ตอนที่ 74 กระจายข่าว

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 74 กระจายข่าว

แม่นมจ้าวหันกลับไปมองที่หน้าประตูห้องนอนของอันหลิงเกอ เมื่อแน่ใจว่ามิมีผู้ใด นางจึงหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าอกเสื้อแล้วซ่อนไว้ใต้หมอนของอันหลิงเกอ

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น นางก็เดินออกไปจากห้องนอนราวกับมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น

เมื่อเห็นแม่นมจ้าวเดินออกไปแล้วสาวใช้ตัวเล็กที่อยู่นอกหน้าต่างจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วรีบเดินหนีไป

อันหลิงเกอและปี้จูมาถึงเรือนของอันหลิงเฉว่แล้ว เมื่อเดินเข้ามาในเรือนก็เห็นอันหลิงเฉว่นอนอยู่บนเตียงพร้อมใบหน้าซีดเซียวแสนอ่อนเพลีย สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างเตียงยังถือถ้วยยาไว้ในมือ แสดงว่าเมื่อครู่ได้ป้อนยาให้นางแล้ว

“พี่หญิงใหญ่มาได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? “

อันหลิงเฉว่เห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามาก็รีบเอ่ยถามพร้อมดันกายลุกขึ้น

อันหลิงเกอรีบเข้าไปช่วยประคอง สาวใช้ที่ด้านข้างจึงเอาหมอนมารองหลังให้นางไว้

“เกิดอันใดขึ้นกับน้องรอง ? เจ้าและข้ามิได้เจอกันเพียงมิกี่ยาม เหตุใดเจ้าต้องคิดสั้นเยี่ยงนี้ ? “

อันหลิงเกอถามพร้อมใบหน้าที่แสดงความห่วงใย แววตาเต็มไปด้วยความเสียใจในฐานะพี่สาวคนโต

“เฉว่เอ๋อมิดีเองเจ้าค่ะ ทำให้พี่หญิงใหญ่เป็นห่วงแล้ว”

อันหลิงเฉว่ยิ้มอ่อนแรง ริมฝีปากซีดเผือด ใบหน้าที่เดิมทีขาวมากอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งเต็มไปด้วยความน่าสงสารเหลือคณา

สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเป็นห่วงจึงรีบวางถ้วยยาในมือแล้วถือถ้วยน้ำร้อนเข้ามา

“คุณหนูรองเจ้าคะ ท่านอย่าพูดอีกเลย รีบดื่มน้ำแก้กระหายก่อนเถิดเจ้าค่ะ”

นางใช้ช้อนตักน้ำขึ้นมาทีละครั้งแล้วป้อนให้อันหลิงเฉว่

อันหลิงเฉว่เงยหน้าตามมือของสาวรับใช้ทำให้อันหลิงเกอเห็นรอยช้ำบริเวณลำคอระหง “เหตุใดตรงลำคอของน้องรองจึงกลายเป็นเช่นนี้ ? “

ตอนที่อันหลิงเฉว่เลือกแขวนคอก็ได้คาดคะเนเวลาเอาไว้อย่างดี นางจึงแสดงได้อย่างสมจริงจนลำคอมีรอยรัดที่เห็นได้ชัด

เมื่อได้ยินคำถามของอันหลิงเกอ สาวใช้ของอันหลิงเฉว่ก็ตอบแทนเจ้านายด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

“หากมิใช่เพราะฮูหยินรอง คุณหนูของข้าน้อยคงมิทนทรมานเยี่ยงนี้หรอกเจ้าค่ะ”

“เยว่เอ๋อหยุดพูดได้แล้ว”

อันหลิงเฉว่ตำหนิไปหนึ่งทีแล้วรีบป้องปากไอออกมาอย่างต่อเนื่อง

เยว่เอ๋อรีบให้ส่งน้ำให้อันหลิงเฉว่จิบ พอเห็นว่าเจ้านายยังไอมิหยุดจึงพูดต่อ

“คุณหนูใหญ่คงมิทราบว่าเดิมทีวันนี้เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อหาคู่ให้คุณหนูรอง แต่คุณหนูสามและคุณหนูสี่เกิดอุบัติเหตุตกน้ำเสียก่อน เป็นเหตุให้การหาคู่พังไปด้วยเจ้าค่ะ “

นางกล่าวพร้อมใช้ผ้าเช็ดน้ำตา

“แต่ข้าน้อยมิคิดว่าคุณหนูสามจักโกรธแค้นแล้วนำเรื่องนี้ไปเล่าให้ฮูหยินรองฟัง นางจึงเรียกตัวคุณหนูไปพบแล้วพูดหยามเกียรติของคุณหนู นางบอกว่าจักให้คุณหนูของข้าน้อยแต่งเข้าตระกูลพ่อค้าเจ้าค่ะ”

อย่างน้อยอันหลิงเฉว่ก็เป็นหลานสาวของท่านโหว แม้มิใช่บุตรีของท่านโหวแต่ก็ถือว่ามีฐานะสูงส่ง

จักให้แต่งกับพ่อค้าแสนต่ำต้อยได้อย่างไร ?

อันหลิงเกอเข้าใจความหมายของหมิงเยว่ทันที นางมองอันหลิงเฉว่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความน่าสงสาร

“อี๋เหนียงทำเกินไปจริง ๆ น้องรองมิต้องห่วงหรอก ข้าจักกำชับมิให้อี๋เหนียงมายุ่งเรื่องสมรสของเจ้าอย่างแน่นอน”

“ขอบคุณพี่หญิงใหญ่มากเจ้าค่ะ”

อันหลิงเฉว่พูดได้คำเดียวก็ไอขึ้นมาอีก

“ท่านย่าเป็นผู้ตัดสินใจให้แล้ว ท่านตำหนิอี๋เหนียงไปแล้วเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่มิต้องกังวลอีกแล้ว”

“เจ้าช่างโง่เขลา ถึงอย่างไรท่านย่าก็รักเจ้าที่สุด แล้วจักยอมให้อี๋เหนียงมายุ่งเรื่องแต่งงานของเจ้าได้อย่างไร ? เพียงคำพูดมิกี่คำของนางก็ทำให้เจ้าคิดสั้นแล้วหรือ ? “

หลังจากกล่าวจบอันหลิงเกอก็หันไปมองปี้จูเพื่อให้นางรีบเดินเข้ามายืนของขวัญให้

“นี่คือสมุนไพรที่ข้าได้มาจากเจียงหนานและโสมที่ข้าเก็บรักษาเป็นอย่างดี ข้าขอมอบให้น้องหญิงไว้บำรุงร่างกาย ขอให้เจ้ารีบหายป่วย แล้วเราจักได้เล่นด้วยกันอีก”

หมิงเยว่รับกล่องสมุนไพรเอาไว้ด้วยท่าทีนอบน้อม

อันหลิงเฉว่ทำตัวมิถูก น้ำตาพลันไหลออกมาอย่างซาบซึ้งใจ

หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็อยู่สนทนาอีกสักพัก เมื่อเห็นอันหลิงเฉว่มีท่าทีเหนื่อยล้า นางจึงบอกให้พักผ่อนแล้วขอตัวกลับเรือน

เมื่ออันหลิงเกอออกจากเรือนของอันหลิงเฉว่แล้วก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกล่าวว่า

“น้องรองช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก”

มุมปากของนางพลันกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

“ที่คอของคุณหนูรองมีรอยชัดเจนมากเจ้าค่ะ หากฮูหยินผู้เฒ่ามามิทันเวลาก็มิแน่ว่าคุณหนูรองจักสิ้นลมไปก่อนนะเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอพยักหน้า ใบหน้างดงามปรากฏเพียงรอยยิ้มเบาบาง ทว่านัยน์ตามิปรากฏอยู่เลย

“ข้าจึงได้บอกว่าน้องรองโหดเหี้ยมอย่างไรเล่า ในแผ่นดินนี้มีผู้ที่ร้องไห้จนผูกคอตายมิมากหรอก การกระทำของน้องรองส่งผลให้ได้รับความสงสารเสียท่วมท้น”

“คุณหนูรองกล้าทำร้ายตนเองก็หมายความว่านางสามารถทำร้ายคนอื่นใช่หรือไม่เจ้าคะ ? “

ปี้จูอยู่เคียงข้างอันหลิงเกอมานานหลายปี ทว่าช่วงปีนี้เองที่นางรู้สึกว่ามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น

เหตุการณ์เหล่านั้นทำให้นางเติบโต เมื่อได้ฟังคำพูดของอันหลิงเกอ นางก็เข้าใจความหมายและเริ่มคาดเดาได้ทันที แม้จักเดาความจริงของเรื่องมิได้ทั้งหมดแต่ก็ใกล้เคียง

อันหลิงเกอที่เกิดมาในชาตินี้ต้องสู้รบกับสองแม่ลูกหลี่ซื่อมิจบสิ้น ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จักทำให้ปี้จูได้รับผลกระทบไปด้วย บางคราก็อันตรายถึงชีวิต

โชคดีที่ปี้จูเรียนรู้ได้เร็ว การลอบทำร้ายโดยทั่วไปจึงทำอันใดนางมิได้

อันหลิงเกอกำลังครุ่นคิดในบางเรื่องก็เห็นสาวใช้ผู้หนึ่งวิ่งมาหาอย่างเร่งรีบ

“คุณหนูใหญ่ เกิดเรื่องที่เรือนแล้วเจ้าค่ะ ท่านรีบกลับไปดูเถิด”

สาวใช้ผู้นี้มีใบหน้าเป็นมิตร อันหลิงเกอรู้สึกคุ้นหน้าแต่จำมิได้ว่านางเป็นผู้ใด ปี้จูเห็นเช่นนั้นก็รีบแนะนำ

“นางคือเสี่ยวหลิง มีหน้าที่รับผิดชอบความสะอาดในโรงหมักสุราของเราเจ้าค่ะ”

เมื่อทราบว่าสาวใช้ผู้นี้เป็นใคร อีกฝ่ายก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่ได้พบเห็นแก่อันหลิงเกอ

ดวงตาของอันหลิงเกอฉายแววเย็นชาขึ้นมา

“ไปเถิด กลับเรือนฉีอู๋กัน ข้าจักไปดูว่าแม่นมจ้าวเตรียมสิ่งใดไว้ให้ข้า”

ปี้จูรู้สึกใจคอมิดีจึงรีบเดินตามอันหลิงเกอไปที่เรือนฉีอู๋

เมื่อพวกนางมาถึงเรือนฉีอู๋ก็เห็นบ่าวรับใช้นับสิบคนยืนอยู่หน้าเรือน แสดงท่าทางคุกคามใส่คนเฝ้าประตูและกำลังจักบุกรุกเข้าไปในเรือน

“พวกเจ้ามาทำอันใด ? ”

อันหลิงเกอตะโกนเสียงดังลั่นแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าของบ่าวรับใช้เหล่านั้นพร้อมแสดงสีหน้าเรียบเฉย

“หรือว่าเรือนฉีอู๋ของข้าแห่งนี้ ผู้ใดอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบ ? “