ตอนที่ 118

เสน่ห์คมดาบ

“แล้วอีกคนล่ะ?” แคลร์ถือถ้วยน้ำชาไว้เพื่อให้ คามิลล์ เติมชาให้นาง อีก จากนั้นแคลร์ก็จิบเบาๆ นี่เพิ่งสองคนเอง ยังมีอีกคนนี่นา? 

 

 

“แล้ว คนงามคนที่สามนั้นก็คือพี่สาวของเจ้า หลี่เยว่เหวินนี่ไง” หลี่หมิงหยู่พูดยิ้มๆ โดยไม่ได้สนใจสายตาห้ามปรามของหลี่เยว่เหวินเลย 

 

 

“พรืด…” แคลร์พ่นชาดอกไม้ที่อยู่ในปากออกไป มันพุ่งใส่เต็มหน้าของวัลโดที่อยู่ตรงข้าม ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินที่อยู่ข้างๆ ก็ถูกชา กระเด็นใส่ เล็กน้อย วัลโดรู้สึกแย่มากแต่ ไม่กล้าโวยวายอะไรออกไป 

 

 

“ยัยนี่ นี่มันอะไรของเจ้าห้ะ?” หลี่เยว่เหวินมองแล้วโวยออกมา ทำท่าจะลงมือกับแคลร์ 

 

 

“ฮ่าๆ ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำผิดบ้างไม่ได้เลยหรือ พี่สาวคนงาม…” แคลร์ยิ้ม “เช่นนั้น พี่สาวคนงาม วันนั้นพี่ก็ไปด้วยงั้นหรือ?” 

 

 

“ไม่ไป” หลี่เยว่เหวินพูด “แล้วเราก็ไม่ มีเงินไปบริจาคด้วย” 

 

 

“ใช่ ตอนนี้สาวงามทั้งสามของเมือง สุ่ยซินเม่ยก็แต่งงานเข้าตระกูลเฟิงไปแล้ว พี่สาวของเจ้าเองก็ไม่ออกไปให้คนเห็นหน้าบ่อยนัก ตอนนี้มีแต่ฮว๋าซิ่วหนิงที่ออกงานอยู่บ่อยๆ” หลี่หมิงหยู่พูดเรียบๆ ในแววตามีความซับซ้อนอยู่ 

 

 

แคลร์เข้าใจว่าหลี่หมิงหยู่รู้สึกอย่างไร ตระกูลหลี่กำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ 

 

 

“ฮว๋าซิ่วหนิงออกงานตลอดเลยหรือ?” แคลร์ลูบคางแล้วคิด 

 

 

“ใช่สิ จินตนาการได้เลยว่าใน วันนั้น หญิงผู้นั้นจะต้องออกหน้าอย่างเต็มที่ ตระกูลฮว๋าเองก็คงจะออกหน้าเต็มที่เช่นกัน” หลี่เยว่เหวินพูด ตระกูลฮว๋าและตระกูลหลี่เป็นศัตรูกันมาตลอด พอหลี่เยว่เหวินต้องพูดถึงจึงไม่พอใจอย่างมาก 

 

 

“พี่สาว อย่าอารมณ์เสียเช่นนี้สิ” แคลร์หรี่ตาแล้วพูดยิ้มๆ 

 

 

“เด็กนี่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ข้าอารมณ์เสียที่ไหนกัน?” หลี่เยว่เหวินพูด 

 

 

“ความหมายของข้าก็คือ…” มุมปากแคลร์ปรากฏ รอยยิ้ม “ พอถึงเวลานั้นพวกเราก็ไปปาดหน้านางกันดีกว่า!” 

 

 

“ไปปาดหน้านางออกงาน? เราจะทำอย่างไรล่ะ?” หลี่เยว่เหวินมองไปที่แคลร์อย่างไม่เข้าใจ 

 

 

“พี่สาว งานระดมทุนครั้งนี้พี่ต้องไปเข้าร่วมและ ต้องพาคนไปเข้าร่วมด้วย! จากนั้นเราก็ต้องบริจาคสมบัติที่ล้ำค่ามากๆ ด้วย” แคลร์พูดอย่างจริงจัง 

 

 

“พาคนไปด้วยหรือ? อีกอย่างพวกเราจะไปเอาสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้นมาจากที่ไหนล่ะ?” หลี่เยว่เหวินมองไปที่แคลร์อย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่านางพูดพร่ำอะไร 

 

 

มุมปากของแคลร์ยกขึ้นอย่างแปลกๆ แล้วหันไปมองตงเฟิงโฮ่วที่กำลังกินอยู่แล้วถาม “พวกเจ้าคิดว่าตงเฟิงโฮ่วสวยหรือไม่?” 

 

 

สายตาของทุกคนมองไปที่ตงเฟิงโฮ่ว ในเวลานี้เขาไม่ได้รักษาภาพลักษณ์เลยแม้แต่น้อยและ กำลังกินอาหาร อย่างเอร็ดอร่อย ภาพลักษณ์นี้ไม่ได้มีความงามอยู่เลยนะ? ที่มุมปากมีเศษอาหารติดอยู่ ที่มือก็เต็มไปด้วยน้ำมัน! ทันใดนั้นตงเฟิงโฮ่วก็รู้สึกถึง ความผิดปกติ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองและ ก็เห็นว่าสายตาของทุกคนกำลังมองมาที่เขา 

 

 

“อะไร?” ตงเฟิงโฮ่วถามอย่างไม่เข้าใจ แม้ว่าเขาจะเฉื่อยช้า แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าสายตาของแคลร์ไม่ปกติ 

 

 

“ไม่ได้ เขาเฉื่อยเกินไป พูดจาก็ไม่ชัดเจน แม้ว่าจะแต่งเป็นสาวงามก็ไม่น่าจะเหมาะหรอก” คามิลล์อ่านความคิดของแคลร์ออก ก็รีบออกปากห้ามไว้ 

 

 

ห้ะ?! ทุกคนอึ้งไปและ ก็เข้าใจทันทีว่าแคลร์คิดจะทำอะไร หาก ตงเฟิงโฮ่วแต่งตัวเป็นผู้หญิงก็คงจะงามล่มเมืองได้จริงๆ !และเรื่องนี้ ไม่ได้เป็นการพูดเกินจริง หากเขาไปปรากฏตัวที่งานระดมทุน เขาจะต้องดึงดูดสายตาของผู้คนที่อยู่ที่นั่นได้อย่างแน่นอน แต่ว่า ตงเฟิงโฮ่วสนใจแต่เรื่องกิน เขาจะทำอะไรได้ล่ะ? แค่อ้าปากพูดทุกอย่างก็พังแล้ว 

 

 

“ก็ถูก” แคลร์ลูบคางแล้วพยักหน้าอย่างลำบากใจ นางแทบจะลืมไปแล้วว่าชายรูปงามผู้นี้โง่เขลามาก ไม่ได้เรื่องอะไรเลย! 

 

 

สายตาของแคลร์มองไปที่ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซิน แต่ก็ตัดทั้งสองออกไป ยัยสองคนนี้มี รูปลักษณ์ดูบริสุทธิ์และไร้เดียงสา สัมผัสไม่ได้ถึงความยั่วยวนใดๆ เลย วัลโด? เหลิ่งหลิงยวิ๋น? จินเหยียน? แคลร์ตัดความคิดนี้ออกไปโดยทันทีเลย คนเหล่านี้ ถ้าให้พวกเขาไปแต่ง หญิง พวกเขาคงยอมตายเสียดีกว่า 

 

 

เรื่องนี้จะเอาอย่างไรดีล่ะ? แคลร์สับสนเล็กน้อย คนที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างตงเฟิงโฮ่วก็ถูกคัดค้าน จะยังมีใครที่เหมาะสมอีกล่ะ? 

 

 

“เจ้าจะหาคนที่สวยยิ่งกว่าเพื่อเอาชนะฮว๋าซิ่วหนิงงั้นหรือ? มันไม่ง่ายนักหรอกนะ ฮว๋าซิ่วหนิงเป็นคนที่สวยมากจริงๆ” หลี่เยว่เหวินชี้แจงแผน ของแคลร์ “ฮว๋าซิ่วหนิงนั้นหัวสูงมาก นางหมายปององค์รัชทายาทมาตลอด นางอยากจะเป็นพระชายาและในอนาคตก็จะได้เป็นฮองเฮา ดังนั้นนางจึงหาโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับองค์รัชทายาทอยู่ตลอด” 

 

 

“แต่ว่านางก็ยังทำไม่สำเร็จใช่หรือไม่?” แคลร์พูดแล้วยิ้มอย่างเย็นเยือก 

 

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไร? องค์รัชทายาทไม่ได้มีท่าทีใดๆ เลยจริงๆ นั่นแหละ” หลี่เยว่เหวินถามอย่างตกใจ 

 

 

“หากนางทำสำเร็จ พี่ก็คงไม่ได้พูดด้วยเสียงแบบนี้หรอก” แคลร์เลิกคิ้วแล้วพูดหยอก 

 

 

“เด็กนี่ เจ้ากล้าพูดแบบนี้กับข้าหรือ?” ในที่สุดหลี่เยว่เหวินก็เข้าใจความหมายในน้ำเสียงของแคลร์แล้ว 

 

 

“ที่จริง ก็มีทางเลือกที่ดีที่สุดอยู่คนหนึ่งนะ” คามิลล์มองแคลร์แล้วพูดยิ้มๆ 

 

 

สายตาของคนอื่นๆ ก็มองไปที่แคลร์ แคลร์ขมวดคิ้วแล้วมองคนเหล่านั้นอย่างไม่พอใจ “โธ่ พวกเจ้าคิดว่ารูปร่างอย่างข้าจะไปเทียบกับสาวสวยที่มีเสน่ห์ยั่วยวนได้หรือ?” 

 

 

“ยาเสริมความงามไง” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดออกมา พูดเสร็จเขาก็รีบ จัดการกับอาหารเช้าต่อ ทุกคนมองไปที่เขา สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแล้วก็ดื่มน้ำผลไม้ด้วยท่าทีนิ่งเฉย ทำราวกับคนที่พูดคำพูดเมื่อกี้ไม่ใช่เขา 

 

 

“ใช่เลย ยาเสริมความงาม เหอะๆ แคลร์ ร่างเด็กสาวอย่างเจ้าก็จะกลายเป็นสาวที่โตเต็มวัยได้… อ๊าก!” วัลโดยังพูดไม่ทันจบก็ล้มลงไปจากเก้าอี้ แคลร์ได้ เอาขนมปังที่อยู่ตรงหน้าทุบเขา เพียงแต่การทุบครั้งนี้ไม่ ธรรมดาขนาดนั้น นางใช้พลังมากไปหน่อย นักเวทย์มนตร์ดำที่อ่อนแอน่าสงสารจะไปมีแรงต้านความแข็งแกร่งได้อย่างไรล่ะ เขาจึงถูกทุบอย่างแรงจนลงไปอยู่ที่พื้นแล้วร้องโวยวายอยู่อย่างนั้น 

 

 

แคลร์ส่งสายตาสมน้ำหน้าให้วัลโดแล้วหันไปมองรอบๆ ก็เห็นว่าทุกคนมองมาที่นางอย่างไม่มีความปราณีเลย 

 

 

“ข้าจะบอกพวกเจ้าเลยนะ อย่าแม้แต่จะคิด ข้าไม่ตกลงแน่ๆ” แคลร์ลุกขึ้นจะเดินหนีไป 

 

 

“แคลร์… หรือว่าเจ้าจะทนดูตระกูลหลี่ของเราล่มสลายลงได้งั้นหรือ? หรือว่าเจ้าจะทนดูญาติๆ ของแม่เจ้าตกต่ำลงได้งั้นหรือ?” หลี่เยว่เหวินดึงแคลร์เอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล นางมองแคลร์ด้วยสายตาลึกซึ้งเป็นประกาย 

 

 

แคลร์ขนลุกไปทั้งตัว ดึงมือออกอย่างสั่นเทา แล้วยกมุมปากขึ้น “พี่สาว ไม่เคยมีใครบอกหรือ ว่าสายตาและน้ำเสียงเช่นนี้ไม่เหมาะกับพี่เลยสักนิด?” 

 

 

“เจ้า!” หลี่เยว่เหวินพูดขึ้นมาแล้วมองไปที่อีกฝ่ายอย่างโกรธแค้น 

 

 

“พอ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เรามาคุยกันเรื่องสมบัติล้ำค่าก่อนดีกว่า” แคลร์นั่งลงแล้วพูดต่อเรียบๆ 

 

 

“สมบัติจากที่ไหนล่ะ?” หลี่เยว่เหวินขมวดคิ้ว ตอนนี้ของล้ำค่าเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในมือของพวกเขาก็คือแกนเวทย์ที่แคลร์ให้ไว้เมื่อครั้งที่แล้ว แต่ว่าพวกเขา ก็เตรียมจะ ขายสิ่งนั้นเพื่อเอามาซ่อมห้องโถงที่แคลร์ทำพังไปครั้งที่แล้วและยังต้องเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในภายหลังอีก ด้วย 

 

 

“เบน” ทันใดนั้น แคลร์ก็เรียกมังกรดำที่นั่งอยู่อีกด้านเงียบๆ 

 

 

“อะไร?” เบนเงยหน้ามองแคลร์อย่างงุนงง 

 

 

“เผ่าพันธุ์มังกร ชอบการสะสมของล้ำค่าใช่หรือไม่?” แคลร์มองเบนแล้วถาม แม้ว่าจะเป็นการถาม แต่ว่าน้ำเสียงนั้นมีแต่ความมั่นใจ 

 

 

“ไม่” เบนปฏิเสธ แต่ประกายในดวงตานั้นหักหลังเขา 

 

 

เจ้าผู้นี้! แคลร์ยกมุมปากขึ้น ดูท่าทางชายผู้นี้จะเรียนรู้จากนาง ไปไม่น้อยเลย แต่ว่าก็ยังไม่มากพอ เวลาที่โกหกยังมีคงมีประกายในแววตาอยู่ นางเคยได้ยินเกี่ยวกับงานอดิเรกเช่น นี้ของเผ่าพันธุ์มังกร พวกเขาชอบเก็บสะสมของล้ำค่าต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากทั้งสิ้น ดูท่าทาง เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องจริงสินะ 

 

 

“ไม่งั้นหรือ? เจ้าชายแห่งเผ่าพันธุ์มังกรผู้สง่างาม จะไม่มีสมบัติเลยงั้นหรือ? หึหึ ตัวเจ้านี่ช่างน่าเศร้าจังนะ เทียบ กับคนอื่นในเผ่าพันธุ์มังกรแล้ว เจ้าคงจะยากจนที่สุดเลยล่ะสิ?” แคลร์ถอนหายใจด้วยท่าทางเสียใจ 

 

 

คนอื่นๆ นิ่งเงียบไป หลี่เยว่เหวินมองตรงไปที่แคลร์ กลวิธีง่ายๆ แบบนี้จะมีใครที่หลงกลด้วยหรือ? ไม่จริงน่า?! 

 

 

“พูดจาไร้สาระ! สมบัติของข้านับว่าร่ำรวยที่สุดในเผ่าพันธุ์มังกรเลยนะ!” เบนยืนขึ้นแล้วพูด 

 

 

เมื่อพูดจบ ในห้องโถงก็เงียบไปทันที ทุกคนมองไปที่เบน หลี่เยว่เหวินอ้าปากค้างแล้วมองที่เบนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่จริงน่า? กลวิธีง่ายๆ เช่นนี้มีคนหลงกลได้จริงๆ งั้นหรือ?! เจ้ามังกรโง่นี่! 

 

 

ซัมเมอร์ยักไหล่ เรื่องนี้ไม่ได้เกินคาดของนางเลย เจ้ามังกรดำไร้มารยาท นี่ ดูท่าทางจะไม่ใช่แค่ไร้มารยาท แล้วล่ะ แต่ยังโง่มากๆ เลยด้วย นางไม่แปลกใจเลยสักนิด 

 

 

เบนมองเห็นความเจ้าเล่ห์ในแววตาของแคลร์ก็แทบจะร้องไห้ออกมาทันที แคลร์นี่ เจ้าเล่ห์ที่สุดเลย เป็นอย่างที่วัลโดพูดเลย ยัยนี่เป็นมนุษย์ที่ไหนกันล่ะ? นางเป็นปีศาจน้อยชัดๆ ! สมบัติ สมบัติล้ำค่ามากมายของตนเอง! เขาจะต้องไม่ยอมให้ตกอยู่ในมือของนางเด็ดขาดเลย! 

 

 

“อย่าคิดว่าเจ้าไปเอามาให้ข้าเพียงเล็กน้อยแล้วจะพอนะ” คำพูดต่อไปของแคลร์ทำลายความคิดในใจของเบนไปเลย “ของพวกนั้นมันมีประโยชน์อะไรล่ะ? กินก็ไม่ได้ ทำให้เจ้ามีความสุขก็ไม่ได้ ให้ตำแหน่งกับเจ้าก็ไม่ได้ ทำให้เจ้าแข็งแกร่งก็ไม่ได้ ไม่สามารถเติมเต็มความปรารถนาให้เจ้าได้เลยด้วย เบน ฟังข้านะ ทุกอย่าง ก็เป็นเหมือนกับก้อนเมฆแค่นั่นแหละ” 

 

 

เบนแทบจะร้องไห้ เรื่องพวกนี้เขารู้ดี แต่ว่าการสะสมของล้ำค่ามันเป็นธรรมชาติของเผ่าพันธุ์มังกร เด็กนี่จะเอาสมบัติ ที่เขาสะสมมาหลายปีไปทั้งหมดเลย! แต่ว่าเบนก็ตัดสินใจแล้ว ใช่ ก็อย่างที่แคลร์บอก สมบัติพวกนั้นไม่ได้ให้อะไรกับเขาเลย และ เขาได้รับรู้ประสบการณ์ดีๆ ทั้งหมดจากการเรียนรู้กับแคลร์ในช่วงที่ผ่านมา ความรู้สึกที่ได้อยู่กับพวกของแคลร์มันดีและ อบอุ่นมาก ตอนที่เขาได้ปกป้องคนอื่นๆ ก็ทำให้เขารู้สึกพอใจมาก การที่คนอื่น พึ่งพาเขาและได้รับความรู้สึกซึ้งใจนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีจริงๆ ตอนที่แคลร์มาปกป้องเขาตรงหน้าตอนนั้น ความรู้สึกที่ได้รับการเป็น ห่วงและ ใส่ใจจากผู้อื่นก็ อบอุ่น และ ทำให้เขาซึ้งใจมากเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้มีสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อนเลย เขาหวังจริงๆ ว่าความรู้สึกเช่นนี้ จะคงอยู่แบบนี้ต่อไป เขายังมีความรู้สึกแปลกๆ อีกอย่างกับ หัวขโมยสาวที่อยู่ข้างๆ ทุกครั้งที่เห็นนาง เขาก็อยากจะแกล้งนางเสมอ นี่มันคือความรู้สึกอะไรกัน? ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีมาก่อนเลย 

 

 

“ตกลงตามนี้นะ ข้าจะรอไปเอาสมบัติทั้งหมดกับเจ้า” แคลร์พูดยิ้มๆนาง ไม่รู้อารมณ์ของเบนในตอนนี้ และแค่จะขู่เล่นเท่านั้นเอง 

 

 

………………………………………………………………………………