ตอนที่ 102 อาตมาขาดเงินเหรอ?

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

ฟางเจิ้งกล่าว “ในนี้มีเงินอยู่สามล้าน โยมเอาไปสิ จำเอาไว้นะ โยมเอาไปหนึ่งล้าน อาตมาเอาอายุขัยโยมเท่าๆ กัน รวมถึงสุขภาพและสติปัญญาด้วย”

หม่าขุยไม่คาดคิดจริงๆ ว่าหลวงจีนตรงหน้าจะมีเงินขนาดนี้ จะเอาเงินออกมาจริงๆ! จึงยิ้มโดยพลัน คิดในใจว่า ‘เจอกับคนโง่จริงๆ! เงินเป็นรูปธรรม แต่สุขภาพ อายุขัย สติปัญญาเป็นรูปธรรมเหรอ? ฉันเอาเงินไปได้ แต่หลวงจีนนี่จะเอาของนามธรรมแบบนั้นไปได้ยังไง?’

ดังนั้นหม่าขุยจึงหยิบเงินไปปึกหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ พอตรวจดูแล้วก็เป็นเงินสกุลหยวนใหม่ทั้งหมด เป็นของจริงแน่นอน! ความรู้สึกสัมผัสดีจริงๆ! เขาถือเงินหมื่นปึกหนึ่งอย่างมีความสุข

แต่หยิบไปหยิบมาหม่าขุยกลับพบสิ่งที่น่าตื่นกลัว มือเขามีรอยเหี่ยวย่นเพิ่มมาจำนวนมาก! ผิวหนังที่เดิมทีเต่งตึงเปลี่ยนเป็นหย่อนยาน!

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หม่าขุยรีบตรวจดูสองมือตัวเอง ก็รู้ว่าตนแก่ชรา!

หม่าขุยร้องลั่นราวกับเห็นผี “ไต้ซือ นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”

ฟางเจิ้งสวดไปบทหนึ่ง “โยม อาตมาบอกแล้วไงว่าจะใช้เงินหนึ่งล้านซื้ออายุขัยโยม หนึ่งล้านซื้อสุขภาพโยม แล้วก็หนึ่งล้านซื้อสติปัญญาโยม นี่คือล้านแรกสำหรับซื้ออายุขัยโยม! โยมเพิ่งเอาเงินไปสามแสน หนึ่งหมื่นเท่ากับหนึ่งปี ตอนนี้โยมอายุหกสิบสองแล้ว ยังจะเอาอีกไหม?”

“ผมไม่เชื่อ! บนโลกนี้ใครจะเอาอายุขัยคนอื่นไปได้? ท่านหลอกผม!” หม่าขุยแทบจะบ้าแล้ว เหตุการณ์ตอนนี้น่าตกใจ! น่าเหลือเชื่อราวกับฝันร้าย!

ฟางเจิ้งพลิกมือ มีกระจกเพิ่มมาบานหนึ่ง ก่อนส่งให้หม่าขุย “อาตมาหลอกโยมได้ แต่กระจกหลอกไม่ได้ โยมดูเองสิ”

หม่าขุยรับไปก็ตะลึงค้าง เขาในกระจกมีรอยย่นเต็มหน้า ดูแก่ชราจนไม่มีอะไรเหลือ! เขาทำหน้าหลายแบบก็ตรงตามนั้นหมด นี่คือเขาจริงๆ!

หม่าขุยหยั่งเชิงหยิบเงินไปอีกหมื่น ใบหน้าเขาพลันแก่ลงเล็กน้อยจริงๆ!

หม่าขุยตกใจจนรีบโยนเงินทิ้งไป “ไม่เอาแล้ว! ไม่เอาแล้ว! ไม่เอาหมดนี่แล้ว คืนให้! เอาอายุขัยผมคืนมา!”

ทว่าเขาพบว่าเขาขยับเงินไม่ได้ โยนกลับไปก็ไม่ได้!

ฟางเจิ้งกล่าว “โยม โยมอยากได้เงินไม่ใช่เหรอ? ไหนว่ายอมใช้ความหนุ่มแลก? คิดว่ามีเงินแล้วจะมีความสุขไม่ใช่หรือไง? ทำไมไม่แลกล่ะ?”

“ท่านมันหลวงจีนปีศาจ…ไม่สิ ท่านมันปีศาจ คืนอายุขัยผมมา! คืนมา! ถึงเงินจะดี แต่อายุขัยสำคัญกว่า ไม่มีเงินก็หาเงินได้! ไม่มีชีวิตจะหาเงินยังไง?” หม่าขุยร้องโวยวาย

ฟางเจิ้งหัวเราะเหอะๆ “ดูท่าโยมจะไม่อยากแลกแล้วถูกไหม?”

หม่าขุยพยักหน้ารัวๆ “ไม่แลกแล้ว ไม่แลกแล้ว!”

ฟางเจิ้งประนมสองมือ “อมิตพุทธ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่แลก!”

หม่าขุยมองเงินลอยเข้าไปในกล่องตรงหน้าฟางเจิ้ง กล่องปิดลง ก่อนฟางเจิ้งจะโยนหายไปข้างหลัง

ลมหนาวพัดมา หม่าขุยหนาวสั่นถึงพบว่าตนไม่ได้ยืนขึ้น แต่นั่งอยู่กับพื้น ก้นเย็นๆ เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านั่งมาพักหนึ่งแล้ว

เขามองหลวงจีนตรงหน้าอีกครั้ง หม่าขุยหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อนอย่างยิ่ง

ฟางเจิ้งยิ้มน้อยๆ “โยม เข้าใจรึยัง?”

หม่าขุยถอนหายใจ ยืนขึ้นโค้งตัวแสดงความเคารพ “คนเราดูที่หน้าตาภายนอกไม่ได้ น้ำทะเลไม่อาจวัดได้จริงๆ ไต้ซือมีกลอุบายที่ร้ายกาจมาก! ผมสำนึกผิดแล้ว จากนี้จะไม่ทำแบบนี้อีก ขอบคุณไต้ซือที่ชี้แนะมากครับ!”

ฟางเจิ้งยิ้มเล็กน้อย

หม่าขุยขอตัวลาไป แต่ในอุโบสถมีเงินจุดธูปใหม่เอี่ยมปึกหนึ่ง

หมาป่าเดียวดายวิ่งเข้าไปคาบมาวางในมือฟางเจิ้ง

ฟางเจิ้งหัวเราะแหะๆ “ดูแล้วน่าจะหนึ่งหมื่น เป็นคนรวยจริงๆ นะ”

พูดจบฟางเจิ้งยืนขึ้น กระรอกเริ่มบังคับอีกครั้ง พาเขาไปข้างหลัง คนหมาป่ากระรอกร่วมมือกันทำอาหารอีกครั้ง

หม่าขุยลงเขาไปแล้ว ขึ้นรถหรูที่ผลิตในประเทศคันหนึ่ง

“เณรเป็นยังไงบ้าง?” ชายวัยกลางคนบนรถถาม

หม่าขุยตอบ “เทพ! น่าเสียดายตาบอด”

“เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?” ชายวัยกลางคนถาม

“จริงๆ ฉันหม่าขุยโตมาขนาดนี้ไม่เคยเจอไต้ซือเก่งกาจแบบนี้มาก่อน! พี่ใหญ่ ผมคิดมาตลอดว่าผมรักเงิน ตอนนี้เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่! พี่ใหญ่ หลังกลับไปแล้วพี่หาคนมาขับรถให้พี่เถอะ ผมจะกลับบ้าน…เฮ้อ คิดถึงลูกเมีย” หม่าขุยถอนหายใจ

“นายคิดอย่างนี้ได้ก็แปลว่าเขามีความสามารถจริงๆ ส่วนคนขับรถ ถ้าไม่มีคนขับ ฉันขับเองไม่ได้รึไง? ให้นายขับรถให้ฉันก็เพราะเห็นว่านายเอ้อระเหยไปมา ช่วยน้องๆ ดูนายก็เท่านั้น! คนประหยัดอย่างนายเนี่ยเอาแต่ใช้ชีวิตไปวันๆ…” ชายคนนั้นกล่าว

หม่าขุยแบะปาก เหยียบคันเร่งเดินหน้าไป

แต่ทางด้านฟางเจิ้ง…

“แค่กๆ…”

จี๊ดๆๆ…

โฮ่ง…

ฟางเจิ้งไอสำลักควันติดต่อกันหลายครั้ง กระรอกตรงหัวก็กลายเป็นกระรอกแก่ ตัวดำทั้งตัว…

หมาป่าเดียวดายเต็มไปด้วยฝุ่น เอาหัวมุดไปในกองหิมะบิดไปมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าฉุนไปจนถึงดวงตา

“ระบบ นายจะกวนให้ฉันหิวตายใช่ไหม!” ฟางเจิ้งกล่าวในใจ…ครั้งนี้หมาป่าเดียวดายหาฟืนมาชื้นเกินไป พอติดไฟแล้วควันท่วม คน หมาป่า กระรอกเลยยอมจำนน

“ผู้เชี่ยวชาญพวกนายเคยบอกว่า คนไม่กินข้าวสามวันไม่ตาย นายจะได้ลดความอ้วนพอดีเลย” ระบบตอบ

ฟางเจิ้งมองค้อน อยากจะด่า! นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว! ไม่กินข้าวสามวันไม่ตาย? ผู้เชี่ยวชาญที่ไหนบอก ไหนออกมาสิ เขารับรองว่าจะไม่ทุบมันให้ตาย!

ตอนนี้เองมือถือฟางเจิ้งดังขึ้น

“หืม? มีคนโทรหาฉันเหรอ? ปาฏิหาริย์” ฟางเจิ้งหยิบมือถือขึ้นมาอย่างประหลาดใจ แต่มองไม่เห็นเลยกดรับเลย

รับสาย!

“สวัสดีคุณลูกค้าที่เคารพ จากโชว์รูมรถพอร์เชอในเมืองเฮยซาน ที่ปรึกษาเรื่องรถของท่านเสี่ยวหรง โชว์รูมพวกเราเพิ่งมีรถพอร์เชอมาใหม่ 991 คัน ราคาตลอดอยู่ที่ 2.45 ล้าน ถ้าจองวันนี้ ท่านใช้เงินแค่2.40 ล้านก็จะได้ขับรถที่ท่านรัก”

“แค่กๆ เดี๋ยว โยมรู้เบอร์มือถืออาตมาได้ยังไง?” ฟางเจิ้งได้ยินว่าขายรถก็งงเล็กน้อย เขาเป็นหลวงจีน วันๆ อยู่บนเขา ขึ้นลงต้องขับรถด้วยเหรอ? ตลก อีกอย่างเขาแปลกใจมาก มีคนรู้เบอร์มือถือเขาน้อยมาก ต่อให้เป็นพวกฟางอวิ๋นจิ้งก็ยังไม่รู้ พวกเธอติดต่อกับเขาทางวีแชตเท่านั้น

“เอ่อ…ลูกค้าเก่าแนะนำมาค่ะ” อีกฝ่ายลังเลเล็กน้อย

ฟางเจิ้งมองค้อน เด็กนี่โกหกไม่มีฝีมือเอาซะเลย ลูกค้าเก่าแนะนำมา? คนที่เขารู้จักยากจนถึงขั้นซื้อรถจักรยานยังต้องผ่อน แล้วจะมีปัญญาซื้อพอร์เชอ? ฟางเจิ้งรู้ว่าอาจจะเป็นเพราะเงินห้าแสน ส่วนข่าวรั่วไปได้ยังไงเขาก็ขี้คร้านจะถาม ดังนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ตอบกลับด้วยความโมโหและเคร่งขรึม “โยมดูถูกอาตมาหรือ? คิดว่าอาตมาขาดเงินส่วนลดห้าแสนตรงนั้นรึไง? ขอบล็อกล่ะ ไม่อธิบาย วางสายแล้ว!”

ฟางเจิ้งพูดจบก็วางสาย ตลก เขาขาดเงิน 2.4 ล้านต่างหาก!

พนักงานขายอีกฝั่งตะลึงงัน มองข้อมูลในมือแล้วก็มองเบอร์มือถืออีกรอบ ก่อนพึมพำราวกับเห็นผี “หลวงจีนหนุ่มนี่มีเงินขนาดนั้นเลย?”

………………………