ตอนที่ 127 พบอาจารย์อาอีกครั้ง

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

เมื่อกำลังจะตกลงไป อวิ๋นเจี่ยวจึงรีบคว้ายันต์ตัวเบาออกมา หลบเลี่ยงหินที่ร่วงหล่นบริเวณโดยรอบได้อย่างฉิวเฉียด อีกทั้งยังดึงหัวหน้าห้องเจียวที่อยู่ด้านข้างให้ประคองตัวเอาไว้ก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน

นาทีถัดมารู้สึกถึงพลังหนาวเย็นกลุ่มหนึ่งซัดเข้ามา บริเวณรอบด้านมืดลงไปไม่น้อย พลังวิญญาณล่องลอยอยู่ทั่วบริเวณ แตกต่างกับพลังลมปราณเมื่อสักครู่อย่างยิ่ง

“สภาพแวดล้อมด้านล่างไม่เลว” เถิงสียังคงแบกมีดเล่มยาวของตัวเองเอาไว้ เขายืนห่างออกไปไม่ไกลนัก กำลังจ้องมองบริเวณรอบด้านอย่างพึงพอใจ ไม่รู้ตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป จากนั้นเขาชี้นิ้วไปยังจุดที่พวกเขาตกลงมาพร้อมพูดขึ้น “พวกเจ้า ตรงนั้นเป็นข่ายพลังหยางที่เจ้าพูดถึงใช่หรือไม่”

อวิ๋นเจี่ยวเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าบริเวณที่พวกนางตกลงมานั้น มีแท่นสูงที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ บนแท่นสูงยังมีข่ายพลังสีแดงขนาดใหญ่ที่กำลังส่องสว่างอยู่ ลักษณะเหมือนกับข่ายพลังที่กักขังหานซูเอาไว้ เพียงแต่ข่ายพลังด้านบนนั้นเต็มไปด้วยพลังลมปราณ แต่ข่ายพลังอันล่างนั้นกลับเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ตรงกลางของข่ายพลังสามารถมองเห็นร่างของสองคนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ หนึ่งในนั้นถูกพลังวิญญาณล้อมเอาไว้มองเห็นได้ไม่ชัด ส่วนอีกคนกลับสวมชุดนักพรตสีขาวคุ้นตา เหมือนกับ…

“เอ๊ะ? ในข่ายพลังทำไมถึงมี…” คน

“อาจารย์อาเหวิน!” เถิงสีกำลังคิดจะกระโดดขึ้นไปดู แต่อวิ๋นเจี่ยวกลับตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นนางอาศัยยันต์ตัวเบากระโดดขึ้นไป พบชายหนุ่มไม่คุ้นหน้าอีกคนที่อยู่ข้างเหวินชิง บนตัวของเขายังมีพลังเทพจางๆ ที่สามารถสัมผัสได้ ดูท่าทางก็คงจะเป็นเทพ

“ท่านอาวุโสเหวินจริงด้วย!” เจียวเหิงอีผงะเช่นเดียวกัน ครั้งก่อนตอนที่จับชือเซียวในเมืองทางตะวันตก เขาก็เคยพบกับท่านอาวุโสท่านนี้ ไม่รู้นามจริง รู้เพียงแต่แซ่เหวิน ต่อมาอวิ๋นเจี่ยวบอกว่าเขามีธุระ จึงกลับสำนักไปก่อน แต่ทำไมตอนนี้ถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

“พวกเจ้ารู้จัก?” เถิงสีเหลือบมองทั้งสองคน เจียวเหิงอีไม่รู้ แต่เขากลับมองออกว่าคนทั้งสองนี้เป็นคนของสวรรค์ เดิมทีคิดว่าพวกเขาเป็นเพียงวิญญาณที่เพิ่งตาย ไม่คิดว่ายังรู้จักคนของสวรรค์อีกด้วย เขารู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร

อวิ๋นเจี่ยวมองดูคนตรงกลาง สภาพของเหวินชิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูจากคราบเลือดที่ซึมออกมาจากชุดนักพรตสีขาวก็พอจะรู้ได้ อีกทั้งลมหายใจของเขายังอ่อนแออย่างมาก พลังบนตัวกำลังถูกข่ายพลังดึงดูดไปอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานก็คงจะหมดเกลี้ยง จากนั้นพลังวิญญาณบริเวณโดยรอบจะกลืนกินวิญญาณของพวกเขา

อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้รีรอ นางรีบทำลายข่ายพลังในทันที นางหยุดยั้งไม่ให้ข่ายพลังกลืนกินพลังเทพบนตัวของอีกฝ่าย จากนั้นปลดการเชื่อมต่อของข่ายพลังทั้งสอง

ข่ายพลังระดับสวรรค์แตกต่างจากข่ายพลังอื่น ดังนั้นอวิ๋นเจี่ยวจึงใช้เวลาค่อนข้างมาก ปกติใช้เวลาเพียงครึ่งเค่อก็สามารถทำลายได้ ครานี้นางใช้ถึง…เอ่อ หนึ่งเค่อครึ่งถึงจะทำลายได้ เห็นเพียงแต่ข่ายพลังที่เชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนาสองอันแยกออกจากกัน ระยะห่างมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายราวกับมันถึงขีดจำกัด ดับสลายไปอย่างไร้ร่องรอย

ร่างสามหยินของหานซูที่ลอยอยู่ด้านบนก็ตกลงมา เถิงสีเอื้อมมือออกไปรับเอาไว้ ก่อนจะตรวจดูพลังของอีกฝ่าย พบว่าเหมือนที่อวิ๋นเจี่ยวกล่าวเอาไว้ หานซูเหลือเพียงแต่ร่างกาย วิญญาณภายในสลายหายไปแล้ว ทันใดนั้นสายตาของเขามืดดับลง

อวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้างยื่นมือออกไปตรวจดูคนที่นั่งอยู่ทั้งสอง สภาพของทั้งสองคนคล้ายคลึงกัน ร่างกายของพวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส เส้นชีพจรเทพขาดเป็นสองท่อน อีกทั้งข่ายพลังเมื่อครู่ ทำให้พลังเทพบนตัวของพวกเขาหลงเหลืออยู่ไม่มาก และมีแนวโน้มที่จะถดถอยลงไป นางรีบหยิบเข็มเงินออกมา รักษาเส้นชีพจรหัวใจของพวกเขาเอาไว้ จากนั้นถึงได้วางข่ายพลังซ่อมแซมเส้นชีพจรอื่นของทั้งสองคน

เพิ่งฝังเข็มเสร็จ ทั้งสองคนก็ขมวดคิ้ว มีปฏิกิริยาในทันที เหวินชิงที่ได้รับบาดเจ็บน้อยกว่าลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เขาเห็นอวิ๋นเจี่ยวที่กำลังฝังเข็มอย่างตั้งใจอยู่ตรงหน้า เหวินชิงผงะไปเล็กน้อย เขากำลังฝันอยู่หรือ ทำไมถึงมองเห็นศิษย์หลานของอาจารย์ปู่อยู่ที่นี่ อืม คงจะถูกหานซูยั่วโมโหจนเห็นภาพหลอนเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงหลับตาลงอีกครั้ง

“อาจารย์อาเหวิน?” ทำไมเขาถึงหลับตาลง วิธีการฝังเข็มของนางไม่มีปัญหาอะไรนะ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ นางจึงเปลี่ยนทิศทางของเข็มที่กำลังจะฝังไปยังจุดเจ็บของอีกฝ่าย อยากจะลองดูปฏิกิริยาของผู้ป่วย

“โอ้ย!!” เหวินชิงตะโกนออกมา ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ทันใดนั้นก็ยืดตัวตรงขึ้นมา

อืม นางบอกแล้ว วิธีการฝังเข็มไม่มีปัญหา

“ศิษย์…ศิษย์หลาน!?” เหวินชิงถึงการนี้จึงจะรู้ว่าคนตรงหน้าคือตัวจริง เขามองนางขึ้นลง ก่อนจะมองไปรอบด้าน “ที่นี่คือยมโลก เจ้า…เจ้าทำไมถึงอยู่ที่นี่”

อวิ๋นเจี่ยวตอบกลับ “เรื่องค่อนข้างซับซ้อน ไว้ข้าอธิบายให้ท่านฟังวันหลัง?”

“ศิษย์น้อง?” เหวินชิงกำลังจะพูด ท่านเทพอีกคนที่อยู่ด้านข้างก็ฟื้นขึ้นมาเช่นกัน เขามองมาด้วยสายตาสงสัย

เหวินชิงหันกลับไปมองอีกฝ่าย ไม่สนใจบาดแผลของตนเอง ถามอีกฝ่ายอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่สอง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” เขาเหมือนนึกอะไรได้ สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ “หากไม่ใช่ท่านรับการโจมตีนั้นแทนข้า ท่านคงไม่…ข้าผิดเอง ไม่คิดว่าหานซูจะเป็นศิษย์เนรคุณเช่นนี้!”

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปเห็นคนที่เถิงสีกำลังอุ้มอยู่ ทันใดนั้น เขาเบิกตาโต ความโกรธพุ่งขึ้นอีกหลายสิบเท่าตัว ก่อนจะพูดอย่างเคียดแค้น “หานซู!” พูดจบก็ทำท่าจะพุ่งเข้าไป

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?!” เถิงสีตกตะลึง เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว พร้อมกับจับไปยังมีดยาวที่อยู่ด้านหลัง

อวิ๋นเจี่ยวรีบดึงเหวินชิงเอาไว้ “ท่านยังบาดเจ็บอยู่ อย่าเพิ่งขยับ”

เหวินชิงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ถึงได้พบว่าเข็มเงินที่อวิ๋นเจี่ยวฝังเข้าไปยังจุดเจ็บของตนยังไม่ได้เอาออก ทำให้ยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อขยับ เขาจึงพูดขึ้น “ศิษย์หลาน เจ้าเก็บเข็มออกไปก่อน หานซูเป็นคนที่ลอบทำร้ายพวกข้า กักขังพวกข้าไว้ที่นี่”

“เป็นไปไม่ได้!” อวิ๋นเจี่ยวยังไม่ทันพูด เถิงสีกลับชิงพูดคัดค้านขึ้นมาก่อน “ศิษย์พี่หานของข้าเป็นบุรุษที่เปิดเผย ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้เป็นแน่!”

เหวินชิงยิ่งโกรธมากขึ้น เขาชี้ไปยังคนที่อีกฝ่ายกำลังพยุงเอาไว้ “ใช่หรือไม่ใช่ เจ้าให้เขามาตอบเอง ตอนนี้มาแสร้งเป็นสลบทำไมกัน!”

เมื่อสิ้นคำพูด ไม่เพียงแต่เถิงสี คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตะลึง สีหน้าล้วนหนักใจขึ้นมา

“อาเหวินชิง…” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ ก่อนจะอธิบาย “เขาไม่ได้แสร้งสลบ…หากข้าทายไม่ผิด วิญญาณของหานซูสลายไปตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว”

“อะไรนะ?!” เหวินชิงตะลึง มองไปยังคนที่ถูกเถิงสีพยุงเอาไว้อย่างเหลือเชื่อ เนื่องจากว่าตนเองนั้นบาดเจ็บสาหัสจึงไม่ได้พินิจอย่างละเอียด ตอนนี้เขาเพิ่งจะเห็นว่าร่างกายของหานซูแข็งทื่อ บนตัวไม่มีชีวิตชีวา ตาของเขาเบิกกว้างมากขึ้น ส่ายหัวอย่างแรงราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ “เป็นไปไม่ได้! พวกข้าเพิ่งพบเขาเมื่อหลายวันก่อนที่โยวหลิง เขาทำให้ข้ากับศิษย์พี่สอง…”

เขาพูดไปเพียงครึ่งเดียว สีหน้าของทั้งสองคนเปลี่ยนไป หากวิญญาณของหานซูสลายไปนานแล้ว เช่นนั้นคนที่พวกเขาเจอเมื่อหลายวันก่อนคือใคร