ตอนที่ 75 ไปตรวจค้น

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 75 ไปตรวจค้น

การบุกรุกของบ่าวรับใช้เหล่านั้นพลันหยุดลง พวกเขาหันมาคำนับอันหลิงเกอที่แสดงสีหน้ามิพึงพอใจเป็นอย่างมาก

นางกวาดสายตาเย็นชามองบ่าวรับใช้เหล่านั้นทีละคน จากนั้นก็ชี้ไปที่บ่าวผู้หนึ่งแล้วเอ่ยถามเสียงเข้ม

“บอกข้ามาว่าเหตุใดพวกเจ้าจึงบุกรุกเรือนของข้า หากมิมีเหตุผลดีพอ ข้าจักเรียนท่านพ่อให้นำตัวพวกเจ้าไปเฆี่ยนคนละ 20 ไม้ ”

“เรียนคุณหนูใหญ่ ท่านอย่ามีโทสะไปเลยขอรับ พวกข้าน้อยได้รับคำสั่งจากฮูหยินรองให้มาค้นเรือนฉีอู๋ มิใช่การบุกรุกหรอกขอรับ”

“พวกเจ้าช่างกล้า แม้แต่เรือนฉีอู๋ของคุณหนูใหญ่ยังกล้าบุกเข้ามาแล้วบอกว่ามิใช่การบุกรุกได้อย่างไร ? ”

ปี้จูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันออกไป ดวงตากลมโตของนางจ้องเขม็งไปยังบ่าวรับใช้เหล่านั้น

“แม้ว่าคุณหนูใหญ่จักอ่อนโยนและใจดี พวกเจ้าก็อย่าคิดรังแกกันได้ง่าย ๆ พวกเจ้าแต่ละคนมิรู้จักประมาณตนเสียเลย กล้ามาวางอํานาจใส่เรือนฉีอู๋เยี่ยงนี้”

คำกล่าวของปี้จูเป็นเหตุให้ใบหน้าของบ่าวรับใช้เหล่านั้นแสดงท่าทีอึดอัดใจออกมา

“ฮูหยินรองสั่งให้พวกข้าน้อยมาค้นเรือนฉีอู๋ พวกข้าน้อยมิอาจปฏิเสธได้ขอรับ ! ”

แม้หวังซื่อจักแย่งสิทธิ์อำนาจในการดูแลห้องเก็บสมบัติจากมือของหลี่ซื่อไปแล้ว ทว่าเรื่องต่าง ๆ ในจวนโหวยังถูกปกครองโดยหลี่ซื่อ

บ่าวรับใช้เหล่านี้มีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของจวนโหวจึงต้องอยู่ภายใต้อำนาจของหลี่ซื่อไปโดยปริยาย

อันหลิงเกอได้ฟังเยี่ยงนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น ดวงตาทอประกายแข็งกร้าวจ้องมองบ่าวเหล่านั้น

“อี๋เหนียงสั่งให้พวกเจ้ามาค้นเรือนของข้าหรือ ? ”

“ขอรับคุณหนูใหญ่ หากมิมีคำสั่งของฮูหยินรอง พวกข้าน้อยจักกล้าตรวจค้นเรือนคุณหนูใหญ่ได้เยี่ยงไร เพียงเพราะฮูหยินรองมีคำสั่ง พวกข้าน้อยจึงมิอาจปฏิเสธได้ ขอคุณหนูใหญ่อย่าทำให้พวกข้าน้อยลำบากเลยขอรับ”

“ข้ามิทำให้พวกเจ้าลำบากหรอก”

อันหลิงเกอกระตุกยิ้มมุมปาก

“พวกเจ้าต้องบอกข้าว่าอี๋เหนียงสั่งค้นทุกเรือนในจวนหรือสั่งค้นแค่เรือนของข้าเท่านั่น?”

บ่าวรับใช้เหล่านั้นหันไปสบตากันโดยมิรู้จักกล่าวเยี่ยงไรดี

ปี้จูยกมือเท้าสะเอวแล้วจ้องเขม็ง

“เหตุใดพวกเจ้ามิตอบคุณหนูใหญ่ ? แม้แต่คำถามนี้ก็ตอบมิได้เชียวหรือ ? คงมิใช่ว่าพวกเจ้าสร้างข้ออ้างขึ้นมาเองเพื่อเข้าไปในเรือนของคุณหนูใหญ่หวังลักขโมยหรอกนะ ? สมบัติของคุณหนูใหญ่มีมิน้อย หากพวกเจ้าหยิบไปบ้าง…”

 “มิกล้า ! มิกล้าขอรับ ! พวกข้าน้อยมิกล้าขอรับ”

บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งรีบปฏิเสธ

“เรียนคุณหนูใหญ่ ฮูหยินรองสั่งให้พวกข้าน้อยมาค้นเรือนท่านผู้เดียวขอรับ ส่วนเรือนผู้อื่นนั้นยังมิมี…ความผิดปกติอันใดขอรับ”

มิมีความผิดปกติอันใดอย่างนั้นหรือ ? หมายความว่ามิได้สั่งคนไปค้นเรือนอื่นสินะ ?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อันหลิงเกอก็ยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาฉายแววน่ากลัวขึ้นมาจนเป็นเหตุให้บ่าวเหล่านั้นรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งกาย

“ที่เรือนผู้อื่นมิมีความผิดปกติอันใด อี๋เหนียงสั่งคนมาค้นแต่เรือนของข้าหมายความว่าเยี่ยงไร ? ”

อันหลิงเกอถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา มิสามารถคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ เป็นเหตุให้บ่าวเหล่านั้นรู้สึกกลัวจนมิกล้าขยับตัวไปไหน ได้แต่ก้มหน้าเอาไว้ มิกล้าเงยหน้ามองอันหลิงเกอ

“พวกข้าน้อยก็มิเข้าใจเช่นกันขอรับ เราทำตามคำสั่งเท่านั้น คุณหนูใหญ่โปรดให้ความร่วมมือด้วยขอรับ”

บ่าวรับใช้คนเดิมข่มความหวาดกลัวเอาไว้แล้วกล่าวทั้งที่ยังก้มหน้า แสดงถึงความแน่วแน่ที่จักเข้าไปค้นเรือนตามคำสั่ง

 ปี้จูหัวเราะเยาะออกมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาบอกคุณหนูใหญ่ให้ความร่วมมือ ? คุณหนูใหญ่เป็นเจ้านายตัวจริงแห่งจวนโหวและเป็นบุตรสาวคนโตของท่านโหว ฐานะสูงส่งเยี่ยงนี้ แต่พวกเจ้าอยากบุกค้นเรือนคุณหนูใหญ่แล้วยังกล้าขอร้องให้มอบความร่วมมือ ผู้ใดกันที่มอบความใจกล้าเช่นนี้แก่พวกเจ้า ? ”

หลายวันมานี้ปี้จูต้องรับมือกับการวางอำนาจในเรือนฉีอู๋จากแม่นมจ้าว คำพูดคำจาของนางจึงร้ายกาจขึ้นมาก เพียงนางกล่าวมิกี่คำก็ทำให้บ่าวรับเหล่านั้นรู้สึกละอายใจขึ้นมาจนนิ่งเงียบพูดอันใดมิออก

“ช่างเถิด ข้ามิทำให้พวกเจ้าลำบากใจหรอก”

อันหลิงเกอเข้าใจความลำบากของบ่าวรับใช้พวกนี้ดี

“ในเมื่อเป็นคำสั่งของอี๋เหนียง พวกเจ้าก็ไปเรียกอี๋เหนียงมาเพื่อให้นางมอบเหตุผลที่บุกค้นเรือนของข้า หากว่าเหตุผลมากพอ ข้าจักยอมให้พวกเจ้าค้น”

เมื่อได้ฟังอันหลิงเกอกล่าวมาเช่นนี้ พวกเขาก็แสดงท่าทีลำบากใจหนักกว่าเดิม บ่าวเยี่ยงพวกตนจักกล้าสอบถามฮูหยินรองได้หรือ ในยามที่พวกเขากำลังจักขอร้องอันหลิงเกอก็ได้ยินเสียงของหลี่ซื่อดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“เกอเอ๋อกำลังทำอันใดอยู่หรือ? บ่าวรับใช้พวกนี้ทำอันใดให้เจ้ามิพอใจเล่า ? ”

หลี่ซื่อถามอันหลิงเกอด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่เมื่อเหลือบตาไปทางบ่าวรับใช้ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที

“ข้าให้พวกเจ้ามาค้นเรือนคุณหนูใหญ่แล้วมัวทำอันใดอยู่ตรงนี้ ยังมิรีบไปตรวจค้นอีกหรือ”

“หยุดก่อน ! ”

อันหลิงเกอร้องเรียกพวกเขาแล้วหันไปจ้องหลี่ซื่อ

“อี๋เหนียงสั่งให้บ่าวรับใช้ตรวจค้นเรือนของข้า ท่านต้องมีเหตุผลที่เหมาะสมใช่หรือไม่ ? ”

“ข้าทำเยี่ยงนี้ย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว”

หลี่ซื่อเอ่ยพร้อมรอยยิ้มแต่แววตาแข็งกระด้าง

“เนื่องจากวันนี้มีบ่าวมารายงานว่าเห็นโจรบุกเข้าจวน มิรู้ว่าขโมยสิ่งใดไปบ้าง พวกเขาจึงตามจับโจรมาถึงที่นี่”

“แต่เพราะเรือนฉีอู๋เป็นของเจ้า พวกเขาจึงมิกล้าบุกเข้าไปและมารายงานเรื่องนี้แก่ข้า

กอปรกับเรื่องที่ห้องเก็บสมบัติโดนบุกรุกเมื่อครั้งก่อนยังตามหาผู้ร้ายมิเจอ ข้าคิดว่าโจรคนนี้อาจเป็นคนเดียวกับครั้งก่อน เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นข้าก็คำนึงถึงความปลอดภัยของเกอเอ๋อจึงสั่งให้พวกเขาตรวจค้นเรือนฉีอู๋”

คำกล่าวของหลี่ซื่อแสดงถึงความหวังดีต่อจวนโหวและอันหลิงเกอเป็นอย่างมาก

อันหลิงเกอจ้องมองหลี่ซื่อครู่หนึ่งแล้วหัวเราะออกมา

“ในเมื่ออี๋เหนียงเป็นห่วงข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จักมิรั้งพวกเขาอีกแล้ว ปี้จูเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปตรวจค้นเถิด”

ปี้จูตอบรับแล้วเปิดทางให้พวกเขาเข้าไป เมื่อเห็นเยี่ยงนั้นหลี่ซื่อก็ยกยิ้มมุมปากอย่างย่ามใจ รอคอยการค้นหาสิ่งของเหล่านั้นออกมาแล้วอันหลิงเกอก็จักกลายเป็นหัวขโมยทันที มิแน่เรื่องนี้อาจร้ายแรงจนโดนยกเลิกการสมรสระหว่างมู่ซื่อจื่อก็ได้

หลี่ซื่อรออยู่ครู่หนึ่ง พวกบ่าวรับใช้ที่เข้าไปตรวจค้นก็ออกมารายงาน

“เรียนฮูหยินรอง ในเรือนของคุณหนูใหญ่มิมีสิ่งแปลกปลอมเลยขอรับ”

“เป็นไปมิได้”

หลีซื่อเอ่ยสวนเสียงดังลั่น เมื่อนึกได้ว่าแสดงกิริยามิเหมาะสมออกมาจึงค่อย ๆ ปรับท่าทีให้เป็นปกติ

“พวกเจ้ามารายงานข้าเองมิใช่หรือว่าโจรหลบหนีเข้าไปในเรือนคุณหนูใหญ่ จักมิพบสิ่งผิดปกติได้อย่างไร ?  เยี่ยงนั้นพวกเจ้ารีบเข้าไปค้นอีกรอบ ห้ามให้โจรที่หลบซ่อนอยู่ลอบทำร้ายคุณหนูใหญ่เด็ดขาด”

หลี่ซื่อแสร้งห่วงใยและสั่งให้บ่าวรับใช้ไปตรวจค้นอีกครั้ง แม้แต่แม่นมจ้าวที่อยู่ข้างกายของอันหลิงเกอยังเห็นด้วยกับคำสั่งของหลี่ซื่อ

“พวกเจ้าไปตรวจค้นให้ดี ห้ามปล่อยโจรหลบหนีไปได้ มิเช่นนั้นข้าจัดการพวกเจ้าแน่”