ตอนที่ 117 : หลงปู้หยู๋
อาณาเขตของราชานั้นเข้าใจได้ไม่ยาก
แมวกับเสือเป็นสัตว์ที่มีสปีชีส์เดียวกัน ยิ่งการ์ฟิลด์พัฒนาขึ้นไปมากเท่าไหร่คำว่าราชาในตัวมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นมากเท่านั้น
ตอนนี้การ์ฟิลด์เลเวล 50 คลื่นพลังของมันก็เพิ่มขึ้นพร้อมกับสกิลอาณาเขตของราชาที่มีระยะถึง 500 เมตร
ในอาณาเขตนี้คลื่นพลังของการ์ฟิลด์จะกดข่มผู้อื่นได้ หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือบรรยากาศรอบตัวของมันสามารถข่มคนอื่นได้ โดยเฉพาะพวกสายพันธุ์เดียวกันผลลัพธ์ก็จะเห็นได้ชัดเจนไปอีก
เมื่อการ์ฟิลด์ลงมือ สัตว์อสูรในระยะ 500 เมตรนี้จะรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของราชาอันน่ากลัว พวกสัตว์อสูรที่อ่อนแอเมื่อรับรู้ถึงคลื่นพลังนี้แม้แต่จะขยับตัวก็คงทำไม่ได้
เพราะแบบนี้ การเดินทางของหวังเย่าจึงไม่ถูกสัตว์อสูรเข้ามารบกวนบ่อยนัก แม้ว่าสัตว์อสูรพวกนั้นจะไม่มีความฉลาดมากนัก แต่เมื่อเห็นเขาแล้วพวกมันก็ต้องหนี
“ตราบใดที่เลเวลและระดับต่ำกว่าการ์ฟิลด์ พวกมันก็ไม่กล้าจะโจมตี”
หลังจากที่ทดสอบดูหลายครั้งแล้ว หวังเย่าก็พอใจกับสกิลนี้เป็นอย่างมาก
การ์ฟิลด์เป็นสัตว์อสูรระดับสวรรค์ มันเหนือกว่าสัตว์อสูรส่วนมาก เลเวลของมันเองก็ยังสูงถึง 50 ด้วย
สัตว์อสูรในโลกตอนนี้มีจำนวนมาก แต่บอกได้ว่าหวังเย่าไม่จำเป็นต้องกลัวพวกมันเลย
“ไม่รู้ว่าคลื่นพลังนี้จะส่งผลต่อพวกแมลงรึเปล่า”
มันมีพวกงูและแมลงในเทือกเขาหินโม่ด้วย มันคงดีหากสกิลนี้ใช้กับพวกมันได้ผล
ตอนนั้นเองเขาก็พบว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นด้านหน้า หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะบินเข้าไป ก่อนจะเห็นว่าบนเนินเขานั้นมีการต่อสู้อยู่ ฝ่ายหนึ่งคืองูที่ตัวยาวกว่า 20 ฟุต ระดับของมันต่ำอย่างมาก มันอยู่แค่ระดับเงินแต่เลเวลก็ไม่ใช่น้อย มันเลเวลสูงถึง 50
อีกด้านคือเย่ฉิวเกาที่หวังเย่าได้เจอมาก่อนหน้านี้
ตอนนี้สีหน้าของเย่ฉิวเกาแสดงความโกรธออกมา เจ้างูนี่คงเบื่อชีวิต ถึงได้กล้าเข้ามาโจมตีเขา เขาตกใจจบแทบจะตกจากเนินเขา
เหตุนี้มันจึงทำให้เขาโกรธมาก เขาได้เรียกอสูรระดับทองเลเวล 50 ของเขาออกมา นั้นก็คือลิงยักษ์ !
ลิงนี่ต่างจากลิงภูเขา แขนของมันไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่เรี่ยวแรงที่มือมันกลับมหาศาล มือของมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บอกได้ว่ามันสามารถทุบเนินเขานี้ให้ราบได้
เมื่อลิงถูกเรียกออกมาก็พบว่ามันสูงเกือบร้อยเมตร ตัวของมันใหญ่พอ ๆ กับเนินเขา เมื่อเห็นลิงนี่ งูนั่นก็แสดงสีหน้าที่กลัวออกมา ก่อนจะรีบหนีไปแต่มันไม่อาจจะหนีได้ เมื่อลิงทุบลงไปที่พื้น พื้นก็ทรุดตัวลงทันที ก่อนที่มันจะคำรามออกมา
“ฆ่ามันซะ” เย่ฉิวเกาตะโกนออกมา
เมื่อลิงได้ยินแบบนั้นก็พุ่งไปจับตัวงูเอาไว้ ก่อนจะสะบัดไปมาในอากาศ
หวังเย่ามองดูอยู่ด้านหลังด้วยความแปลกใจ
เขาจำได้ว่าเขาเคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน เมื่อไม่อาจจับที่หัวมันได้ ก็ได้แต่จับที่หางแล้วเหวี่ยงมันไปมาจนกว่างูจะเวียนหัวแล้วค่อยจัดการมัน
ไม่คิดเลยว่าที่โลกนี้ก็จะได้เห็นฉากที่น่าตกใจแบบนี้อยู่อีก
ทุกครั้งที่ลิงเหวี่ยงตัวงูไปมา หัวของงูนั่นก็ฟาดลงกับหินก้อนขนาดใหญ่ ตอนนั้นหินโดยรอบถูกอาบไปด้วยเลือดของงู
แต่ลิงไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มันยังฟาดไปมาจนกระทั่งงูนั่นเวียนหัว ก่อนจะโยนงูลงไปอีกด้านของเนินเขา
ตอนนั้นเนินเขากลับถล่มลงมาพร้อมกับร่างของงูที่ถูกฝังไป แต่พลังชีวิตของงูนี่สูงมาก ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ตาย
ลิงได้ประกบมือเข้าด้วยกันก่อนจะทุบไปที่ตัวงู จนตัดตัวงูออกเป็นสองส่วน
เลือดสาดกระจายออกมาทั่ว หวังเย่าไม่อยากดูฉากนี้ต่อจึงสั่งให้การ์ฟิลด์เดินอ้อมไป
เพราะหวังเย่ามีการ์ฟิลด์ที่บินได้เป็นพาหนะ เขาจึงแซงหน้าเย่ฉิวเกามาได้ ผ่านไปแค่ 10 นาทีเขาก็มาถึงทางเข้ามิตินอกแล้ว
ที่นี่มีคนหนึ่งยืนอยู่ที่ทางเข้าอยู่แล้ว
หวังเย่าเห็นว่าอีกฝ่ายดูคุ้นตาคล้ายกับภาพของหลงปู้หยู๋ที่เขาเคยเห็นมา ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้น “คุณคือหลงปู้หยู๋ใช่ไหม ? ”
หลงปู้หยู๋เป็นเด็กกำพร้า เขาตั้งใจเปลี่ยนมาใช้ชื่อนี้เพราะมีความหมายว่ามังกร เป็นเพราะประสบการณ์ในวัยเด็กของเขาที่ไม่มีอิสระในชีวิต ปกติแล้วเขามักจะไม่ค่อยพูดคุยกับใคร และเขาระวังตัวอย่างมาก
หลงปู้หยู๋ใส่ชุดระดับ S ชุดระดับนี้ราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านเครดิต ตอนนี้หวังเย่ายังไม่มีปัญญาซื้อมัน
หน้าตาของหลงปู้หยู๋ไม่ได้หล่อเหลาแต่ก็ยังดูดี ใบหน้าเขาเหมือนผ่านประสบการณ์มามากมาย ซึ่งทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น หวังเย่าคิดว่าชายคนนี้น่าสนใจ ไม่แปลกใจเลยที่ในอินเตอร์เน็ตนั้นหลงปู้หยู๋ถึงได้โด่งดังและมีผู้ติดตามมากมาย
ข้างกายของหลงปู้หยู๋มีสัตว์อสูรสีแดงเข้มยืนอยู่ มันมีรูปร่างคล้ายกับกิเลน มันแผ่คลื่นพลังอันร้อนแรงออกมาจนทำให้อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มขึ้น
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะใช้ระบบตรวจสอบมัน
****
สายพันธุ์ : กิเลนไฟกลายพันธุ์
ระดับ : สวรรค์ขั้นต้น
เลเวล : 47
สกิล : 1. ควบคุมไฟ เกิดมาพร้อมกับความสามารถควบคุมไฟ, 2. ย่างก้าวเทพ สามารถเดินบนท้องฟ้า, ผืนดิน, ภูเขา, แม่น้ำ, ทะเลและที่อื่น ๆ ได้ บอกได้ว่าไม่มีที่ไหนที่มันไปไม่ได้, 3. กลายร่าง สามารถเปลี่ยนร่างเป็นครึ่งมนุษย์ มีความฉลาดสามารถพูดภาษามนุษย์และมีทักษะของมนุษย์, 4.เพิ่มพลัง ค่าสถานะทุกอย่าง ไม่ว่าจะพละกำลัง, ความเร็ว, การป้องกัน, ความอึดและด้านอื่น ๆ จะสามารถเพิ่มขึ้นจากสถานะที่แท้จริงเป็นเวลา 30 นาที
จุดอ่อน : 1. พัฒนาได้ยาก ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้ในแต่ละช่วงนั้นมหาศาล จำเป็นต้องกินอาหารธาตุไฟจำนวนมาก รวมไปถึงสัตว์อสูรธาตุไฟ, หินธาตุไฟและพลังธาตุไฟด้วย, 2. ไร้เทียมทานในระดับเดียวกันแต่หากต้องสู้กับระดับที่เหนือกว่านั้นจะด้อยกว่าอย่างชัดเจน ตราบใดที่ระดับและเลเวลสูงกว่าก็สามารถจำกัดความสามารถของมันได้
****
หลังจากที่อ่านข้อมูลนี้จบ หวังเย่าก็ต้องแปลกใจ ไม่คิดเลยว่ากิเลนไฟนี่จะวิเศษขนาดนี้ มันไม่ได้มีจุดอ่อนที่ชัดเจนมากนัก ไม่แปลกเลยที่จะได้เป็นสัตว์อสูรในตำนาน
ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นแค่กิเลนไฟกลายพันธุ์ ซึ่งหมายความว่ามีความแตกต่างระหว่างกิเลนไฟที่แท้จริงกับกลายพันธุ์อยู่ นี่แค่ได้รับสืบทอดสายเลือดจากกิเลนไฟมาแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หวังเย่าไม่กล้าคิดเลยว่า ถ้าเป็นกิเลนไฟสายเลือดบริสุทธิ์จะแข็งแกร่งถึงระดับไหนกัน ?
“ระดับพระเจ้ารึระดับศักดิ์สิทธิ์ ? ”
ยังไงซะมันก็เป็นสัตว์อสูรที่หาได้ยาก
เสียงของหวังเย่าเรียกความสนใจจากหลงปู้หยู๋ เขาได้สติกลับมาและหันมายิ้มให้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ใช่ ถ้าในเมืองหัวเซี่ยไม่มีหลงปู้หยู๋อีกคน ฉันก็น่าจะเป็นหลงปู้หยู๋ที่นายพูดถึงนั่นแหละ แล้วนายเป็นใครกัน ? ”
หวังเย่ายักไหล่แล้วตอบกลับ “ฉันชื่อหวังเย่า เป็นเด็กปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยหัวเซี่ยสาขาตรวจสอบ ฉันมาสำรวจมิติลับที่นี่”
“นาย…” แม้ว่าหลงปู้หยู๋จะมั่นใจในตัวเองแต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองนั้นแกร่งกว่าทุกคน เขาไม่ได้เย่อหยิ่งจนน่าหงุดหงิด คนอื่น ๆ จึงไม่มีอคติกับเขา
“นายมาสำรวจคนเดียวงั้นหรือ ? ” หลงปู้หยู๋แปลกใจ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ
หวังเย่าพยักหน้าและตอบกลับ “ใช่ ยังไงซะฉันก็คงต้องขอคำแนะนำจากนายด้วยละกัน”
“ฉันคงไม่กล้าหรอก” หลงปู้หยู๋อยากรู้ว่าหวังเย่าแข็งแกร่งแค่ไหนจึงได้ลองถามขึ้นมา “หวังเย่า เมื่อนายรู้จักฉันและเดาว่าคงรู้ความสามารถที่ฉันมี แม้แต่ฉันก็ไม่กล้ารับรองว่าจะสามารถสำรวจที่นี่ได้เพราะมันอันตรายมาก ฉันขอถามนายที นายมาที่นี่คนเดียว นายมีอะไรถึงได้มั่นใจแบบนี้ ? ”
หวังเย่าขมวดคิ้ว ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อในความสามารถที่เขามี ทั้ง ๆ ที่เขามาถึงที่นี่แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่เชื่อ
อันที่จริงหวังเย่าไม่จำเป็นต้องตอบกลับ แต่ในเมื่อหลงปู้หยู๋ไม่ได้แสดงท่าทีดูถูก หวังเย่าก็รู้สึกว่ามันคงจะดีถ้าได้ผูกมิตรกับคนแบบนี้
ดังนั้นหวังเย่าจึงตอบคำถามอีกฝ่ายอย่างจริงใจ