บทที่ 33.2 แมวอ้วนกลายเป็นแมวยักษ์ (2)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

“โฮกกกก” ร่างขนาดใหญ่ของราชาหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งยืดตัวขึ้นยืนตรง อุ้งเท้าหน้ายื่นไปขวางบนหน้าอกในท่าทางคล้ายมนุษย์ มันกำลังแสดงความเคารพต่อเจ้าแมวอ้วน แน่นอนว่าหมีอีก 3 ตัวต่างก็ทำแบบเดียวกัน หลังจากทำเช่นนั้นเสร็จพวกมันก็ค่อยๆ ก้าวเดินมาข้างหน้าโดยไม่มีท่าทีเป็นศัตรูอีกต่อไป

เจ้าแมวอ้วนยกอุ้งเท้าออกจากหมีน้อยทั้งสองก่อนจะหันไปมองโจวเหว่ยชิงที่ยังคงดิ้นรนเพื่อควบคุมร่างกายของตนอยู่ แสงสีขาวสว่าง 2 สายพุ่งออกมาจากดวงตาของแมวอ้วนอีกครั้ง พวกมันทะยานตรงเข้าไปในดวงตาของโจวเหว่ยชิง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังอุ่นๆ จากดวงตาของเขาก่อนที่พวกมันจะไหลเอื่อยเข้าไปยังตันเถียนของเขา ความรู้สึกกระหายเลือดรุนแรงค่อยๆ จางหายไปราวกับหิมะที่เพิ่งหลอมละลายในฤดูร้อน ลวดลายสีดำบนผิวหนังของเขาก็หายไปเช่นกัน

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เดิมทีเธอคิดว่าพวกเขาทั้งคู่จะต้องถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ แม้เธอจะเห็นโจวเหว่ยชิงเข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง ความคิดนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย กับอสูรสวรรค์ระดับเทวะทั้ง 4 ตัวนี้ คงจะไม่มีอะไรสามารถยืดเวลาตายของพวกเขาออกไปได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ทำให้เธอตระหนักว่า บนใบโลกนี้ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ

ศีรษะของหมียักษ์ทั้ง 4 ตัวสุมเข้าหากัน พวกมันวางหมีน้อยทั้ง 2 ตัวลงบนพื้นก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ที่ด้านข้างมีเจ้าแมวอ้วนยืนเชิดหน้าอยู่โดยไม่สนใจฝูงหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งทั้ง 4 ตัวที่อยู่ตรงนั้นแม้แต่น้อย

หลังจากนั้นไม่นาน ดูเหมือนว่าหมีทั้ง 4 ตัวจะแสดงความรักกับลูกๆ ของพวกมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ราชาหมีจึงหยิบหมีน้อยทั้ง 2 ตัวขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าเจ้าแมวอ้วนและโขกศีรษะตนเองลงไปในหิมะต่อหน้าเจ้าแมวอ้วนในท่าโค้งคำนับ หลังจากที่เงยหน้าขึ้น มันก็ส่งเสียงร้องเบาๆ อีกครั้ง จากนั้นเจ้าแมวอ้วนตอบกลับด้วยเสียงคำรามเบาๆ ราชาหมีมองไปยังเหล่าหมีน้อยสักพักก่อนจะเดินนำภรรยาทั้ง 3 ตัวไปอย่างอิดออด

ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็สามารถควบคุมร่างกายและประสาทสัมผัสของเขาได้เสียที อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าหมีทั้ง 4 ตัวไม่เพียงแต่จะจากไปโดยดี แต่พวกมันยังทิ้งลูกไว้ข้างหลังอีกด้วย เขาก็อดจะจ้องมองเสือขาวขนาดมหึมาตรงหน้าด้วยความตกตะลึงไม่ได้ เจ้านี่สามารถกำราบอสูรสวรรค์ระดับเทวะทั้ง 4 ตัวได้ แท้จริงแล้วมันต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน!

โจวเหว่ยชิงลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาจำได้ดีว่าตัวเองเคยกลั่นแกล้งมันไว้อย่างไรบ้างตอนที่ตนรู้สึกเบื่อหน่ายไม่มีอะไรทำ ทว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นแมวอ้วนตัวใหญ่ยักษ์ไปเสียแล้ว…

ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังขบคิดกับตัวเองอย่างประหม่านั่นเอง เจ้าแมวอ้วนก็พาหมีน้อยทั้งสองตัวกลับมาและวางพวกมันไว้ในอ้อมแขนของเขา

โจวเหว่ยชิงรับพวกมันมาโดยไม่รู้ตัว  แต่ในทันใดนั้นร่างใหญ่ยักษ์ของเจ้าแมวอ้วนก็ทำท่าจะตะครุบลงมาที่เขา

นี่ถึงเวลาแก้แค้นแล้วหรือ? โจวเหว่ยชิงก้าวถอยหลังอย่างไม่เต็มใจ แต่ก่อนที่อุ้งเท้าของเจ้าแมวอ้วนจะตะปบจะมาถึงตัวเขา ร่างของมันก็หดกลับลงไปกลางอากาศ จากนั้นก็ร่อนลงบนไหล่ของเขาเบาๆ มันทิ้งตัวลงไปในอ้อมแขนของ โจวเหว่ยชิง ดิ้นขลุกขลักไปมาจนพบจุดอุ่นสบายก่อนจะซุกตัวลงนอนต่อ ก่อนหน้านี้หมีน้อยทั้งสองตัวขดซุกอยู่ในชุดคลุมของโจวเหว่ยชิงอย่างสะดวกสบาย ทว่าการมาถึงของเจ้าแมวอ้วนกลับผลักไสพวกมันให้กระเด็นออกไปด้านข้างอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อก้มมองลงไปยังเจ้าสิ่งเล็กๆ ที่น่ารักในอ้อมแขนของเขา โจวเหว่ยชิงก็พบเพียงแค่หัวกลมๆ โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งพร้อมกับดวงตาที่ปรือปรอยใกล้หลับ เห็นดังนั้นโจวเหว่ยชิงก็แทบจะไม่สามารถจับคู่มันกับราชาแห่งสัตว์ร้ายผู้น่าเกรงขามที่ทำให้อสูรสวรรค์ระดับเทวะทั้ง 4 ตัวหวาดกลัวก่อนหน้านี้ได้เลย

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เดินไปที่ด้านข้างของโจวเหว่ยชิง เธอมองดูเขาอย่างตกตะลึง “เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”

โจวเหว่ยชิงพูดอย่างอับจนหนทาง “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าแมวอ้วนตัวน้อยนี้สามารถขยายร่างให้ใหญ่ขึ้นได้ ตอนนี้ก็พวกเรารู้แล้วว่ามันคืออสูรสวรรค์แน่ๆ ไม่ว่าตอนนี้พลังของมันจะอยู่ในระดับไหน พวกเราก็มั่นใจได้ว่ามันมีความสามารถอันน่าเหลือเชื่อและจะเติบโตขึ้นไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังมหาศาลแน่นอน หากไม่เป็นเช่นนั้น มันก็คงจะไม่สามารถทำให้ราชาหมีสวรรค์วิญญาณน้ำแข็งเกรงกลัวได้ ยังไงก็ตาม ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่! ฮ่าๆ! นั่นเรียกว่าโชคประจำตัว! ปิงเอ๋อร์ เจ้าไม่รู้เหรอ? สามีของเจ้ามีโชคประจำตัวที่ยอดเยี่ยม สามารถเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดีได้! วะฮ่าฮ่า!!!”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กลอกตาพลางคิดกับตัวเองว่า เจ้าคนไร้ยางอายนี่กลับควบคุมอารมณ์ได้ดียิ่ง ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงหวาดกลัวแทบตาย หรือไม่ก็อาจจะต้องกรุ่นคิดถึงที่มาของมันจนหัวแทบระเบิดแล้ว แต่เขากลับมีท่าทีพอใจกับเรื่องนี้ อีกทั้งยังไม่ลืมจะหาเรื่องแทะโลมเธออีกด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เธอเองก็เริ่มชอบวิธีที่ตรงไปตรงมาของเขาเช่นกัน แม้ว่าเขาจะค่อนข้างลามกและเจ้าเล่ห์ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกผู้ชายตัวจริง “ไปปลุกผู้อาวุโสแล้วออกไปจากที่นี่กันโดยเร็วเถอะ”

“เอ๊ะ…” เพียงเท่านั้นโจวเหว่ยชิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าสมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ยังคงเป็นลมหมดสติอยู่ที่ด้านข้าง ถ้าจะบอกว่าเขาไม่ตื่นตกใจหรือหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ก็คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วยังไงเขาก็ยังคงกลัวตายมาก ทว่าถึงกระนั้นความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของเขาก็อยู่ในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถฟื้นคืนสติเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว

สองปีต่อมา ป่าดารา ณ เมืองหลวงเกาทัณฑ์สวรรค์

“มู่เอิน!! โจวเหว่ยชิง!! ไอ้เจ้าสารเลวทั้งสองคน!! ถ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่ก็อย่าคิดหนีนะ!!” เสียงร้องโวยวายอย่างโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมาก่อนที่ร่างซึ่งปกคลุมไปด้วยม่านพลังสีเหลืองจะพุ่งออกมาจากบ้านไม้หลังหนึ่ง

บริเวณนั้นมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีอายุราวๆ 30 ปี ทว่าใบหน้าที่งดงามของเธอกลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว ผมของเธอยังคงเปียกซ่กอยู่ แต่ทว่ามือขวาของเธอกลับกำมีดทำครัวเอาไว้แน่น ท่าทางดูราวกับเป็นภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุออกมา อย่างไรก็ตาม บริเวณลานกว้างกลับว่างเปล่าและเป้าหมายของเธอก็หายไปแล้ว

“หัวเฟิง! ออกมาเดี๋ยวนี้! ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!” หญิงสาวตะโกน หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ ทว่ามันก็กลับกลายเป็นภาพที่น่าประทับใจไปซะอย่างนั้น

“เฮ้อ เจ้าพวกไร้ยางอายสองคนนั้นอยู่นิ่งๆ อย่างสงบเสงี่ยมไม่ได้เลยหรือไง” หัวเฟิงพูดอย่างอับจนหนทางขณะที่เขาเดินออกมาจากบ้านไม้และมองไปยังหญิงสาวผมเปียกโชกที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ “หญ้าน้อย ใจเย็นๆ ก่อน เจ้าไม่รู้จักนิสัยของมู่เอินหรอกหรือ?”

หญ้าน้อยมองไปที่หัวเฟิง การแสดงออกของเธอพลันอ่อนโยนขึ้นมา “ท่านพี่เฟิง ข้าทนไม่ไหวแล้ว นี่มันเป็นครั้งที่ 12 ของปีนี้แล้ว ข้าไม่อาจทำใจอาบน้ำได้อย่างสงบอีกต่อไป ท่านว่าตาแก่อันธพาลนั่นพ่นคำสกปรกอะไรออกมาบ้าง? เขายังกล้าจะแก้ตัวว่าเพื่อฝึกสายตาให้โจวเหว่ยชิงกับนับผมของข้าว่ามีกี่เส้น? ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพละกำลังของข้าไม่อาจเอาชนะเขาได้ ตอนนี้ข้าคงทุบตีตาแก่นั่นจนตายไปแล้ว! ข้าไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ท่านควรจะหาทางรับผิดชอบให้ข้าซะ แค่ตาแก่อันธพาลคนหนึ่งข้าก็ปวดหัวมากพออยู่แล้ว ตอนนี้เจ้าวายร้ายตัวน้อยนั่นยังเก่งกว่าอาจารย์ของเขาเสียอีก ตลอดสองปีที่ผ่านมา ท่านไปถามทุกคนได้ว่าใครไม่ถูกเจ้า 2 คนนี้ทรมานบ้าง!?”

“หญ้าน้อย บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เจ้าไม่รู้หรือว่าพี่ชายหัวเฟิงถูกติดสินบนเอาไว้แล้ว?” เสียงแหลมเล็กที่แปลกประหลาดและน่ากลัวดังออกมาจากอีกทาง สาวงามอีกคนเดินออกมาจากบ้านไม้ที่อยู่ใกล้ๆ เธอสูงประมาณ 1.75 เมตร บนศีรษะประดับไปด้วยเส้นผมสีชมพูสะบัดไปมาอยู่ด้านหลัง อีกทั้งเธอยังมีเครื่องหน้าที่งดงามน่าดึงดูด ทว่าปัญหาคือเธอมีหน้าอกแบนราบและมีบางอย่างที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่มี นั่นก็คือลูกกระเดือก

หัวเฟิงกล่าวอย่างโกรธเคือง “ยี่ฉือ หญ้าน้อยโกรธมากพอแล้ว หยุดก่อกวนเธอได้แล้ว บางครั้งมู่เอินและเหว่ยน้อยอาจทำอะไรเกินเลยไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นวิธีการสอนที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา”

ยี่ฉือส่งเสียงฮึ่มในลำคอ “หัวหน้า พวกเขาไม่ได้ทำให้หญ้าน้อยขุ่นเคืองเพียงคนเดียว พวกเขายังกล้ามาแอบดูข้าตอนอาบน้ำด้วย”

หัวเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ข้ายังจำวันนั้นได้ดี เหว่ยน้อยยังคงห่างชั้นกับอาจารย์ของเขามากนัก เจ้าถึงกับทำเขาตาปูดในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นเขาก็ไม่กล้าทำให้เจ้าโกรธอีกเลย”

หญ้าน้อยรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้ง เธอกล่าวว่า “อย่าพูดถึงเจ้าโง่โจวเหว่ยชิงเลย! ตอนที่ปิงเอ๋อร์ยังอยู่ใกล้ๆ เจ้านั่นมักจะทำตัวดีและซื่อสัตย์เสมอ แต่ทันทีที่เธอจากไปยังสำนักกักเก็บทักษะ เขาก็กลายเป็นพวกอันธพาลเหลี่ยมจัด เป็นมู่เอินและหลัวเขอตี้บดผสมรวมกันอย่างแท้จริง! อย่างไรก็ตาม ข้าไม่สนว่าท่านจะทำเช่นไร หากท่านไม่แก้ปัญหานี้ให้ข้า ข้าจะแอบเข้าห้องนอนของท่านทุกคืน!”

ยี่ฉือหัวเราะคิกคักและพูดว่า  “หญ้าน้อย เจ้าไม่ได้แค่หาข้ออ้างเพื่อทำเช่นนั้นอยู่หรอกหรือ? เจ้าอยากปีนขึ้นเตียงของเขามาหลายปีแล้ว ยังไงพี่สาวก็จะสนับสนุนเจ้าเอง!”

หญ้าน้อยพูดอย่างโมโหร้ายว่า “ไอ้คนลักเพศ! ไปตายซะ! ข้าเกลียดตุ๊ดที่สุด!”

ยี่ฉือส่งเสียงฮึ่มและพูดว่า “ถึงพี่เฟิงของเจ้าไม่ใช่ตุ๊ด แต่เขาก็ชอบผู้ชาย อะไรคือความแตกต่างระหว่างพวกรักร่วมเพศกับตุ๊ดหรือ? “

หญ้าน้อยเบ้ปากแล้วพูดว่า “มันเป็นเรื่องของความชอบ อย่างน้อยพี่ชายเฟิงก็ยังเป็นผู้ชายจริงๆ”

ในขณะนั้นเอง เด็กสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเดินทางมาจากด้านนอกก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งหมด เธอถอนหายใจกับตัวเองเล็กน้อย หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราไม่มีคนปกติสักคน นี่คือกลุ่มของพวกคนประหลาดจริงๆ

เด็กสาวค่อนข้างสูง เธอสูงประมาณ 1.7 เมตร ศีรษะปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีฟ้าน้ำทะเล เธอมีรูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ รูปร่างที่มีสัดส่วนสมบูรณ์แบบของเธอนั้นยังไม่เติบโตเต็มที่   แต่ทว่าความงามอันบริสุทธิ์ของเธอกลับน่าดึงดูดยิ่งกว่า ดวงตาสีเขียวซีดของเธอเต็มไปด้วยประกายแวววับที่มีเสน่ห์ “ปิงเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

“ถ้าเจ้าไม่กลับมา ข้าคงจะฆ่าสามีของเจ้าไปแล้ว” เมื่อเห็นเด็กหญิง หญ้าน้อยก็โผเข้าไปกอดเธอเอาไว้

แท้จริงแล้วเด็กสาวที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกคนนี้ก็คือซ่างกวนปิงเอ๋อร์ หลังจากผ่านไป 2 ปี ตอนนี้เธอก็อายุ   ได้ 18 ปีและเข้าสู่วัยบานสะพรั่ง สำหรับหญ้าน้อย เธอคือหญิงสาวที่มู่เอินกล่าวถึงก่อนหน้านี้ เธอคือจ้าวมณีธาตุดินที่หลงรักหัวเฟิง เธอค่อนข้างอารมณ์ร้อน นอกจากหัวเฟิงที่เธอปฏิบัติอย่างอ่อนโยนแล้ว กับคนอื่นๆ อารมณ์ของเธอก็มักจะปะทุขึ้นราวภูเขาไฟที่เดือดจัด น่าแปลกที่แม้ว่าเธอจะต่อต้านโจวเหว่ยชิงมาโดยตลอด แต่เธอกลับสนิทกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์อย่างมาก

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างทำตัวไม่ถูก “ข้า…ยังไม่ได้แต่งงานกับเขา ท่านจะเรียกเขาว่าสามีข้าได้อย่างไร ท่านพี่หญ้าน้อย ถ้าอ้วนน้อยทำให้ท่านโกรธอีก ข้าก็ขอโทษแทนเขาด้วย เจ้าคนไร้ยางอายนั่น! แม้ว่าเขาจะค่อนข้างปากร้าย แต่เขาก็ยังมีจิตใจดีอยู่”

หญ้าน้อยกลอกตาและพูดว่า “พอแล้ว ข้าจะไม่พูดถึงนิสัยของเขาอีก เจ้าถูกพิษร้ายจากความรักเล่นงานเข้าให้แล้ว เฮ้อ…แต่ในส่วนนี้ เจ้ากับพี่สาวก็เหมือนกันสินะ” ขณะที่เธอพูด เธอก็มองไปที่หัวเฟิงอย่างขมขื่น นั่นทำให้เขาตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

…………………………