“พี่หลิน เจ้าบอกว่าเจ้ามาทำไมนะ” หนานกงชางฉยงมองหลินต้าหมิงที่ยิ้มแฉ่งด้วยความมึนงง จะมาไม้ไหนอีกนะหนานกงชางฉยงรู้สึกว่านับตั้งแต่วันที่ส่งหลงเหวินเซวียนกลับบ้านก็ไม่มีวันไหนที่ไม่รู้สึกปั่นป่วนในท้องเลยสักวัน
“ข้าบอกว่าพี่หนานกง พวกเรามาดองญาติกันเถอะ เจ้าดูหลินอวี่ชิ่นหลานข้าสิถึงพลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงพื้นฐานระยะกลาง แต่นางมีแกนวิญญาณคู่วารีพฤกษาเข้ากันได้ดีกับแกนวิญญาณของเวิ่นเทียน เจ้าลองคิดดูว่าหากพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันลูกที่เกิดมาต้องผิวพรรณดีแน่นอน” หลินต้าหมิงขายหลานสาว เดิมเขาอยากจะเสนอขายหลินเสี่ยวเสี่ยว แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหลินเสี่ยวเจียงหลานชายของเขาเกือบจะมาพังบ้านของเขา เขาจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นหลานสาวหลินอวี่ชิ่นแทน
“ข้าจำได้ว่าหลานสาวของเจ้าอายุยี่สิบสี่มิใช่หรือ เด็กเกินไปหรือเปล่า เวิ่นเทียนจะเป็นพ่อนางได้อยู่แล้ว” หนานกงชางฉยงปฏิเสธอย่างนุ่มนวล แค่ฟังก็รู้ว่าหลินอวี่ชิ่นคนนี้เป็นหญิงที่อ่อนแอ อายุ 24 แล้วเพิ่งจะอยู่ในช่วงพื้นฐานระยะกลาง ตอนหลิวหลีอายุเท่านี้ก็เข้าสู่ช่วงแยกจิตแล้ว เทียบกันไม่ได้เลยจริง ๆ ไม่สิ…ทำไมต้องนึกถึงนังหนูที่ทำให้ปวดใจอีกแล้วนะ
“พี่หนานกง ผู้บำเพ็ญอย่างพวกเราจะไปสนใจอายุกับความอาวุโสทำไมกันเล่า ใช่แล้ว ข้าพานังหนูมาด้วยนะ เจ้าดูสิ เหมาะสมกับเวิ่นเทียนมากเลยใช่ไหมล่ะ” หลินต้าหมิงเหมือนจะไม่รู้ว่าถูกปฎิเสธก็ยังคงเสนอขายต่อ แล้วชี้ไปยังสาวน้อยที่ดูไร้ตัวตน
หนานกงชางฉยงลองเพ่งดู เขายังไม่ทันได้ดูเต็มตาก็ก้มหน้างุดๆแล้ว ช่างขี้อายจริงๆ เขายังจำได้ว่าตอนที่หลิวหลีปล่อยให้เขาสำรวจใบหน้าอย่างใจกว้าง เรื่องหน้าตานั้น ผู้บำเพ็ญไม่ได้ให้ความสำคัญกับหน้าตา แต่ว่าเขาแก่ขนาดนี้แล้วมองแค่แวบเดียวจะหน้าแดงทำไมกัน หลิวหลีจากสกุลหลงยังดูสบายๆกว่ากันมาก ส่วนเรื่องพลังบำเพ็ญเพียรนั้น ช่างมันไปเถอะ เขาไม่พูดถึงก็แล้วกัน ส่วนเรื่องสถานะนั้น ได้ยินมาว่าหลิวหลีบ้านสกุลหลงเป็นนักปรุงยาระดับ 7 แล้ว อัตราปรุงยาสำเร็จก็สูงมาก นังหนูคนนี้ดูก็รู้ว่าไม่ได้มีความถนัดอะไรเป็นพิเศษ พอมาเปรียบเทียบดูแบบนี้แล้ว หลิวหลีนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอันดับต้นๆ เพียงแต่ว่าคำทำนายเลวร้ายนั้น จบกัน…ท้องเขาปั่นป่วนขึ้นมาอีกแล้ว
“พี่หลิน เรื่องนี้ค่อยไตร่ตรองดูอีกทีแล้วกัน” หนานกงชางฉยงปฎิเสธอ้อมๆ
ส่วนฟากหนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้บำเพ็ญเพียร เพราะเขารู้สึกว่าบำเพ็ญจนถึงขนาดนี้แล้วก็คงไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นมาอีกจึงมานั่งคุยกับอิงเสวี่ย ทั้งสองคนพูดถึงหลิวหลีโดยไม่รู้ตัว
“เวิ่นเทียน ได้ยินมาว่าหลิวหลีไหว้วานให้ท่านเอ๋าเลี่ยไปยืมหงส์ตัวน้อยที่เผ่าหงส์” เฟิ่งอิงเสวี่ยได้ยินข่าวจากเผ่าตัวเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลิวหลีคิดจะทำอะไรกันนะ
“ไม่รู้สิ” หนานกงเวิ่นเทียนพูดพลางส่ายหัว แค่ได้ยินเรื่องคำทำนายของทั้งคู่เขาจะต้องแต่งออกไป ก็รู้สึกแปลกอยู่บ้าง ตอนแรกเขาก็คิดไว้ว่าตัวเองต้องเป็นคนแต่งออกแต่กลับกลายเป็นเรื่องจริงเสียด้วย
“เวิ่นเทียน เจ้ารั้นจะแต่งกับหลิวหลีจริงหรือ ถ้าแต่งออกไปเจ้าต้องไปอยู่บ้านสกุลหลงนะ” เฟิ่งอิงเสวี่ยเม้มปากเหยียดยิ้มแล้วพูดขึ้น
“แน่นอนสิ ไม่มีใครเคยทำให้ข้าใจเต้นมาก่อน” หนานกงเวิ่นเทียนพูดพลางเอามือลูบหัวใจของตัวเอง
“โถ่ว เวิ่นเทียน เจ้าได้ใช้ประสาทเซียนตรวจสอบดูไหม มีคนมาขอแต่งงานกับเจ้าถึงบ้านด้วยนะ” เฟิ่งอิงเสวี่ยใช้ประสาทเซียนสำรวจดูด้วยความเอือมระอา แต่กลับเห็นใครบางคนเอาหลานสาวมาเสนอขายเข้าเสียอย่างนั้น
“ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านลุงไม่มีทางตกลงหรอก” หนานกงเวิ่นเทียนไม่กลัวว่าท่านลุงของเขาจะหักหลังเขาเลยสักนิด
เฟิ่งอิงเสวี่ยเห็นว่าหนานกงเวิ่นเทียนพูดเช่นนั้น นางก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายขึ้นมา แล้วนำเรื่องนี้ไปบอกกับเอ๋าเลี่ย
ณ บ้านสกุลหลง ทุกวันจะมีคนเดินผ่านเรือนของหลงซินเยว่ไม่ขาด เพื่อสูดดมความหอมของยาศักดิ์สิทธิ์ สูดดมเข้าไปแค่หนึ่งทีก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา
หลิวหลีมองถุงเก็บของ 7 ใบอย่างพึงพอใจ อืม ตะกร้าดอกไม้ก็ทำเสร็จแล้ว เหลือแต่ฤกษ์มงคลเพื่อสู่ขอ อืม…เหมือนจะมีหอทำนายดวงชะตา เดี๋ยวแวะไปหาหมอดูสักหน่อยเพื่อขอฤกษ์มงคล หากหอเทียนจีเก๋อรู้วาตนเองกลายเป็นหมอดูไป ไม่รู้ว่าจะโมโหจนกระอักเลือดหรือไม่
“โห หลิวหลี หลิวหลี พวกเรามาแล้ว” เสียงเด็กน้อยดังแว่วขึ้นทำให้ความคิดของหลิวหลีต้องหยุดลง
หลิวหลีเปิดประตูมองไปบนฟ้า พระเจ้า…นอกจากมังกรแล้ว หงส์แล้วก็ยังมีกิเลนน้อย เสือขาวน้อย เต่าดำน้อย เอ๋าเลี่ยมีอิทธิพลมากไปแล้วมั้ง
“นังหนู เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เลวเลยใช่ไหม” เอ๋าเลี่ยพูดอย่างได้ใจ เขาเพียงแค่ไปที่เผ่าหงส์บอกเหตุผลที่มาในครั้งนี้ พอดีหัวหน้าเผ่าเสือขาวก็อยู่ที่เผ่าหงส์ สะบัดมือทีหนึ่งก็ยืมเสือตัวน้อยมาได้แล้ว เผ่ากิเลนกับเผ่าเต่าดำได้ยินข่าวนี้ ก็ให้ยืมเต่าดำน้อยกับกิเลนน้อยด้วยความยินดี หลิวหลีถึงขนาดสามารถยกเลือดบริสุทธิ์ของอสูรเทพในตำนานที่มีค่ามหาศาลให้กับพวกเขา แค่ขอยืมลูกหลานไปสู่ขอแค่นี้เรื่องเล็กน้อย จึงปรากฏภาพกลุ่มอสูรตัวน้อยกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่กลางอากาศ
“อาเลี่ย พวกเราจะต้องหนีไหม เจ้าไปขโมยลูกหลานของเหล่าอสูรเทพมา ผู้อาวุโสของพวกเขาจะมาหาเรื่องเราไหม” หลิวหลีพูดด้วยความหวาดกลัว
“นังหนู เจ้าคิดอะไรของเจ้าเนี่ย หัวหน้าทุกเผ่าอสูรเทพได้ยินว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือเรื่องสู่ขอ และรู้สึกซาบซึ้งใจที่เจ้ามอบของให้โดยไม่เห็นแก่ตัว จึงบอกแค่ว่าใช้เสร็จก็ส่งคืนกลับไปก็พอแล้ว” เอ๋าเลี่ยพูดขึ้นด้วยความเอือมระอา
“ข้าจะต้องขอขอบคุณหัวหน้าเผ่าอสูรเทพทั้ง 5 เป็นอย่างมาก ว่าแต่ข้าจะให้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนดีล่ะ” มันดูเตะตาคนเกินไป ลองดูคนบ้านสกุลหลงนอกลานแอบโผล่หัวเข้ามาดูลับ ๆล่อ ๆนั้นสิ มันออกจะเกินไปอยู่นะ
“เอ่อ นังหนู ข้ามีเรื่องจะมาบอก” เอ๋าเลี่ยได้ข่าวมาจากเฟิ่งอิงเสวี่ยพอดี
“ว่ามาเลย” หลิวหลีกำลังคิดว่าจะพูดกับหัวหน้าเผ่าว่าอย่างไร
“มีคนไปสู่ขอคนที่สกุลหนานกง” เอ๋าเลี่ยรอดูปฎิกิริยาของหลิวหลี
“ก็ไปสิ” คนบ้านสกุลหนานกงแต่งงานมันเกี่ยวอะไรกับนางด้วย เดี๋ยวนะ สกุลหนานกงหรือ
“ไปขอใครในบ้านนั้นแต่งงาน” ตาขวานางกระตุก ทำไมอาเลี่ยหัวเราะเหมือนมีนัยยะแอบแฝงนะ
“ยังจะมีใครได้อีกล่ะ แน่นอนว่าก็คือนอกจากเจ้าแล้ว คนที่ได้เป็นผู้ถูกเลือกคนใหม่ของสกุลหนานกง ก็หนานกงเวิ่นเทียนอย่างไรล่ะ”
“นังหนู นังหนู” เอ๋าเลี่ยพูดจบก็รอดูปฏิกิริยาของหลิวหลี กลับพบว่าหลิวหลีไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ น่าแปลกจริงๆ ทำไมนางถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยนะ
“ร้ายกาจมาก ใครกล้ามาแย่งผู้ชายกับข้า คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วสินะ” พอหลิวหลีตั้งสติได้ นางก็ระเบิดอารมณ์ นัยน์ตาแฝงไปด้วยความชั่วร้าย
“เอ่อ นังหนู เจ้าสบายดีอยู่ไหม” หรือโดนกระทบกระเทือนจิตใจรุนแรงเกินไปนะ
“ยังสบายดีอยู่ ดีมากด้วย เอ๋าเลี่ย ไป ไปฉุดเจ้าบ่าวกับข้า ในเมื่อกล้าแย่งคนรักของข้า เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะพังประตูบ้านเขาเลย” ตอนนี้ไฟแห่งความเกรี้ยวโกรธของหลิวหลีลุกโชน
“นังหนู ใจเย็นๆ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น” คิ้วของเอ๋าเลี่ยคิ้วเต้นระส่ำ เล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่า
“ใจเย็นหรือ จะให้มัวใจเย็นได้อย่างไร อาเลี่ยบอกกับอสูรน้อยทุกตัว ด้านหน้าเป็นกิเลน หงส์ช่วยถือของให้ข้า ข้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ตรงกลางเป็นเสือขาวมายกของให้ข้าเล็กน้อย ปิดท้ายด้วยเต่าดำ มังกรน้อยให้ล้อมอยู่รอบๆ” หลิวหลีสั่งการด้วยน้ำเสียงเผด็จการ
“ได้” แล้วเขาก็เริ่มดำเนินการ
“อีกอย่าง อาเลี่ย ข้าจำได้ว่าเจ้ามีหินวิญญาณคุณภาพชั้นเลิศอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหม” หลิวหลีเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปที่เอ๋าเลี่ย
“อืม นังหนูเจ้าคิดจะทำอะไร” เอ๋าเลี่ยถามอย่างระมัดระวัง
“เอามาทำอะไรน่ะหรือ อาเลี่ยอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเจ้า เจ้าน่ะอยากจะดูเรื่องสนุก ดูเรื่องสนุกแล้วจะไม่ออกเงินได้อย่างไร แต่ข้าไม่เอามาเปล่าๆหรอกนะแต่จะแลกด้วยยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 ขอหินวิญญาณคุณภาพชั้นเลิศ 10,000 ชิ้นหน่อยสิ” หลิวหลีส่งยิ้มอย่างชั่วร้ายพลางมองไปที่เอ๋าเลี่ย
“ได้” ก็ได้ ดูเรื่องสนุกจนไฟลุกลามมาถึงตัวแล้ว
“ดีมาก ไป ออกเดินทางได้ รอเดี๋ยว ข้าจะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” หลิวหลีกำลังเตรียมจะออกเดินทางก็พบว่าตัวเองใส่ชุดที่ไว้ใช้ปรุงยาอยู่ อะไรก็ใช้ๆไปก่อนได้แต่เรื่องนี้ไม่ได้ หลิวหลีจึงรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
หลงเหวินเซวียนกับหลงจิ่งอู๋ที่ได้รับรายงานมายังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นหลิวหลีเดินขบวนออกไปด้วยท่าทีจริงจังอย่างรีบร้อน ที่จะไปไหนกัน พาอสูรน้อยออกไปด้วยกลุ่มหนึ่งคงไม่ได้จะไปตีใครหรอกใช่ไหม
บ้านหนานกง หนานกงชางฉยงยิ้มจนหน้าแข็งไปหมด ในที่สุดก็ตัดสินใจจะส่งคนสกุลหลินสองคนนี้กลับบ้าน สุดท้ายกลับเห็นว่ามีกลุ่มจุดดำๆอยู่ไม่ไกลกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา
“นั่นคืออะไร”
“กิเลน”
“ข้างหลังเป็นหงส์ ในปากคาบของไว้ด้วย เป็นตะกร้าดอกไม้ที่ประณีตนัก โอ้โห…นั่นไม้จื่อเถิงหมื่นปี ดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งคือดอกหางหงส์ บนตะกร้าดอกไม้มีถุงเก็บของอยู่ไม่รู้ว่าใส่อะไรไว้ข้างใน”
“ข้างๆเป็นมังกร”
“ข้างหลังเป็นเสือขาว กำลังถือพืชศักดิ์สิทธิ์กับหินวิญญาณอยู่”
“หลังสุดเลยคือ เต่าดำ นี่ใครกันจัดขบวนใหญ่โตขนาดนี้”
หนานกงชางฉยงเห็นขบวนเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ท้องไส้ก็ปั่นป่วนมากกว่าเดิม ตาขวากระตุกอย่างบ้าคลั่ง คนสกุลหนานกงเห็นขบวนสู่ขอนี้ก็จับกลุ่มพูดคุยกัน นี่จะทำอะไรกันนะ แน่นอนว่าหนานกงเวิ่นเทียนเห็นเข้าแล้ว นังหนูจะทำอะไรกันนะ
“ผู้นำสกุลหนานกง สารเลวคนไหนที่คิดจะมาแย่งผู้ชายกับข้า”
หนานกงชางฉยงยังไม่ได้ทันได้พูดอะไร ขบวนข้างหน้าก็หยุดลง หลิวหลีที่อยู่ข้างหลังก็เดินขึ้นมา สิ่งที่นางพูดออกมาทำให้หนานกงชางฉยงเกือบขาดใจตาย ใครกันที่ตาบอดจนกล้าแย่งผู้ชายกับเจ้ากันเล่า รนหาที่ตายน่ะสิ แล้วจึงนึกถึงสองตาหลานสกุลหลินที่มีใบหน้าตื่นตระหนก นางคงไม่ได้หมายถึงสองคนนี้กระมัง
“เอ่อ นังหนู เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว” ขบวนนี้คงไม่ได้มาสู่ขอก่อนเวลาใช่ไหม หนานกงชางฉยงถามสวรรค์ด้วยความเหนื่อยหน่าย ใครก็ได้มาช่วยรักษากระเพาะของเขาที มันปวดไปหมดแล้ว
“ผู้นำสกุลหนานกง ท่านจะบอกว่ามีคนหลอกลวงข้าหรือ?” หลิวหลีสบตาเอ๋าเลี่ยที่อยู่ข้างๆ ผู้หญิงแบบนี้หรือจะมาแย่งคนของข้า ผู้นำสกุลหนานกงตาไม่ได้บอดใช่ไหม
“เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว” หนานกงชางฉยงก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาใครกันที่ปากมากไปบอกนังหนูตัวแสบได้นะ เฟิ่งอิงเสวี่ยที่อยู่ไม่ไกลก็จามออกมา ใครบ่นถึงนางกัน ทำไมรู้สึกว่ามีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว
………………………………………………………………………..