ตอนที่ 120

เสน่ห์คมดาบ

ความโกรธฉายผ่านดวงตาของฮว๋าซิ่วหนิงโดยไม่มีใครมองเห็น นางหันไปมองทางเข้าของสถานที่จัดงาน ในใจก็ดูแคลนว่าตระกูลหลี่กล้ามาที่นี่ให้ขายหน้าอย่างนั้นหรือ?!

 

 

รถม้าที่สวยงามหยุดอยู่ที่ทางเข้าของสถานที่ เมื่อรถม้าหยุดลง คนแรกที่กระโดดออกจากรถม้าคือหลี่เยว่เหวินที่ทุกคนรู้จักกันดี กุหลาบที่มีหนามผู้นั้น ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่อยากเลือกดอกกุหลาบนี้ แต่ก็ถูกหนามทิ่มแทง ในวันนี้หลี่เยว่เหวิน แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายที่งดงามมีเสน่ห์ ทำให้ผู้คนประหลาดใจไม่น้อย นางก็เป็นหนึ่งในสามสาวงามของเมือง

 

 

หลี่เยว่เหวิน? หึ! ความแข็งกร้าวฉายผ่านดวงตาของฮว๋าซิ่วหนิง หลี่เยว่เหวิน ความอัปยศเมื่อวานนี้เจ้ายังไม่เพียงพออีกหรือ? วันนี้มาถึงที่เลยอย่างนั้นหรือ?

 

 

แต่ว่า หลี่เยว่เหวินไม่ได้เดิน ไปที่พรมแดงเพื่อตรงไปยังเวที แต่นางเอื้อมมือไปที่ประตูรถม้า ทุกคนมองพฤติกรรมของหลี่เยว่เหวินด้วยความสงสัย คนที่หลี่เยว่เหวินช่วยจับให้ลงจากรถม้าจะเป็นใครกันนะ?

 

 

มือที่ราวกับหยกยื่นออกมาช้าๆ ในช่วงเวลานี้ สายตาของทุกคนต่างก็ถูกดึงดูดไปจนหมด ผิวที่ขาว ยิ่งกว่าหิมะ แขนที่สวยงามทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้ แล้วคนที่เป็นเจ้าของมือคู่นั้นล่ะ?

 

 

คนที่หลี่เยว่เหวินจับมือค่อยๆ ออกจากรถม้ามา ช้าๆ

 

 

ภายใต้ดวงอาทิตย์นั้น ทุกคนในจัตุรัสต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ ในขณะนี้ พวกเขาแทบลืมหายใจ จิตใจว่างเปล่า และคิดอะไรไม่ออก

 

 

คนอะไรโดดเด่นได้ขนาดนี้!

 

 

ผมสีทองที่ยาวและนุ่มสลวยถูกเก็บขึ้น ปอยผมห้อยลงมาที่ลำคอขาวและเรียวทำให้หัวใจของคนเต้นแรง ดอกไม้สีขาวบนผมสะท้อนความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ ดวงตาสีฟ้าครามของนางเป็นเหมือนวังวนที่สามารถดึงดูดคนให้เข้ามาอย่างลึกล้ำและไม่สามารถหลุดพ้น ได้อีกต่อไป ใบหน้าที่บอบบางราวกับหยกนั้นปรากฏรอยยิ้มพราว สายตาของทุกคนจ้องมอง ช่างดึงดูดอย่างมาก นางเงยหน้าขึ้นเบาๆ หญิงสาวที่ไม่มีใครเทียบมองไปข้างหน้าแล้วยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ กระโปรงสีลาเวนเดอร์ทำให้รูปร่างดูดี เสน่ห์ลึกลับทำให้ใจเต้น ไม่เคยมีใครเคยเห็นกระโปรงแบบนี้มาก่อน ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีเครื่องสำอางใดๆ ราว กับดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ เหมือนดอกโบตั๋นที่สวยงาม ชั่วครู่หนึ่ง ทุกคนไม่รู้อีกต่อไป ว่าจะใช้คำอะไรในการอธิบายหญิงที่ไม่มีใครเทียบได้ผู้นี้

 

 

องค์รัชทายาทจ้องไปที่หญิงที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันผู้นี้ เขาเอาแต่จ้องนางอยู่อย่างนั้น เขาไม่พูดอะไรออกมา และคิดอะไรไม่ออกเลย

 

 

รอย ยิ้มของนางดูราวกับดวงอาทิตย์ที่สว่างที่สุด เมื่อนางยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆก็ดูราวกับพระจันทร์ที่ส่องแสง

 

 

นางเป็นเหมือนเทพธิดาที่ลงมาสู่โลกมนุษย์ด้วยแสงจันทร์ ทำให้ผู้คนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย

 

 

หลี่เยว่เหวินพาหญิงที่ไม่มีใครเทียบได้ผู้นั้นไปที่พรมแดง ช้าๆ

 

 

สิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจเกิดขึ้นแล้ว

 

 

ในทุกย่างก้าวของหญิงที่ไม่มีใครเทียบได้นั้น มีดอกบัวสีทองขนาดเล็กปรากฎขึ้นที่ใต้เท้าของนาง!

 

 

ดอกบัวปรากฎขึ้นในทุกย่างก้าว!

 

 

ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างก็ประหลาดใจ!

 

 

สาวงามที่ไม่มีใครเทียบได้ พอยิ้มก็งามจนล่มเมืองได้ และเมื่อยิ้มอีกครั้งก็ล่มประเทศได้ ความสง่างามอย่างที่สุด งดงามตรึงใจทุกสิ่งมีชีวิต

 

 

สิ่งที่ทำให้ทุกคนทึ่งที่สุดก็คือทุกครั้งที่หญิงสาวก้าว ดอกบัวสีทองขนาดเล็กจะปรากฏขึ้นที่เท้าของนางอย่างเปล่งประกาย แม้แต่คนที่แข็งแกร่งในตอนนี้ก็ยังตกตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสิ่งนี้เกิดจากกลวิธีลับบางอย่าง แต่นาง ทำได้อย่างไรล่ะ?

 

 

หญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้ทำให้เกิดดอกบัวในทุกๆ ก้าวเดินไปกับหลี่เยว่เหวิน ก้าวที่สง่างามของนางดึงดูดสายตาของทุกคน รอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าที่บอบบางและไม่มีใครเทียบได้ของนางทำให้คนหลงใหล ความคิดของหลายๆ คนในขณะนี้ก็คือตราบใดที่นางยิ้มให้ตัวเอง มันก็คุ้มค่าแล้วที่จะตายในทันที

 

 

ฮว๋าซิ่วหนิงเห็นองค์รัชทายาทที่กำลังตกตะลึงจากหางตาของนาง ดวงตาของนางลุกเป็นไฟ หญิงผู้นี้โผล่มาจากไหนกัน!

 

 

ในขณะนี้ ความงามทั้งสองของเมืองหลวงถูกบดบังไปโดยสิ้นเชิงด้วยประกายของหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้ที่ครอบงำทุกคนเอาไว้

 

 

หลี่เยว่เหวินช่วยแคลร์เดินไปช้าๆ จนสุดพรมและมาที่เวที คามิลล์ตามหลังมาพร้อมกล่องสองกล่อง

 

 

“คำนับองค์รัชทายาทเพคะ” หลี่เยว่เหวินโค้งคำนับ

 

 

“คำนับองค์รัชทายาทเพคะ” หญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้เปิดริมฝีปากเล็กน้อย เสียงของนางก็ไพเราะราวกับลูกปัดขนาดใหญ่ตกลงบนแผ่นหยก ชายผู้สูงศักดิ์ที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างมองไปที่หญิงไร้ตัวตนผู้นี้ที่ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถเรียกสติตัวเองได้ แม้ว่าหญิงที่อยู่รอบตัวพวกเขาจะบีบแขนของพวกเขาอย่างรุนแรงก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่ตอบสนองใดๆ

 

 

องค์รัชทายาทไม่ใช่คนธรรมดา เขาจึงเรียกสติคืนมาได้อย่างรวดเร็ว เขามองไปที่หญิงงามที่ไม่มีใครเทียบด้วยรอยยิ้มที่สง่างามแล้วพูด “คุณหนูหลี่ หญิงผู้นี้คือ?”

 

 

เมื่อคำพูดขององค์รัชทายาทจบ ทุกคนต่างหูผึ่งอยากรู้ว่าหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบผู้นี้คือใครกันแน่? ไม่เคยได้ยินเรื่องหญิงที่สวยงามเช่นนี้ในตระกูลหลี่มาก่อนเลยและไม่มีใครเคยเห็นนางมาก่อนด้วย สายตาของหนุ่มผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นต่างจับจ้องหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบอย่างไม่วางตา

 

 

“องค์รัชทายาทเพคะ นี่คือลูกพี่ลูกน้องของหม่อมฉัน ชื่อหลานหลิงเพคะ” หลี่เยว่เหวินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แต่คนรอบข้างเริ่มสับสน องค์รัชทายาทมองหลี่เยว่เหวินอย่างสงสัย ลูกพี่ลูกน้องหรือ? ตระกูลหลี่มีลูกพี่ลูกน้องเช่นนี้ด้วยหรือ? ทำไมถึงไม่เคยได้ยินชื่อคนที่โดดเด่นเช่นนี้มาก่อนเลยล่ะ?

 

 

“คงจะเป็นลูกสาวของหญิงที่ละทิ้งครอบครัวและการต่อสู้ไปเมื่อหลายปีก่อนใช่หรือไม่?” ฮว๋าซิ่วหนิงที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นอย่างร้อนแรง การดูถูกเหยียดหยามในน้ำเสียงนั้นชัดเจนมาก ถ้าทำให้อีกฝ่ายโกรธได้ก็คงจะดีมาก

 

 

“วันนี้ ในที่สุดข้าก็ได้เห็นคนที่เป็นที่รู้จักในฐานะความงามอันดับหนึ่งในลากัคเสียที” แคลร์ที่ใช้นามแฝงว่าหลานหลิงยิ้มและพูดเบาๆ เสียงนุ่มของนาง เอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมา ทุกคน มองไปที่ฮว๋าซิ่วหนิงด้วยสายตารังเกียจ บางคนถึงกับอยากจะ อธิบายว่าฉายาของนาง เป็น ความงามอันดับหนึ่งของเมืองเท่านั้น ไม่ใช่อันดับหนึ่งของลากัค ตอนนี้คำพูดของคนที่เรียกตัวเอง ว่าเป็นความงามอันดับหนึ่งที่พูดกับหญิงงามไม่มีใครเทียบได้นั้นกำลังทำให้หลายๆ คนไม่พอใจ

 

 

สีหน้าของฮว๋าซิ่วหนิงเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด นางรีบหันไปมองทางองค์รัชทายาททันที นางเห็นความรังเกียจอยู่ในแววตาขององค์รัชทายาท เวลานี้ ฮว๋าซิ่วหนิงรู้สึกเสียใจมากและ ตำหนิตัวเองที่ปากไวจน พูดเช่นนั้นออกไป โดย ลืมคำนึงถึงว่าที่นี่เป็นสถานที่ใด

 

 

“คุณหนูฮว๋า โปรดระวังคำพูดของเจ้าด้วย เรื่องส่วนตัวของตระกูลหลี่ไม่ใช่กงการใดของเจ้าที่จะเอาไปป่าวประกาศบอกคนอื่น อีกทั้งที่เจ้าพูดมาน่ะ ลูกพี่ลูกน้องของข้าสกุลหลาน แต่เจ้ากลับลากไปเกี่ยวข้องกับตระกูลฮิลล์แห่งอันพาแกรนด์ อีก” หลี่เยว่เหวินไม่ใช่คนที่จะยอมใคร นางตอบกลับไปอย่างเฉียบคมยิ่งกว่า ประโยคเหล่านี้ก็ยิ่งทำให้ฮว๋าซิ่วหนิงตอบโต้ไม่ได้เลย

 

 

“เจ้า!” ฮว๋าซิ่วหนิงกัดฟันแน่น นางอยากจะตอบโต้กลับไปให้เจ็บแสบยิ่งกว่า แต่องค์รัชทายาทอยู่ข้างๆ นางจึงทำได้เพียงแค่อดกลั้นเอาไว้

 

 

“องค์รัชทายาทเพคะ ลูกพี่ลูกน้องของหม่อมฉันเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่ตระกูลหลี่ นางได้ยินมาว่ามีงานระดมทุน ดังนั้นจึงอยากจะมาเข้าร่วมเพคะ” หลี่เยว่เหวินยิ้มแล้วพูดกับองค์รัชทายาท

 

 

“หม่อมฉันได้ยินมานานแล้วว่าองค์รัชทายาทใจดีมีเมตตา ได้มาเจอในวันนี้ก็สมกับคำเล่าลือจริงๆ เพคะ” แคลร์ยิ้มขณะที่มองไปที่องค์รัชทายาท แม้ว่าจะเป็นเพียงประโยคธรรมดา แต่องค์รัชทายาทก็ยิ้มและพูด “ข่าวลือนั้นเกินไป ข้าแค่ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้นเอง”

 

 

“พระองค์ไม่เพียงแต่เห็นอกเห็นใจประชาชนเท่านั้น แต่ยังอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย” แคลร์ยิ้มอย่างนุ่มนวลแล้วพูดต่อ “วันนี้ พระองค์จัดงานขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชน พวกเราตระกูลหลี่จึงอยากจะร่วมด้วย ขอพระองค์โปรดรับของที่พวกเราเตรียมมาด้วยนะเพคะ”

 

 

แคลร์พูดจบก็ส่งสัญญาณให้คามิลล์ที่อยู่ข้างหลังเอากล่องไปวางไว้ที่โต๊ะบนเวที

 

 

ไม่รอให้องค์รัชทายาทถามอะไร แคลร์ก็เอื้อมมือออกไปแล้วค่อยๆ เปิดกล่องแรกทันที พอเปิดกล่องออก ฮว๋าซิ่วหนิงก็แสดงสีหน้าดูถูกแล้วพูด “นี่มันอะไรกัน? ดาบพังๆ เอ่อ… ก็แค่ดาบธรรมดามากๆ เท่านั้นเอง” ฮว๋าซิ่วหนิงได้บทเรียน แล้ว นางจึงรีบเปลี่ยนคำพูดจากดาบพังๆ เป็นดาบธรรมดาในทันที

 

 

หลี่เยว่เหวินยิ้มและพูดกับองค์รัชทายาท “องค์รัชทายาทเพคะ หม่อมฉันขอยืมดาบของพระองค์ได้หรือไม่เพคะ?”

 

 

องค์รัชทายาทไม่ลังเล เขาปลดดาบที่อยู่รอบเอว าออกแล้วส่งให้กับหลี่เยว่เหวิน หลี่เยว่เหวินถือดาบขององค์รัชทายาทเอาไว้ในมือข้างหนึ่งและมืออีกข้างก็ยกดาบธรรมดาในกล่องขึ้นมา จากนั้นนางเอาดาบทั้งสองกระทบกันเบาๆ ในอากาศ หลัง ดาบกระทบกันเสียงดัง ดาบขององค์รัชทายาทก็หักไปในทันที แต่ดาบที่ดูไม่โดดเด่นอะไรเล่มนั้นกลับยังคงอยู่ในสภาพเดิมไม่เปลี่ยน

 

 

สีหน้าขององค์รัชทายาทเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดาบของเขาถูกทำขึ้นเป็นพิเศษโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญที่ดีที่สุดในประเทศ แต่วันนี้ กลับถูกทำลายไปเพียงแค่การกระทบเบาๆ เท่านั้น!

 

 

ฮว๋าซิ่วหนิงนิ่งอึ้งไป ขุนนางรอบข้างเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน

 

 

ดาบที่ดูไม่โดดเด่นในมือของหลี่เยว่เหวินเป็นดาบชนิดใดกันแน่?

 

 

“องค์รัชทายาทเพคะ ขอประทานอภัยเพคะ ดาบของพระองค์ถูกพี่สาวข้าทำลายไปเสียแล้ว หม่อมฉันหวังว่าคงจะมีสักวันที่พระองค์จะสามารถไปเยือนบ้านตระกูลหลี่ได้นะเพคะ หม่อมฉันจะชดใช้ให้พระองค์ด้วยดาบที่ดียิ่งกว่า” แคลร์พูดเสียงเบาอย่างรู้สึกผิด เสียงที่นุ่มนวลนั้นทำให้ชายทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกสงสารจับใจ คนเช่นนี้ ใครจะไปโกรธและ ทำโทษได้ลงล่ะ ในเวลานี้เหล่าชายที่อยู่ที่นั่นอยากจะยืดอกรับโทษแทนเลย

 

 

สีหน้าของฮว๋าซิ่วหนิงแย่ลง หญิงที่ไม่รู้ที่มาผู้นี้ เวลานี้กล้าเชิญให้องค์รัชทายาทไปที่บ้านเลยงั้นหรือ?! วีธีการดีนี่!

 

 

เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทเองก็ยังไม่ได้สติคืนมา เขายังคงมองดาบที่อยู่ในมือของหลี่เยว่เหวินอยู่

 

 

อะไรนะ? จะชดใช้ด้วยอันที่ดีกว่างั้นหรือ?

 

 

สิ่งที่เอามาในงานระดมทุนนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วหรอกหรือ?

 

 

“องค์รัชทายาทเพคะ พระองค์คงจะไม่ลงโทษหม่อมฉันนะเพคะ” หลี่เยว่เหวินพูดอย่างรู้สึกผิด

 

 

“ไม่หรอก ดาบนี่เป็นดาบที่ดีจริงๆ” องค์รัชทายาทดึงสติกลับมาแล้วพูดยิ้มๆ พร้อมกับประกายในแววตา ดาบที่ดี ดาบนี้เป็นดาบที่ดีจริงๆ ถ้าหากกองทัพ ของประเทศได้ดาบเช่นนี้ล่ะก็…

 

 

“ยังมีสมบัติอีกชิ้นหนึ่งที่ตระกูลหลี่ของเรายินดีจะเอามาบริจาค” หลี่เยว่เหวินก้าวไปข้างหน้าแล้วเปิดกล่องอีกใบ

 

 

หลี่เยว่เหวินค่อยๆ เปิดกล่องออก ช้าๆ ตอนที่กล่องเปิดออก แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากกล่องใบนั้น

 

 

มันคืออะไรกัน? ทุกคนต่างก็ชะเง้อคอมอง

 

 

ในที่สุดกล่องก็ถูกเปิดออกจนหมด

 

 

แล้วองค์รัชทายาทก็พูดขึ้น “มงกุฎแอนเดรีย!”

 

 

ประชาชนที่อยู่ที่จัตุรัสนี้ไม่รู้ว่าคำเหล่านี้หมายถึงอะไร แต่ขุนนางบนเวทีเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าพระองค์หมายถึงอะไร ตอนที่ขุนนางทุกคนได้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของหลี่เยว่เหวิน ทุกคนต่างสีหน้า เปลี่ยนไป มงกุฎสีทองประดับด้วยอัญมณีล้ำค่าหลากสี มันช่างงดงามมากเมื่อ ส่องประกายอยู่ภายใต้แสงแดด

 

 

……………………………………………………………………………..