ตอนที่ 119

เสน่ห์คมดาบ

มุมปากของเบนกระตุกและจากนั้นเขาก็หยุดพูดไป 

 

 

“แผนของเจ้าคืออะไรกันแน่?” คามิลล์เข้าใจ คร่าวๆ อยู่ในใจแล้ว แต่ก็ยังคงถามอยู่ 

 

 

“ก่อนอื่น ต้องสร้างความประทับใจให้กับผู้คนในเมืองก่อน ในเมื่อองค์รัชทายาทจะมา อีกทั้งยังมีสาวงามผู้นั้น มาอีก เช่นนั้นจะต้องมีเหล่าขุนนางมากันเยอะแน่ๆ” แคลร์ยังไม่ทันพูดจบ คามิลล์ก็รู้แล้ว 

 

 

“ในงานระดมทุนนี้ตระกูลหลี่จะเอาสมบัติล้ำค่าที่จะทำให้ทุกคนต้องตะลึงออกมา และประกาศว่าพวกเรายังมีสมบัติเช่นนี้มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วนในตระกูลหลี่ สาวงามที่ไม่มีใครเทียบบวกกับสมบัติล้ำค่า สิ่งเหล่านี้จะดึงดูดสายตาของทุกคนให้มองมาที่ตระกูลหลี่ ถึงเวลานั้นก็จะมีใครบางคนที่มาหาถึงที่ มีทั้งมาเพื่อสมบัติและมาเพื่อสาวสวย” คามิลล์พูดเรียบๆ “แต่ว่า สมบัติมันมีจำกัดนะ หากขายออกไปหมดแล้ว ไม่มีมาเพิ่ม มันก็ไม่ได้นะ” 

 

 

“ใช่ เรื่องต่อไปคือการเปิดตลาด หอการค้าตระกูลเฟิงครอบคลุมทุกกิจการ ทั้งเครื่องนุ่งห่ม ทั้งของกิน ของใช้ ของประดับตกแต่ง ตระกูลหลี่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องการหล่ออาวุธ ใช่หรือไม่? แต่ต่อมาตระกูลเฟิงก็เข้ามาแทนที่ ร้านขายอาวุธก็ปิดไปแล้ว” แคลร์พูดอย่างเคร่งขรึม “เช่นนั้น เรามาสนใจที่อาวุธก่อนดีกว่า นักผจญภัยมีจำนวนมาก อาวุธ จึงเป็นที่ต้องการอย่างมาก และหากเราสามารถได้รับสิทธิ์ที่จะจัดหาอาวุธให้กองทัพ ได้ เจ้าก็นึกถึงผลกำไรที่จะได้รับต่อไปได้เลย” 

 

 

หลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่อ้าปากค้าง! 

 

 

ต้องการสิทธิ์จัดหาอาวุธให้กองทัพ งั้นหรือ?แต่ เดิมทีการจัดหาอาวุธเป็นสิทธิ์ของ โรงหล่อของประเทศเองมาก่อน แต่ ไม่รู้ว่าต่อมาตระกูลเฟิงใช้วิธีไหนถึง ได้สิทธิ์ไป แทน ตอนนี้ คิดอยากจะเอาสิทธิ์มาจากมือของตระกูลเฟิง มันจะทำได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ? 

 

 

“เรื่องนี้ ดูเหมือนว่า จะยากเกินไปนะ ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย” หลี่เยว่เหวินกัดริมฝีปาก 

 

 

“การหล่ออาวุธ ของตระกูลหลี่สู้ตระกูลเฟิงไม่ได้หรือ?” แคลร์ถามเสียงเย็น 

 

 

“จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ! ถึงตระกูลหลี่ของเราจะตกต่ำลง แต่การหล่ออาวุธ เป็นที่หนึ่งของประเทศนะ!” หลี่เยว่เหวินลุกขึ้นแล้วทุบโต๊ะ 

 

 

“ดังนั้น หากไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรล่ะ?” แคลร์ยิ้มเย็น สายตาเป็นประกาย “ในเมื่อข้าตัดสินใจว่าจะทำ เช่นนั้นข้าก็จะทำมันให้ดี” แคลร์เม้มปาก ยังจะมีทางเลือกอีกหรือ? 

 

 

“บอกข้อมูลอย่างละเอียดขององค์รัชทายาทให้ข้าฟังหน่อย” แคลร์หรี่ตาแล้วพูดต่อ อยากจะได้สิทธิ์ในการจัดหาอาวุธให้กองทัพ ของประเทศก็ต้องหาวิธีเข้าหาทางองค์รัชทายาทและองค์จักรพรรดิ แต่ก่อนหน้านั้นนาง ต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่ เขาต้องการที่สุดคืออะไร อะไรคือจุดอ่อนของเขา ไม่ว่าจะเป็นอำนาจ สิ่งของ หรือว่างานอดิเรกที่ไม่มีใครรู้ แม้ว่าจะไม่อยากแต่งตัวเป็นสาวสวยให้คนอื่นมอง แต่คิดๆ ดูทำ แค่ไม่นานก็จบแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นนาง เมื่อยานั่นหมดฤทธิ์ ก็หาตัวนางไม่เจอ นางจะกลายเป็นคน ลึกลับ คนเราก็แปลกประหลาดเช่นนี้แหละ ยิ่งลึกลับก็ยิ่งไล่ตาม จากนั้นตระกูลหลี่ก็จะกลับเข้าสู่สายตาของผู้คนอีกครั้ง 

 

 

ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็เอาตามนั้นแล้วกัน! 

 

 

ส่วนเป้าหมาย แน่นอนว่าต้องเป็นปลาตัวที่ใหญ่ที่สุด องค์รัชทายาทนั่นเอง! 

 

 

ตอนที่แคลร์ได้ข้อมูลขององค์รัชทายาทมาก็ปวดหัวในทันที คนผู้นี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ! ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ฝีมือ ทั้งอุปนิสัย บารมี ไร้ที่ติทั้งหมดเลย ไม่ได้มีอะไรที่ไม่ดีและไม่ มีของที่ชอบเป็นพิเศษ 

 

 

แคลร์โยนข้อมูลลงบนโต๊ะแล้วเอนพิงเก้าอี้ แม้ว่าจะไม่มีข้อมูล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าองค์รัชทายาทจะไม่มีจุดอ่อนนี่ ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ก็ล้วนมีจุดอ่อนทั้งนั้น ส่วน จะเป็นอะไร คงต้องค้นพบ ด้วยตัวเอง 

 

 

สมบัติของเบนน่าตื่นตาตื่นใจมากและประเมินค่าไม่ได้เลย แคลร์นึกถึงเรื่องเมื่อวานก็เหล่มองด้วยความพึงพอใจ เลนมีสิ่งของที่เก็บเอาไว้นานมากเช่นนี้ ทำให้นางประหลาดใจจริงๆ 

 

 

“น่าโมโหจริงๆ ฮว๋าซิ่วหนิง นังนั่นสมควรตาย!” หลี่เยว่เหวินผลักประตูห้องหนังสือเปิดออกอย่างรุนแรงแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด 

 

 

“เป็นอะไรไป?” แคลร์เลิกคิ้วแล้วถาม “วันนี้ไปเจอใครจากตระกูลฮว๋ามาหรือ?” 

 

 

“หึ เจอฮว๋าซิ่วหนิงน่ะสิ นังหญิงผู้นี้ เล่นหูเล่นตาไปเรื่อยเลย” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างโกรธเคือง “พูดมาได้ว่าหวังว่าจะได้พบกับพวกเราในงานระดมทุน” 

 

 

เมื่อแคลร์ได้ยินก็หัวเราะออกมา ลูกพี่ลูกน้องที่หยิ่งผยองผู้นี้วันนี้เจอศัตรูเยาะเย้ยเข้าให้แล้ว 

 

 

“พี่สาว อย่าโกรธเช่นนี้เลย พรุ่งนี้ข้าจะกู้หน้าให้พี่เอง” แคลร์ยิ้มแปลกๆ 

 

 

“อืม ข้าเตรียมเสื้อผ้าที่เจ้าต้องการไว้ให้แล้ว ข้าไปขอให้คนของตระกูลหลี่เย็บตามแบบที่เจ้าบอก เชื่อถือได้แน่นอน ไม่ใช่คนของพวกผู้อาวุโสพวกนั้นหรอก ภาพร่างชุด นั้นก็กำจัดไปตามที่เจ้าบอกแล้ว” หลี่เยว่เหวินมาหาแคลร์ที่ห้องหนังสือก็เพราะเรื่องนี้ 

 

 

“อืม ทุกอย่างพร้อมแล้วหรือ?” แคลร์ถามเบาๆ พลางใช้นิ้วเคาะโต๊ะ 

 

 

“ทุกอย่างเรียบร้อยตามที่เจ้าบอกแล้ว เสียเงินไปมากเลย” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างเจ็บปวด 

 

 

“เอาน่า พี่สาว ถ้าไม่ยอมเสียก็ไม่ได้อะไรนะ ถึงตอนนั้นพี่จะได้กลับมามากเป็นร้อยเป็นพันเท่าเลย” แคลร์พูดอย่างไม่พอใจ 

 

 

“ไม่ยอมเสียก็จะไม่ได้อะไรงั้นหรือ?” หลี่เยว่เหวินพูดประโยคนี้อย่างระมัดระวังแล้วพยักหน้า 

 

 

“เอาล่ะ พี่สาว พี่ไปพักผ่อนเถอะ หลายวันมานี้พี่ทำงานหนักมากเลย” แคลร์พูด “พรุ่งนี้ ตระกูลหลี่จะก้าวขึ้นสู่เวทีแห่งประวัติศาสตร์อีกครั้ง เรามาอยู่ในช่วงเวลานี้ไปด้วยกันนะ” 

 

 

“อืม” หลี่เยว่เหวินลุกขึ้น แต่ก็กังวลเล็กน้อย พรุ่งนี้จะราบรื่นไปด้วยดีไหมนะ? 

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นที่อากาศสดใส มีรถม้าหรูหราจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันเพื่อไปยังจัตุรัสใหญ่ของเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้ งานระดมทุนจะจัดขึ้นที่นั่น โดยจักรพรรดิอนุมัติให้จัดงานโดยมีองค์รัชทายาทเป็นเจ้าภาพ ขุนนางตระกูลใดที่ต้องการไปแสดงความภักดีต่อประเทศ สรรเสริญจักรพรรดิ แสดงความเมตตาต่อประชาชน คราวนี้ก็ถึง โอกาสให้ขุนนางได้แสดงออกแล้ว 

 

 

ทุกคนต่างมางานจน ตรอกซอกซอยในเมือง ว่างเปล่า ไม่เพียงแต่ขุนนางเท่านั้น แต่ประชาชนก็ สามารถไปที่จัตุรัสเพื่อจะได้เห็นองค์รัชทายาทและรูปลักษณ์ที่ไร้ที่ติของความงามอันดับหนึ่งของเมืองด้วย 

 

 

ตอนที่องค์รัชทายาทปรากฏตัวในชุดสีงาช้าง ก็มีเสียงดังมาจากด้านล่าง 

 

 

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน…” 

 

 

เสียงสรรเสริญ ติดต่อกัน ในใจของประชาชนแล้ว องค์รัชทายาทก็คือเจ้าชายที่มีน้ำใจต่อประชาชนมาก 

 

 

องค์รัชทายาทยิ้มและโบกมือให้กับประชาชนด้านล่างเวทีที่ส่งเสียงสรรเสริญอย่างกระตือรือร้น 

 

 

“องค์รัชทายาทผู้นี้ ช่างน่าทึ่งจริงๆ” ซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินอยู่ที่มุมหนึ่งของจัตุรัส ซัมเมอร์พึมพำขณะกินขนมที่เฉียวฉู่ซินซื้อมาจากพ่อค้าเร่ “เขาเป็นที่รักของประชาชนได้ถึงเพียงนี้” 

 

 

“ไม่ แคลร์สิ น่าทึ่ง แคลร์เคยพูดว่าความสามัคคีของประชาชนเป็นพื้นฐานความเข้มแข็งของประเทศ ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของลากัคมีความสมเหตุสมผล แคลร์ เคยพูดไว้ด้วยว่าระหว่างจักรพรรดิกับประชาชนไม่ต่างอะไรจากความสัมพันธ์ของเรือกับน้ำ น้ำสามารถยกเรือให้ขึ้นไปท่องโลกได้ แต่เมื่อคลื่นยักษ์ซัดเข้ามา น้ำก็สามารถคว่ำเรือได้เช่นกัน” เฉียวฉู่ซินกัดขนมแล้วพูดอย่างจริงจัง 

 

 

“ นั่นสิ ความคิดของแคลร์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเลย” ซัมเมอร์เคี้ยวอาหารในปาก ถ้าคนผู้นี้ไม่เก่งจะดูแลพวกเขาตั้งหลายคนได้อย่างไรโดยที่ไม่มีใครคัดค้านอะไรล่ะ 

 

 

การกระซิบระหว่างทั้งสองคนเบา มาก หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงไม่สามารถได้ยินคำพูดเหล่านี้ได้ แต่สำหรับผู้ที่มีฝีมือขั้นสูงแล้วนั้นถือเป็นข้อยกเว้น ชายชราแต่งกายหรูหราในชุดสีดำเหลือบมองพวกนางจากหางตา บทสนทนาระหว่างทั้งสองเข้าหูเขาพอดี แคลร์? คนผู้นี้เป็นใครกัน? นางมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและสามารถเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิและประชาชนได้อย่างเหมาะสม ความสามัคคีในใจของประชาชนเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของประเทศ นี่คือสิ่งที่ใครบางคนพูดอยู่ตลอดเวลาและยังเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อจักรพรรดิองค์ปัจจุบันด้วย ดังนั้นลากัคจึงแข็งแกร่งขึ้นทุกวันอย่างนี้ 

 

 

“คุณหนูฮว๋ามาแล้ว!” ทันใดนั้นไม่รู้ว่าใครพูด จากนั้นรถม้าที่สวยงามก็หยุดอยู่ที่ทางเข้า 

 

 

“ตระกูลฮว๋ามาถึงแล้ว” องครักษ์ประกาศเสียงยาว 

 

 

สายตาของทุกคนมองไปที่ตรงนั้น ประชาชนต่างพากันชะเง้ออยากเห็นความงามอันดับหนึ่งของเมือง 

 

 

ประตูรถม้าเปิดออกอย่างช้าๆ มือหนึ่งยื่นออกมา พ่อบ้านรออยู่แล้วและรีบช่วยให้คนในรถม้าลงมา คนบนรถม้าแต่งกายด้วยชุดสีขาวราวกับหิมะ ที่คอสวมสร้อยมุกสีดำ ทำให้นางดูสง่างามอย่างมาก ที่ข้อมือของนางยังมีสร้อยข้อมือพลอยห้าสีที่มองก็รู้แล้วว่ามีค่ามาก ฮว๋าซิ่วหนิงมีผิวงาม ราวกับหยก รอยยิ้มที่น่ารักและมีเสน่ห์ ดวงตา ราวกับพระจันทร์เสี้ยว และปากสีแดงเชอร์รี่เล็กๆอยู่ใต้จมูกเล็กๆ ของนาง เพียงแค่นางยิ้มเบาๆ ก็ทำให้ทุกคนหลงใหลแล้ว 

 

 

เหล่าขุนนางชั้นสูงหลายคนมองไปที่ฮว๋าซิ่วหนิงอย่างตกตะลึง ที่พวกเขามาในวันนี้ไม่เพียงแต่จะมาแสดงท่าทีต่อหน้าองค์รัชทายาทเท่านั้น แต่ว่า ยังอยากจะได้พบกับฮว๋าซิ่วหนิง คนรักในฝันของพวกเขาด้วย ความงามทั้งสามของเมือง คนหนึ่งแต่งงานไปแล้ว อีกคนก็แข็งแกร่งเย็นชาจนไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง มีเพียงฮว๋าซิ่วหนิงเท่านั้นที่มีเสน่ห์และไม่เก็บตัว 

 

 

“องค์รัชทายาทเพคะ” ฮว๋าซิ่วหนิงค่อยๆ เดินจากพรมแดงไปยังเวทีและโค้งคำนับเล็กน้อยเพื่อคำความเคารพองค์รัชทายาท ในแววตานั้นคือความรักที่ไม่อาจซ่อนเร้นได้ ฮว๋าซิ่วหนิงไม่เพียงแต่สนใจในตำแหน่งพระชายาเท่านั้น แต่นางยังหลงใหลในความหล่อเหลาสมบูรณ์แบบขององค์รัชทายาทอีกด้วย 

 

 

“คุณหนูฮว๋า” รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาขององค์รัชทายาท แต่ไม่มีความหมายใดในแววตาของเขาเลย 

 

 

ความโศกเศร้าฉายอยู่ในแววตาของฮว๋าซิ่วหนิง วันนี้นางแต่งกายมาอย่างเต็มที่เช่นนี้ แต่องค์รัชทายาทไม่ได้ให้ความสนใจกับนางเลย ทำไมล่ะ? 

 

 

“งานระดมทุนเริ่มขึ้นแล้ว…” 

 

 

เสียงลากยาวประกาศเริ่มงานระดมทุน ขั้นตอนของงานระดมทุนนั้นเรียบง่ายและไม่มีพิธีรีตองมากนัก ในเมื่อเป็นงานเพื่อการระดมทุน จึงจะไม่เหมือนกับพิธีที่ ใช้จ่ายเงินเพื่อทำสิ่งที่ฉาบฉวย 

 

 

ขุนนางเริ่มไปที่เวทีระดมทุนทีละคน มีบางคน ที่บริจาคเป็นเงินโดยตรง และบางคนก็ บริจาคเป็นสิ่งของ พ่อบ้านที่ตระกูลเฟิงส่งมา ได้บริจาคเงินสิบล้านเหรียญทองและจัดหาวัสดุก่อสร้างครึ่งราคาเพื่อสร้างโรงพยาบาล เสียงปรบมือดังกึกก้องอย่างท่วมท้น พ่อบ้านผู้นี้ก็คือชายชราที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างซัมเมอร์และเฉียวฉู่ซินนั่นเอง! 

 

 

“องค์รัชทายาทเพคะ ตระกูลฮว๋าของเรา วันนี้จะบริจาคเงิน…” ฮว๋าซิ่วหนิงยิ้มอย่างนุ่มนวลและกระซิบกับองค์รัชทายาท นางกำลังจะสั่งให้คนที่อยู่ข้างหลังนำกล่องผ้าออกมา แต่ก็ถูกเสียงรายงานอย่างกะทันหันขัดจังหวะเข้าเสียก่อน 

 

 

“ตระกูลหลี่มา…” 

 

 

ตระกูลหลี่?! 

 

 

ความประหลาดใจฉายขึ้นในแววตาขององค์รัชทายาท ตระกูลหลี่จากหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ไม่ออกมาให้ผู้คนได้เห็นมานานมากแล้ว ทำไมวันนี้จึงมาปรากฏตัวล่ะ? 

 

 

…………………………………………………………………………….