“คนข้างๆนี้หรือ” ในที่สุดสายตาของหลิวหลีเลื่อนไปจับจ้องผู้อื่น จึงพบว่าผู้นำสกุลหลินพาเด็กสาวมาด้วยคนหนึ่ง
“หน้าบางอะไรขนาดนั้น ข้ายังไม่ทันพูดอะไรเลยจะหน้าแดงทำไม พลังบำเพ็ญเพียรก็แย่เพิ่งจะอยู่ในช่วงพื้นฐานระยะกลางเอง ข้างหน้าแบนราบ ข้างหลังก็ไม่มีส่วนโค้งเว้า หน้าตาบ้านๆ ไม่มีความโดดเด่นอะไร ดูก็รู้ว่าไม่มีความถนัดด้านไหนเป็นพิเศษ ผู้นำสกุลหนานกง ทำไมมาตรฐานของท่านมันถึงได้ต่ำขนาดนี้” พอหลิวหลีประเมินจบ หลินอวี่ชิ่นที่อยู่ข้างๆก็ใบหน้าซีดเผือด น้ำตาคลอเบ้า อายเสียจนแทบอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
หนานกงชางฉยงไร้คำพูด เหลือบมองหลินอวี่ซินที่โดนหลิวหลีว่าเสียจนแทบอยากมุดดินลงไป กับหลินต้าหมิงที่ทำหน้าไม่ถูกเก้ๆกังๆ ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหม พวกเจ้าธรรมดาเกินไปเมื่อเทียบกับนาง ขอโทษด้วยเพราะไม่มีใครเทียบนางได้จริงๆ
“สหายหลิวหลี จุดประสงค์ที่เจ้ามาในครั้งนี้คือ” หนานกงชางฉยงวกเข้าประเด็น อสูรเทพกลุ่มนี้ดึงดูดสายตามากเกินไป ดูสิ บ้านสกุลหนานกงใกล้จะเป็นสวนให้เข้าชมได้แล้ว เขาต้องหาคนออกไปตั้งป้ายเก็บค่าตั๋วไหมนะ
“นั่นสิ เกือบลืมไปเลย” หลิวหลีเคาะหัวตัวเองเบาๆ หนานกงชางฉยงไม่มีอะไรจะพูด เรื่องนี้ก็ลืมได้หรือ ใครกันที่เป็นคนบอกนังหนูคนนี้กันนะ
“ผู้นำสกุลหนานกง ข้าอยากจะแต่งงานกับหนานกงเวิ่นเทียน นี่คือของหมั้น” ในที่สุดหลิวหลีก็กลับมาเป็นปกติแล้วพูดขึ้น
“ของหมั้น?” หนานกงชางฉยงเงยหน้ามองอสูรเทพตัวน้อยจากทั้ง 5 เผ่าที่กำลังร่ายรำ นังหนูคนนี้ไว้หน้ากันมาก อย่างน้อยก็ไม่ได้บอกว่าเป็นค่าสินสอด ไม่เช่นนั้นเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“คือของหมั้น” หลิวหลีพูดเน้นคำนี้
“ของหมั้น” หนานกงชางฉยงกล่าวทวน ความมุ่งมั่นของนังหนูนี่มีมากจริง ๆ
“ใช่แล้ว” หลิวหลีพยักหน้า
พอหลินต้าหมิงเรียกสติกลับมาได้ก็พบว่าเขาได้ทำเรื่องที่โง่เง่ามากขนาดไหน ถึงขนาดเอาหลานสาวของตัวเองมาเปรียบกับผู้ถูกเลือกคนนี้ ดังนั้นที่เขามาวันนี้เหมือนมาเล่นตลกชัด ๆ
“ฮ่าๆ สหายหลิวหลี ข้าแค่พาหลานสาวของข้ามาเยี่ยมเยียนเท่านั้น” หลินต้าหมิงรีบเอ่ยแก้ตัวทันที สองคนนี้ไปถูกใจกันตอนไหน ทำไมถึงไม่รู้เรื่องเลย
“อย่างนี้เองหรือ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กลับไปบอกคนสกุลหลินของเจ้าด้วยนะ หากมีใครคิดจะยุ่งกับหนานกงเวิ่นเทียน ให้มาถามข้าก่อนว่าข้ายินยอมหรือไม่” พูดจบก็ปล่อยเพลิงอัคคี 5 สีออกมาพร้อมกัน หลินต้าหมิงรู้สึกว่าวันนี้ตนช่างโง่เง่ามากเหลือเกิน
“เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแค่จะมาพูดคุยกับพี่หนานกงเท่านั้น มีโอกาสได้เห็นงานแต่งของหลิวหลีกับสกุลหนานกงด้วยตาของตัวเองนับว่าเป็นบุญนัก ไม่ทราบว่าข้าพอจะได้รับเกียรตินั้นไหม” หลินต้าหมิงพูดขึ้นพลางพยายามปั้นหน้ายิ้มแย้ม เพลิงอัคคีถูกปล่อยมา สกุลหลินของเขาก็เป็นเพียงธุลี
“กำลังขาดคนมาเป็นพยานอยู่พอดีเลย ถ้าอย่างนั้นคงต้องลำบากผู้นำบ้านหลินแล้ว” หลิวหลีพูดอย่างมีมารยาท
หนานกงชางฉยงกลั้นขำจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมด เฮ้อ พี่หลินผู้โชคร้าย เรื่องแต่งงานไม่สำเร็จไม่พอยังต้องถูกบังคับให้มาเป็นพยานอีก ไม่เคยเห็นใครต้องอึดอัดใจขนาดนี้มาก่อน
“ได้สิ” หลินต้าหมิงรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าวันนี้ไม่ควรออกจากบ้านเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องโชคร้ายขนาดนี้ รู้สึกอึดอัดใจมากเหลือเกิน นับจากนี้ไปหลินต้าหมิงจะพักความคิดการเป็นแม่สื่อแม่ชัก ทำอย่างไรได้ มันเป็นเงาดำฝังใจเกินไป
“ผู้นำสกุลหนานกง ช่วยเรียกเสี่ยวเทียนออกมาได้หรือไม่” หลิวหลีถามขึ้น เจ้าของงานจะไม่อยู่ได้อย่างไร
“นั่นสิ รีบไปตามเวิ่นเทียนมา” นอกจากคำทำนายบางจุดของทั้งสองคนที่รับไม่ได้แล้วเรื่องอื่นที่เหลือหนานกงชางฉยงก็พึงพอใจในตัวของหลิวหลีอย่างมาก โดยเฉพาะวันนี้ นางไม่ได้เปิดเผยสิ่งที่เขากังวลใจอยู่ออกมาเลยแม้แต่น้อย หนานกงชางฉยงค่อยๆรู้สึกว่าทั้งสองแต่งงานกันก็ไม่เลวเหมือนกัน
คนในสกุลที่อยู่แถวนั้นพอได้ยินก็รีบวิ่งไปตามหนานกงเวิ่นเทียน
“คุณชายเวิ่นเทียน คุณชายเวิ่นเทียน มีเรื่องมงคลน่ายินดีแล้ว หลิวหลีจากสกุลหลงอยากแต่งงานกับท่าน แล้วยังนำของหมั้นมาด้วย ท่านผู้นำสกุลให้มาเรียกท่านไป”
“เรียกให้ข้าไปหรือ อาเช่อเจ้าฟังผิดหรือเปล่า” หนานกงเวิ่นเทียนถามด้วยความประหลาดใจ หูแดงเล็กน้อย
“ไม่หรอกขอรับ วันนี้ข้าเข้าเวรอยู่ที่จวนหน้า เป็นเรื่องจริงครับ คุณชายเวิ่นเทียนรีบไปเถอะ” หนานกงเช่อพูดด้วยความยินดี
“ข้าจะไปสักหน่อยแล้วกัน” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว หลิวหลีจัดขบวนยิ่งใหญ่ขนาดนี้แค่จะมาให้ของหมั้นงั้นหรือ
“ท่านผู้นำ” พอหนานกงเวิ่นเทียนมาถึง ก็เห็นหลิวหลียืนอยู่ฝั่งตรงข้าม นังหนูนี่มาจริงหรือนี่ แต่เขาชอบนะ
“เวิ่นเทียน หลิวหลีสกุลหลง อยากจะหมั้นหมายกับเจ้า เจ้ายินดีหรือไม่” หนานกงชางฉยงเน้นคำว่าหมั้นเป็นพิเศษ
หนานกงเวิ่นเทียนมองหลิวหลีที่เหมือนมีแสงสะท้อนออกมา แววตาเป็นประกาย ความโดดเด่นของนางทำให้ผู้คนด้านข้างดูมืดมน อีกทั้งเขายังได้ยินคำพูดของนางในเวลานั้นเหมือนกัน นางรักษาหน้าสกุลหนานกง เพราะนางเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เขารักนางมากขึ้นกว่าเดิม
“ยินดีขอรับ” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้าเพื่อแสดงความยินยอมพลางมองไปหลิวหลี
“ดีมาก เวิ่นเทียน ถ้าอย่างนั้นผู้นำสกุลหลินก็จะเป็นพยานให้แก่พวกเจ้า เป็นพยานว่าเวิ่นเทียนจากสกุลหนานกงจะแต่งงานกับหลิวหลีบจากสกุลหลง” จู่ๆหนานกงชางฉยงก็ไม่รู้สึกหนักใจขนาดนั้นอีกต่อไป หายปวดหัวแล้ว และเขารู้สึกดีมากเช่นกัน
“ข้าหลินต้าหมิงผู้นำสกุลหลินขอเป็นพยานว่าเวิ่นเทียนสกุลหนานกงได้หมั้นหมายกับหลิวหลีสกุลหลงแล้ว” หลินต้าหมิงพูดเสียงดังฟังชัด
“ของหมั้นได้แก่ ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 1 คุณภาพชั้นเลิศ 10,000 เม็ด ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 2 คุณภาพชั้นเลิศ 8,000 เม็ด ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 3 คุณภาพชั้นเลิศ 5,000 เม็ด ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 4 คุณภาพชั้นเลิศ 30,000 เม็ด ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 5 คุณภาพชั้นเลิศ 1,000 ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6 คุณภาพชั้นเลิศ 500 เม็ด ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 คุณภาพชั้นเลิศ 100 เม็ด” พอเอ๋าเลี่ยได้รับจากสัญญาณของหลิวหลีก็ตะโกนขึ้น โดยมีหน้าที่เป็นพิธีกร ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจกับจำนวนของหมั้นของหลิวหลี
“ของหมั้นเป็นยาศักดิ์สิทธิ์คุณภาพชั้นเลิศทั้งหมดเลย หลิวหลีสกุลหลงจ่ายหนักจริงๆ”
จากนั้นก็เห็นหงส์ตัวน้อยเจ็ดตัวออกมาจากขบวน ข้างๆมีมังกรตัวน้อยอยู่ เมื่อลงมาใกล้จะถึงพื้นก็แปลงกายเป็นเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิงถือตะกร้าดอกไม้ ช่างทำให้ผู้คนต่างรู้สึกอิจฉา พอนำตะกร้าดอกไม้วางลง หงส์ตัวน้อยก็กลับไปเป็นร่างเดิมแล้วกลับเข้าขบวนไป
“ของที่ให้ยังเป็นเรื่องรอง แต่ว่าขบวนแบบนี้ใครจะไปเชิญมาได้ อสูรเทพตัวน้อยทั้งหมดแทบจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ การหมั้นนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่น ทำให้คนต่างพากันรู้สึกอิจฉามากจริงๆ”
“นั่นสิ ตอนที่ข้าแต่งงานกับสามี มีแค่หินวิญญาณไม่กี่พันก้อนข้าก็แต่งแล้ว เมื่อเทียบกันแล้วข้ารู้สึกอิจฉาเหลือเกิน” ผู้บำเพ็ญหญิงที่แต่งงานแล้วจำนวนไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบดูแล้วก็รู้สึกอิจฉาอย่างมาก เมื่อเทียบกับสามีของตัวเองแล้วช่างธรรมดาเสียจริง
“ยาศักดิ์สิทธิ์พวกนี้เป็นฝีมือหลิวหลีทั้งหมดเลยใช่ไหมนะ”
“น่าจะใช่ ได้ยินมาว่าอัตราสำเร็จในการปรุงยาของนางสูงมาก แล้วยังได้ยินมาอีกว่ามาตรฐานในการปรุงยาของนางก็คือยาที่คุณภาพต่ำกว่าคุณภาพชั้นเลิศถือว่าเป็นยาเสีย”
“อย่างนี้เองหรือนี่ ถ้าอย่างนั้นหลงหลิวหลีมียาเสียไหม ถ้ามีข้าก็ไม่รังเกียจ เอายาเสียมาปาใส่ข้าให้ตายได้เลย”
“พอเถอะ ยาแบบนั้นใช่ยาที่เจ้าจะได้เห็นนหรือ”
หนานกงชางฉยงคิดไม่ถึงว่าหลิวหลีจะทุ่มให้มากขนาดนี้ งานหมั้นหมายนี้ดีเสียจริง หลินต้าหมิงที่อยู่ข้าง ๆก็รู้สึกอิจฉา เฮ้อ…หลานสาวของเขาเมื่อเทียบกันแล้วสู้ไม่ได้เลย
“ฮ่าๆ ยังมีอีกนะ พืชศักดิ์สิทธิ์ระดับ6 จำนวน 100 ชิ้น พืชศักดิ์สิทธิ์ระดับ7 จำนวน 50 ชิ้น พืชศักดิ์สิทธิ์ระดับ8 จำนวน 10 ชิ้น พืชศักดิ์สิทธิ์ระดับ 9 จำนวน 1 ชิ้น หินศักดิ์สิทธิ์คุณภาพชั้นเลิศ 10,000 วัตถุดิบทำอาวุธขนาดถุง 10 ตารางเมตรหนึ่งถุง” เอ๋าเลี่ยพูดต่อ เสือขาวตัวน้อยออกมาจากขบวน เมื่อใกล้จะถึงพื้นก็กลายร่างเป็นเด็กผู้ชาย ผู้หญิงเหมือนกับหงส์ นำของไปมอบให้แล้วเดินกลับเข้าขบวน
“เดิมทีข้าจะหานกอินทรีปีกทองตัวผู้ตัวเมียมาหนึ่งคู่แต่ว่ารีบเกินไปหน่อย เสี่ยวเทียน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง วันที่พวกเราแต่งงานจะต้องมีแน่ พอถึงเวลานั้นพวกเราก็เลือกสถานที่ที่เราชอบสร้างบ้านสักหลัง พวกเรามาออกแบบตกแต่งด้วยกันนะ” หลิวหลีรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับของหมั้นเท่าไรนัก ตัวเองยังจัดเตรียมได้ไม่เต็มที่
“หลิวหลี เจ้าไม่คิดจะแต่งที่บ้านสกุลหลงหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ถึงขนาดจะไม่จัดงานแต่งที่บ้านสกุลหลง
“ใช่สิ บ้านสกุลหลงเป็นบ้านของท่านตา ไม่ใช่ของเราสักหน่อย ข้าชอบบ้านของเรามากกว่า” หลิวหลีเน้นย้ำคำว่าบ้านของเรา
“หลิวหลี ได้หมั้นหมายกับเจ้าถือเป็นความโชคดีของข้าหนานกงเวิ่นเทียน” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกตื้นตันใจ การกระทำของหลิวหลีไม่เพียงแต่เป็นการรักษาหน้าบ้านสกุลหลง ยังเป็นการรักษาหน้าบ้านสกุลหนานกงอีกด้วย
แน่นอนว่าหนานกงชางฉยงที่อยู่ด้านข้าง ย่อมต้องได้ยินอยู่แล้ว นังหนูคนนี้มีใจคิดถึงคนอื่น เฮ้อ เรื่องบางเรื่องตัวเขาเองก็ควรจะปล่อยวางได้แล้ว
“เวิ่นเทียน มอบของชิ้นนี้ให้กับเจ้า ต่อไปมันคือของเจ้าแล้ว” หนานกงชางฉยงปล่อยวาง นำป้ายหยกประจำสกุลที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษมอบให้กับหนานกงเวิ่นเทียน
“ท่านลุง นี่คือ” แน่นอนว่าหนานกงเวิ่นเทียนต้องรู้จักป้ายหยกชิ้นนี้ หลิวหลีเองก็รู้จักเช่นกัน เสียงโม่หรานตะโกนในหัวของนาง บอกให้นางไปเอาหยกนั้นมาหลอมรวมเข้ากับมิติมันก็จะสมบูรณ์แล้ว หลิวหลีพยายามกดโม่หรานลงไป ล้อเล่นหรืออย่างไร ในวันมงคลของนางอย่างนี้อย่าออกมาสร้างปัญหาใหม่เพิ่มได้ไหม
“เวิ่นเทียน รับไว้เถอะ นอกจากเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะให้ใครแล้ว เจ้าเป็นความหวังของบ้านสกุลหนานกง คู่ชีวิตของเจ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง นอกจากเจ้าข้าก็ไม่รู้ว่าใครจะสามารถพยุงบ้านสกุลหนานกงเอาไว้ได้อีก” หนานกงชางฉยงพูดพลางทอดถอนใจ
หลานของเขาคนนี้โดดเด่นทุกด้าน สิ่งเดียวที่ทำให้เขาหนักใจก็คือการแต่งงานของเขา แต่ว่าหลิวหลีดูแลหนานกงเวิ่นเทียนขนาดนี้ อีกทั้งยังรักษาหน้าของเขาด้วย ดูแล้วน่าจะไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่างเขาก็รู้สึกว่าป้ายหยกชิ้นนี้คงจะไม่ได้อยู่ในมือของหนานกงเวิ่นเทียนนานนัก
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอบคุณขอรับท่านลุง” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกว่าหากยังปฏิเสธอีกก็จะดูเป็นการเสแสร้ง
หลิวหลีมองดูหยกอันนั้นแล้วก็คิด อืม ให้เสี่ยวเทียนมาแล้ว ไม่นานก็คงตกเป็นของนาง นางจึงไม่รีบร้อน
รอจนทุกอย่างเข้าที่แล้วหลิวหลีก็ส่งสัญญาณให้เอ๋าเลี่ย
“อาเลี่ย กลับไปร่างเดิมที เรียกอิงเสวี่ยมาด้วย ช่วยเป็นมังกรหงส์มงคลให้ข้าหน่อย” หลิวหลีส่งเสียงบอกเขา
“นังหนู ยังจะเอาอีกหรือ พอได้แล้วมั้ง” เอ๋าเลี่ยปฏิเสธ ล้อเล่นอะไรกัน
“เหอะ เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าอิงเสวี่ยเป็นคนบอกเจ้า รีบเป็นมังกรหงส์คู่มงคลให้ข้าเร็วๆ ความหมายดีขนาดนี้ เจ้าต้องทำ” หลิวหลีสั่งการด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“อาเลี่ย ข้าจะเตรียมย่างวัวทั้งตัวให้เจ้า 10 ตัว แล้วก็ลูกชิ้นหมูสับยักษ์ ปลาต้มร้อนๆ 10 ตัว หากว่าเจ้ายังไม่ทำอีกละก็ข้าก็จะใช้พันธสัญญาแล้วนะ ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าพันธสัญญามีไว้ใช้ทำอะไร” หลิวหลีพูดจบ เอ๋าเลี่ยทำท่าเหมือนจะร้องไห้ นังหนูเดี๋ยวนี้เจ้าร้ายกาจขึ้นมากถึงขนาดใช้อำนาจมาข่มขู่ได้แล้ว เอ๋าเลี่ยไม่มีทางเลือกจึงต้องส่งเสียงบอกอิงเสวี่ย อิงเสวี่ยฟังจบก็รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเล่นเกินไปหน่อยจึงตอบรับด้วยความเต็มใจ
ทุกคนต่างคิดว่างานสิ้นสุดลงแล้ว แต่ทันใดนั้นเสียงร้องของมังกรกับหงส์ที่ลอยเข้ามาทำให้ทุกคนตกตะลึง แล้วก็เห็นมังกรโลหิตตัวใหญ่ตัวหนึ่งบินขึ้นฟ้า ตามด้วยหงส์สีขาวที่บินตามขึ้น จากนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
“มังกรหงส์ร่วมกันขับร้อง เป็นมังกรหงส์คู่เสริมมงคล” ทุกคนต่างรู้สึกตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ยสบสายตากัน จู่ๆในหัวก็นึกถึงคำพูดของหลิวหลี อาเลี่ย เจ้าต้องดูโลกภายนอกบ้าง ดูเหมือนจะไม่เลวเหมือนกันนะ
……………………………………………………..