงจะไม่…

(⊙_⊙)

อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันได้พูด เขาก็ฟันมัดลงไปบนพื้นแล้ว ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้อง พื้นดินแยกออกจากกันในทันที จากนั้นเธอและหัวหน้าห้องเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างก็ตกลงไปด้านล่างพร้อมกัน

เฮ้ย!

เขาเป็นไซบีเรียนแน่ๆ! คิดจะพังก็พัง!

บอกกล่าวก่อนจะตายหรือไง!