บทที่ 114 ศัตรูลึกลับ[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 114 ศัตรูลึกลับ[รีไรท์]

Land Rover Range Rover สีดำกำลังวิ่งไปบนถนนที่มีแดดส่องจ้า รถคันนี้เป็นของมังกรเขียวที่ฉู่ชวิ๋นยืมมา

แน่นอนว่ามังกรเขียวไม่เต็มใจที่จะให้อีกฝ่ายยืมสักเท่าไหร่นัก แต่หลังจากที่ถูกฉู่ชวิ๋นมองมาเขาก็ยอมในที่สุด

จู่ ๆ Land Rover ก็หยุดอยู่ที่ข้างถนน ฉู่ชวิ๋นออกมาจากรถ แล้วถอดใบรับรองทางการทหารทิ้งก่อนที่จะกลับเข้าไปนั่งบนรถดังเดิม

“การถอดใบรับรองทางทหารเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายนะ” หัวหน้าหมายเลข1 พูดขึ้น

ฉู่ชวิ๋นร้องอ๋อเบา ๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ ที่จริงแล้วเขากลัวหลงอ๋าวจะหาเขาเจอเพราะรถต่างหาก หัวหน้าหมายเลข1 รู้สึกหดหู่ เขามีท่าทีที่บ่งบอกได้ว่ากำลังเบื่อมากที่เถียงกับคนแบบฉู่ชวิ๋น คนแบบนี้ต้องเป็นคนอย่างไรที่กล้าเผชิญหน้ากับทุกอย่าง ไม่รู้ว่าเขายังสนใจกฎหมายบ้านเมืองอยู่อีกไหม?

“จะพาฉันไปที่ไหนน่ะ?” หัวหน้าถาม

ฉู่ชวิ๋นที่มองเขาผ่านทางกระจกมองหลัง และพูดออกมา “ผมต้องพาคุณไปส่งที่ไหนละเนี่ย? นี่มันเมืองของคุณนะ คุณควรพูดแบบนี้ในฐานะหัวหน้าเหรอ?”

ได้ยินคำถามแบบนั้น หัวหน้าหมายเลข1 ก็ส่ายหน้าและยิ้มแห้ง ๆ กลับมาให้ก่อนที่จะบอกที่อยู่ให้กับฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นไม่ได้ถามว่าตามที่อยู่ตรงนั้นคือสถานที่แบบไหนกันแน่ เขาเหยียบคันเร่งแล้วรีบไปยังจุดหมายทันที

Land Rover ที่ขับตามมาก็เร่งความเร็วตาม เพราะพวกเขามีหน้าที่ ที่ต้องปกป้องหัวหน้าใหญ่ของพวกเขา 1 ชั่วโมงผ่านไป ตามอุปกรณ์นำทางมาถึงจุดที่พวกเขาต้องหยุด

ขบวน Land Rover ก็จอดที่ตรอกแคบ ๆ ที่เหมือนจะร้าง ตรอกนี้แคบมากเกินกว่าที่รถจะเข้าไปได้ ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีอายุหลายปี ผนังทั้งสองด้านมีรอยด่างผิวผนังและอาคารโดยรอบค่อนข้างเก่า

ถ้ามองไปยังถนนยางมะตอยด้านนอก และตึกรามบ้านช่องที่สูงและทันสมัย ไม่มีใครคิดเลยว่าจะมีซอยเล็ก ๆ ที่ทรุดโทรมซ่อนอยู่ระหว่างตึกพวกนี้ได้ “สวยแต่รูป จูบไม่หอม” ฉู่ชวิ๋นเอื้อมมือไปแตะที่ผนังและมีเศษผนังหลุดออกมาและเขาอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย

หัวหน้าหมายเลข1 เองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขายิ้มอ่อน ๆ เอื้อมมือไปหยิบชิ้นส่วนของกำแพงที่ตกลงมายิ้มและพูดนอกเรื่อง “เคยได้ยินไหมว่า เพื่อไวน์รสเลิศ ซอยลึกแค่ไหนก็ไม่กลัว”

“หอมอ่ะ!” ฉู่ชวิ๋นได้กลิ่นไวน์ที่ลอยมาแตะจมูก

เขามักดื่มไวน์ชั้นดีของเซียน ปากของเขามักจะพิถีพิถันมาก เขายอมรับเลยว่ากลิ่นนี้ช่างหอมหวานเหลือเกิน

“ไปกัน ไวน์จะดื่มข้างนอกไม่ได้” หัวหน้าหมายเลข1 เดินนำทางเข้าไปในซอย

เดินตามทางเข้าไปเรื่อย ๆ จนเจอบ้านที่มีลานกว้างขวางทางอยู่ หัวหน้าหมายเลข1 ก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตูทั้งสองเข้าไปในสนามหญ้า

สนามมีขนาดไม่ใหญ่นักมีการจัดวางพื้นที่อย่างดีมีสวนและแปลงผักมากมาย

สิ่งที่ต้อนรับพวกเขาไม่ใช่เจ้าของร้าน แต่เป็นสุนัขตัวหนึ่ง มันตัวใหญ่เหมือนวัว ไม่ใช่สายพันธุ์ที่แพงอะไร เป็นเพียงสุนัขป่าทั่วไป มันนั่งยอง ๆ อยู่กลางสนามและรู้สึกหวาดกลัว มันจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยดวงตาสีเข้มและอ้าปากเพื่อแยกเขี้ยว

“หุบปาก!” แสงสีทองในดวงตาของฉู่ชวิ๋นกะพริบออกมาและดุมัน

แต่ผลที่ได้นั้นชัดเจนมาก ปากที่อ้าอยู่ของมันไม่กล้าส่งเสียงออกมา สัญชาตญาณของสัตว์นั้นไวกว่ามนุษย์มาก มันรู้ทันทีว่าฉู่ชวิ๋นไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่าย ๆ มันยังไม่อยากจะกลายเป็นหม้อไฟเนื้อสุนัข

หัวหน้าหมายเลข1 ก็รู้สึกแปลกใจทันที หมาตัวใหญ่นั้นชื่อว่า สายฟ้า ด้วยยีนของหมาป่ามันจึงจะดุร้ายผิดปกติ ต่อให้มันเจอกับสิงโตหรือราชสีห์มันก็ไม่ยอมใครง่าย ๆ นอกจากนี้เขายังใช้ความพยายามอย่างมากและติดสินบนมันด้วยอาหารอร่อยมากมายเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากมัน

แต่ตอนนี้เมื่อมันเห็นฉู่ชวิ๋น มันก็เหมือนกับแมวน้อยแสนเชื่องไป มันจ้องมาพร้อมกับหางที่สั่นไหว สุนัขหมาป่าที่น่าเกรงขามได้กลายเป็นหมาปั๊กน้อย ๆ ที่กระดิกหางแล้ว

ผ่านไปสักพัก หมาตัวใหญ่ก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปยังประตูบ้าน

เมื่อประตูบานนั้นถูกเปิดออก ชายชราผมขาวคนหนึ่งที่นั่งรถเข็นออกมา

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นนั้นหรี่ลง แม้ชายชราคนนี้จะดูเหมือนป่วย แต่บรรยากาศรอบตัวไม่ใช่เล่น เขามีพลังที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่ปล่อยมันออกมา สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ เขาเป็นขั้นปรมาจารย์ท่านหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่มีบาดแผลภายใน เส้นชีพจรขาดหมด จนตอนนี้เขาไม่หลงเหลือพลังในตัวแล้ว

คนที่เข็นรถเข็นออกมานั้นเป็นสาวงามอายุน่าจะประมาณ 19 ถึง 20 ปี ขนตายาวงาม ผิวขาวราวกับหิมะ ที่สะดุดตาที่สุดคือมือของเธอที่เนียนใสราวหยกที่ใช้เข็นรถเข็นนี้เข้ามา

“อาจารย์!” หัวหน้าหมายเลข1 รีบวิ่งเข้าไปก้มหัวด้วยความเคารพ

ชายชราบนรถเข็นก็ยิ้มให้ พร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ ท่าทางของเขาดูอิดโรยมาก

“สวัสดีค่ะศิษย์พี่!” หญิงสาวที่เข็นรถเข็นส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มนั้นเผยให้เห็นเขี้ยวเสือในปากของเธอที่ดูซุกซน

หัวหน้าหมายเลข1 พยักหน้ารับ

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นชายชราที่เป็นอาจารย์ของหัวหน้า ถ้านี่เป็นสถานที่ในยุคโบราณที่เขาจากมาละก็ บอกได้เลยว่าชายคนนี้คือขั้นจักรพรรดิแน่นอน! แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยคือในหญิงสาวที่เรียกหัวหน้าว่าศิษย์พี่

“ท่านอาจารย์ ผมขอแนะนำ คนคนนี้คือฉู่ชวิ๋น…”

ชายชราโบกมือเพื่อขัดจังหวะ เขามองไปยังฉู่ชวิ๋นและพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ข้ารู้จักเจ้านะ ชายคนเดียวที่สามารถรับมือกับทหารรับจ้างหมาป่าทองคำได้ระหว่างภารกิจช่วยเหลือตัวประกันและยกระดับประเทศจีน พลตรีฉู่ชวิ๋น”

หลังจากนั้นชายชราก็ทำความเคารพแบบทหาร

ฉู่ชวิ๋นไม่คิดแบบนั้น ชายชราคนนี้เคยเป็นทหารอย่างแน่นอนและเขาเป็นคนเที่ยงธรรมและควรค่าแก่การเคารพ เขาตอบกลับด้วยการแสดงความเคารพทหารที่ไม่ได้มาตรฐาน

“นี่คือศิษย์น้องของฉัน หลิวเสี่ยวไป๋ เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เช่นกัน” หัวหน้าชี้ไปยังผู้หญิงและแนะนำเธอให้กับเขาได้ฟัง

เขาบอกกับฉู่ชวิ๋นว่าเขาได้รับการฝึกฝนให้เป็นผู้นำระดับชาติตั้งแต่ยังเด็กและเขาไม่สนใจศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงเป็นเพียงคนธรรมดา แต่เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีพรสวรรค์ในศิลปะการต่อสู้

“สวัสดีคุณพลตรีฉู่ชวิ๋น ฉันหลิวเสี่ยวไป๋ จะเรียกฉันว่า พลตรีหลิวก็ได้นะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มมาให้

ฉู่ชวิ๋นสังเกตหญิงสาวอย่างละเอียด แม้ว่าเธอจะยิ้มแต่ ฉู่ชวิ๋นรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงการดูถูกและไม่ยอมรับ

นามสกุลของเธอคือหลิว หลิวเจี่ยเฟยก็สกุลหลิว นี่มันบังเอิญไปหรือเปล่า?

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าอย่างเฉยเมยและทักทาย

ดวงตาที่สดใสของหญิงสาวมีความโกรธเป็นนัย ๆ จนในที่สุดเธอก็ส่งเสียงไม่พอใจนิดหน่อย และมองฉู่ชวิ๋นอย่างเหยียดหยามมากยิ่งขึ้น

“เสี่ยวไป๋ ไปเตรียมไวน์เถอะ” ชายชราออกคำสั่ง หลิวเสี่ยวไป๋ไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไป

“พลตรีฉู่เคยพบเสี่ยวไป๋มาก่อนเหรอ?” ตอนที่เสี่ยวไป๋ไปแล้วชายชราก็ถามขึ้นมา

ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่เคยเจอครับ”

“แล้วเหตุใดเสี่ยวไป๋จึงเป็นศัตรูกับพลตรีฉู่กันล่ะ?” แม้จะบาดเจ็บแต่ชายชราก็ยังคงช่างสังเกต

หลังจากนั้นไม่นานฉู่ชวิ๋นเขาก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “ผมจะถามด้วยตัวเองว่าทำไมเธอถึงเป็นศัตรูกับผมทีหลังนะครับ ผมก็สงสัยมากเช่นกัน”

ที่บ้านเดี่ยวแห่งนี้มีโต๊ะและเก้าอี้หินสำเร็จรูปอยู่ข้างสวน และหลิวเสี่ยวไป๋ก็เตรียมไวน์ไว้ให้ ไวน์นี้ไม่มีชื่อ ผลิตโดยชายชรา มีกลิ่นหอมเข้มข้นและเป็นไวน์ชั้นดีที่หายากในโลก

เมื่อทุกคนนั่งลง หลิวเสี่ยวไป๋ก็ทยอยรินไวน์ให้กับทุกคน

ตอนนี้หัวหน้าหมายเลข1 ก็มีสีหน้าที่แย่ลง หลังจากที่ดื่มไป 3 แก้ว หลิวเสี่ยวไป๋ก็ยังคงรินให้อยู่ แต่มีเพียงฉู่ชวิ๋นเท่านั้นที่เธอไม่รินให้ ชายชราเห็นฉากนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย และมันเป็นการดูถูกอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้น

หลิวเสี่ยวไป๋เพิกเฉย เธอหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและพูดกับฉู่ชวิ๋น “พลตรีฉู่ ไวน์นี่อาจารย์ของฉันดองไว้เป็นเวลา 30 ปี มันล้ำค่ามาก ๆ ปกติหาดื่มไม่ได้หรอกนะ คุณต้องถือโอกาสนี้ดื่มมันแล้วละ ชนแก้ว!”

สีหน้าของหัวหน้าดูไม่ดี แก้วของฉู่ชวิ๋นไม่มีไวน์แท้ ๆ จะชนแก้วยังไง? ใบหน้าของชายชราเองก็ดูไม่ดีเอามาก ๆ ศิษย์ของเขาเป็นเด็กดีมาโดยตลอด วันนี้เป็นอะไรไปกันนะ?

หัวหน้าเป็นห่วงและกังวล ศิษย์น้องของเขาคงไม่รู้แน่ ๆ ว่ากำลังท้าทายใครอยู่ นี่เป็นคนที่แม้แต่หลงอ๋าวก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเขา ในความคิดของเขาสิ่งนี้เทียบเท่ากับตอนนี้มันเหมือนกับมดที่กำลังท้าทายช้าง และโดยพื้นฐานแล้วมันรนหาที่ตายชัด ๆ