บทที่ 113 กวาดให้เรียบ[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 113 กวาดให้เรียบ[รีไรท์]

ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นกำลังบันทึกภาพของหลงอ๋าว จิตวิญญาณของเขาได้แพร่กระจายออกไปราวกับน้ำท่วม ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย เมื่อกวาดตามองเข้าไป ฉู่ชวิ๋นก็พบกับสิ่งที่ต้องการ

ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์และตรงไปที่สวนหย่อมหน้าบ้าน ค่ายกลที่เขาสร้างเอาไว้ไม่สามารถกักตัวหลงอ๋าวไว้ได้นานนัก ฉู่ชวิ๋นรู้ดีว่าตนเองต้องรีบลงมือ

เมื่อมาถึงสวนหย่อมหน้าบ้าน ฉู่ชวิ๋นก็หยุดเท้ายืนจ้องมองน้ำพุหินที่แกะสลักอย่างสวยงาม จากนั้นเขาก็ขยับเท้าก้าวเดินเข้าไป หมุนกรงเล็บของมังกรหินที่เป็นส่วนหนึ่งของน้ำพุแกะสลัก กรงเล็บของมังกรที่มีน้ำหนักไม่ใช่น้อย เขาค่อย ๆ หมุนอย่างเชื่องช้าตามแรงบิด

กริ๊ก!

น้ำพุหินหมุนเป็นครึ่งวงกลม กลไกของมันถูกกระตุ้นเข้ากับบางอย่าง เกิดเสียงสั่นสะเทือนขึ้นตามมา น้ำพุหินสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่ตัวของมังกรหินจะเเบ่งออกเป็นสองซีกเผยให้เห็นบันไดสู่ทางเดินใต้ดิน

ฉู่ชวิ๋นก้าวเท้าเดินลงไปยังขั้นบันไดหินอย่างไม่ลังเล

หลังจากเดินลงไปได้ประมาณ 5 นาที ประตูหินสูง 10 เมตรก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ซึ่งเขาเห็นมังกรคู่ที่สลักอยู่บนประตูหินมีสีสันสดใส ฉู่ชวิ๋นเดินไปข้างหน้า และออกแรงผลักบานประตู

ครืด!

ประตูหินเปิดออกทันที ด้านในเป็นพื้นที่มีขนาดความกว้างกว่า 100 ตารางเมตร มีร่องรอยของมีดและขวานที่กำแพงหิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่สำหรับทำของ

แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจอย่างยิ่งก็คือ ไข่มุกราตรีที่มีขนาดเท่ากำปั้น 2 เม็ดประดับอยู่บนผนังนั้นให้แสงสว่างราวกับดวงอาทิตย์

ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออก เพียงแค่เม็ดเดียวก็ขายได้เป็นเงินมากมายมหาศาลแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าบนโลกนี้จะมีสุดยอดไข่มุกราตรีเช่นนี้อยู่กี่เม็ดกัน? นับว่าเป็นอุปกรณ์ให้แสงสว่างที่หรูหราจริง ๆ

ฉู่ชวิ๋นกวาดสายตาสำรวจมองโดยรอบ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย มันมีค่ายกลอยู่ตรงหน้าเขา เรียกขานกันว่าค่ายกลพรางตา จัดเป็นค่ายกลที่ถูกสร้างเอาไว้เพื่อปิดบังซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง

นี่เป็นเพียงค่ายกลระดับแรก ซึ่งไม่สามารถขัดขวางฉู่ชวิ๋นได้อยู่แล้ว เพียงแค่กระทืบเท้าทีเดียวค่ายกลตรงหน้าเขาก็สลายหายไปในทันที

เมื่อค่ายกลหายไปแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็เพ่งสายตาจ้องมองสิ่งที่อยู่ด้านในทันที ทันใดนั้นเองลมหายใจของเขาก็ติดขัด ในดวงตาปรากฏประกายแวววาวอย่างที่หาได้ยากยิ่ง

‘งานนี้รวยเละแล้ว!’ ฉู่ชวิ๋นคิดกับตัวเอง

“หญ้าหมอกฟ้า”

“บัวเจ็ดดาว”

“เมล็ดหญ้าลี้ลับ”

“…”

สิ่งที่ซ่อนอยู่หลังค่ายกลก็คือสมุนไพรจิตวิญญาณระดับต่ำกว่าหนึ่งโหล มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เปล่งประกายแสงที่ส่องสว่างและอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นยาที่แข็งแกร่งและกลิ่นอายของจิตวิญญาณ

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะด้วยความชอบใจ ตาแก่หลงอ๋าวซ่อนของดีไว้มากมายจริง ๆ เมื่อคิดดูก็ไม่แปลกใจอีกแล้วที่ตาแก่นั่นจะมีอายุเกือบ 200 ปีเข้าไปแล้ว เขาจะไม่มีอะไรติดตัวได้ยังไง แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้มันเป็นของเขาแล้ว

ภายในเพียงพริบตาเดียว พืชสมุนไพรเหล่านี้ก็ถูกฉู่ชวิ๋น กวาดเข้าใส่แหวนมิติของเขาเรียบร้อย

“อืมม เอาไปทั้งหมดแบบนี้คงไม่ดีแฮะ?” ฉู่ชวิ๋นพูดกับตัวเอง “ถือว่าฉันซื้อแล้วกัน เดี๋ยวคืนสัญญาหนี้ให้เขาก็หมดเรื่อง”

เมื่อคิดแบบนี้ ฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น

แต่ในตอนที่เขาจะหันหลังกลับนั้นเอง ฉู่ชวิ๋นพลันส่งเสียงอุทานออกมาเสียงดัง “เอ๊ะ” เมื่อจิตวิญญาณของเขากระแทกกับกำแพงหินด้านข้างเขาก็ถูกตีกลับ

แปลกมาก

ฉู่ชวิ๋นก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง สีหน้าของเขาดูประหลาดใจไม่ใช่น้อย เพราะว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ผนังอุโมงค์ แต่มันเป็นค่ายกลที่ถูกสร้างเอาไว้อีกจุดหนึ่งแบบลับ ๆ

หลังค่ายกลนี้ซ่อนของดีอะไรเอาไว้อีกบ้าง?

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายสดใส เมื่อตัดสินใจว่าจะทำลายค่ายกลลง มันเป็นค่ายกลระดับสอง ผู้ที่สร้างมันเอาไว้น่าจะเป็นผู้ฝึกตนที่คอยหนุนหลังหลงอ๋าวอยู่แน่นอน ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยหากเขาทำลายค่ายกลได้

สิ่งที่อยู่ด้านในก็คงเป็นสมุนไพรที่มีค่าไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ จิตวิญญาณของเขาแผ่ขยายและห่อหุ้มค่ายกลทั้งหมด ค่ายกลทั้งหมดจะสามารถควบคุมและทำลายได้ตราบใดที่เจอจุดศูนย์กลางของมัน

หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของฉู่ชวิ๋นก็สว่างขึ้น เขาพบจุดศูนย์กลางค่ายกลและทำลายอีกครั้ง

เปรี๊ยะ!

ค่ายกลแตกร้าวเหมือนกระจกก่อนที่จะสลายตัวไปกลางอากาศ

ฉู่ชวิ๋นกวาดตามองเข้าไปด้านใน จะมีของดีอะไรรอคอยเขาอยู่บ้าง? ในขณะเดียวกันหัวใจของเขาก็เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น

“ศิลาลึกลับ”

“หญ้าแปลงกาย”

“ผลหยกคราม”

ของทุกอย่างส่องแสงเป็นประกายเรืองรองอยู่ในสายตาของฉู่ชวิ๋น และทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว

สิ่งที่อยู่หลังค่ายกลนี้ประกอบไปด้วยสมุนไพรจิตวิญญาณระดับกลางและน้ำอมฤตมากกว่า 10 ชนิด รวมทั้งวัสดุสำหรับการกลั่นยา และมีวัสดุหลายอย่างที่จำเป็นสำหรับการทำลายค่ายกล

ฉู่ชวิ๋นกวาดตามองทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบ ถ้ายังอยู่อีกโลกเขาคงไม่เห็นค่าของพืชสมุนไพรเหล่านี้ แต่ที่โลกใบนี้มันต่างออกไป สมุนไพรเหล่านี้เปรียบเสมือนของล้ำค่าจากสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งบนโลกมนุษย์

ชีวิตของฉู่ชวิ๋นในตอนนี้เหมือนกับมหาเศรษฐีที่มีเงินทองมากเกินไป เขาไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตทำอะไรดี นอกจากกินแล้วก็นอน จิตใจของเขาเริ่มรู้สึกด้านชาขึ้นมาสักพักใหญ่แล้ว มีแต่การตามหาสมุนไพรพวกนี้เท่านั้นที่ยังคงสร้างความรู้สึกตื่นเต้นให้เขาได้อยู่บ้าง

เพียงพริบตาเดียว สมุนไพรทุกชนิดก็ถูกกวาดเข้าสู่แหวนมิติของฉู่ชวิ๋น แม้แต่ดินที่ปลูกสมุนไพรจิตวิญญาณและยาอายุวัฒนะเขาก็ไม่ละเว้น ขุดพื้นดินออกมา 3 ฟุต

ฉู่ชวิ๋นยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี วัตถุดิบเหล่านี้เพียงพอที่จะนำไปปรุงยาทลายพลังได้เรียบร้อย แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขามีความสุขได้ยังไง

เขาค่อนข้างมั่นใจว่าที่นี่ยังคงมีของดีซ่อนอยู่อีกแน่ ๆ จึงลองปล่อยจิตวิญญาณออกไปเพื่อสังเกตการสะท้อนกลับจากผนังอุโมงค์

ฉู่ชวิ๋นมีความสุขอย่างที่สุด ขยับเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง สีหน้าของเขาดูมุ่งมั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ค่ายกลระดับสี่!

หัวใจของฉู่ชวิ๋นปั่นป่วนอย่างท่วมท้น มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าค่ายกลระดับสี่เป็นตัวแทนของอะไร นี่แปลว่าผู้ฝึกตนที่คอยหนุนหลังหลงอ๋าวอยู่ เป็นผู้ฝึกตนขั้นลมปราณก่อกำเนิด หรืออาจจะแข็งแกร่งมากกว่านั้นก็ได้

ขั้นลมปราณก่อกำเนิด สามารถทำให้ภูเขาระเบิด น้ำท่วม และพื้นดินถล่มได้ ในประเทศเล็ก ๆ เช่น เวียดนามก็ถูกทำลายได้ด้วยมือของพวกเขา นอกจากอาวุธนิวเคลียร์แล้วไม่มีสิ่งใดเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาเลย

ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นตกใจเล็กน้อย ถ้าผู้ฝึกตนคนนี้มาเป็นขั้นลมปราณก่อกำเนิดจริง ๆ เขาจะไม่สามารถหลบหนีได้และอาจถูกจัดการด้วยการดีดนิ้วเท่านั้น

หรือว่าจะคืนของทั้งหมดที่เก็บเอาไปแล้วดีนะ?

ไม่มีทาง

ฉู่ชวิ๋นรีบปฏิเสธความคิดนั้นโดยเร็ว จะอย่างไรเขาก็คือจักรพรรดิเซียนผู้สง่างาม ถึงเขาจะสูญเสียรากฐานการฝึกตนไปแล้ว แต่เขาจะหวาดกลัวโดยที่ยังไม่ทันลงมือสู้ได้อย่างไร?

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นวูบวาบราวกับดาบสองคม และปล่อยลมปราณที่เย่อหยิ่งออกมาโดยรอบ…เอาสิ ใครจะทำอะไรเขาได้

ฉู่ชวิ๋นมุ่งมั่นมาก จ้องมองไปที่ค่ายกลระดับสี่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจเพราะด้วยฐานการฝึกฝนในปัจจุบันของเขามันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายค่ายกลระดับสี่…เขาละอยากเห็นสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังค่ายกลนี้จริง ๆ

แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ แต่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่กล้าที่จะเสียเวลามากเกินไป ค่ายกลที่กักขังหลงอ๋าวนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน แล้วจะนับประสาอะไรกับพลังที่น่ากลัวของขั้นลมปราณก่อกำเนิด แม้แต่หลงอ๋าวก็ยังทำให้เขาปวดหัว ยังคงนับเป็นสามสิบหกและการวิ่งคือการนับที่ดีที่สุด

ฉู่ชวิ๋นกวาดตาไปทางปากถ้ำ ลมพัดอยู่ใต้เท้าของเขาและพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วจนเกิดเสียงระเบิด

1 ก้าวคือ 10 เมตร เพราะงั้นไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะหยิบไข่มุกราตรีบนผนังออกไปด้วย

……

……

เปรี๊ยะ!

ในที่สุด ค่ายกลของฉู่ชวิ๋นที่กักตัวหลงอ๋าวเอาไว้ก็ถูกทำลายลง หลงอ๋าวส่งเสียงคำรามกึกก้องเมื่อหลุดพ้นออกมาจากวงล้อมค่ายกลของอีกฝ่ายได้ ถึงจะรู้สึกอับอายขายหน้าเพียงใด แต่ก็พิสูจน์ได้ว่าการฝึกฝนของเขานั้นน่ากลัว

ดวงตาของหลงอ๋าวเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น แต่ชายชราก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูง เมื่อพบว่าฉู่ชวิ๋นไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่อีกแล้ว

หนีไปแล้ว? ไอ้เด็กคนนี้มันฉลาดไม่เบา

แต่ในไม่ช้าเขาก็หยุดคิดแบบนั้น สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาเดินไปถึงสวนหย่อมหน้าบ้าน หลงอ๋าวก็พบว่าทางเข้าถ้ำใต้ดินเปิดอยู่ ชายชรารีบพุ่งร่างกระโดดลงไปทันที

“ฉู่ชวิ๋น!!!!!!!!!”

เสียงร้องตะโกนดังสะท้อนขึ้นมาจากใต้ดิน

มังกรเขียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวหน้าหมายเลข1 หันมามองหน้ากัน

“พาท่านไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยไหม?” หัวหน้าหมายเลข1 พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

มังกรเขียวถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปอึดใจใหญ่ และเดินไปทางสวนหย่อมหน้าบ้าน ฟังเสียงของอาจารย์ตนเองร้องเรียกฉู่ชวิ๋นด้วยความบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะทำให้ชายชราเดือดดาลถึงขีดสุดขึ้นมาแล้ว

“น่าสนใจจริง ๆ แฮะ!” หัวหน้าหมายเลข1 พึมพำ เขาดูจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่แต่ก็เดินตามมังกรเขียวมาที่สวนหย่อมด้วยเช่นกัน

ในขณะนี้หลงอ๋าวดวงตาร้อนผ่าว เส้นผมบนศีรษะชี้ชันยุ่งเหยิงเหมือนสิงโตที่บ้าคลั่ง

ชายชรารีบกลับออกมาจากถ้ำใต้ดิน ปิดประตูทางเข้าน้ำพุหิน ก่อนที่จะแผดเสียงคำราม พุ่งตัวขึ้นกลางอากาศและในเวลาเพียงพริบตาเดียวร่างของเขาก็หายวับไป

มังกรเขียวและหัวหน้าหมายเลข1 ได้แต่ยืนมองชายชราหายวับไปต่อหน้าต่อตาด้วยความมึนงง

“ไอ้หนูนั่นมันทำอะไรกัน” หัวหน้าหมายเลข1 ถามด้วยความตกตะลึง เขาไม่เคยเห็นหลงอ๋าวแสดงความเดือดดาลขนาดนี้มาก่อน

มังกรเขียวเองก็สับสนไม่แพ้กัน นี่คืออาจารย์ที่เป็นผู็ยิ่งใหญ่และน่าเคารพของเขาจริง ๆ เหรอ? ฉู่ชวิ๋นทำอะไรเอาไว้ถึงได้ทำให้อาจารย์ของเขาลืมรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองได้ขนาดนี้

ฉู่ชวิ๋นหนีออกมาด้วยความรวดเร็วโดยไม่กล้าหยุดพัก ดูเหมือนเขาจะได้ยินเสียงคำรามของหลงอ๋าวลอยมาตามลมแล้ว

อันที่จริงฉู่ชวิ๋นรู้สึกผิดที่ทำตัวเป็นหัวขโมย ไม่ต้องพูดถึงว่าระดับความรวดเร็วของหลงอ๋าวไล่กวดอย่างไรก็คงไม่ทันเขาแน่นอน แถมชายชรายังตามไปผิดทางอีกด้วย ไล่ตามแบบนี้ต่อให้วนรอบโลกก็คงหาไม่เจอแน่นอน

ในขณะนี้ หลงอ๋าวออกตามหาฉู่ชวิ๋นมาได้หลายกิโลเมตรแล้ว แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของชายหนุ่มตัวแสบ หลงอ๋าวคำรามด้วยความเจ็บแค้นว่า “ไอ้หัวขโมยฉู่ชวิ๋น เรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่!!”

ชายหนุ่มคนนี้ใจร้ายใจดำเกินไปแล้ว นอกจากจะขุดรากสมุนไพรที่ลึกถึง 3 ฟุตไปแล้ว แม้แต่ไข่มุกราตรีบนกำแพงก็ยังขโมยเอาไปด้วย! บัดนี้ถ้ำใต้ดินของเขาจึงมีค่าไม่ต่างไปจากหลุมทิ้งขยะไร้ประโยชน์ โชคดีที่หมอนั่นไม่ได้เปิดค่ายกลจุดสุดท้าย ไม่อย่างนั้นแล้วหลงอ๋าวขอสาบานเลยว่าเขาจะต้องตามล่าเอาชีวิตฉู่ชวิ๋นไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว

และแล้วชายชราก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะตามหาตัวฉู่ชวิ๋นให้เจอ หลงอ๋าวคำรามด้วยความโกรธแค้น ก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับไปที่เดิมด้วยความเศร้า

หลงอ๋าวแผดเสียงจนเหนื่อยล้า เมื่อกลับมาก็ไม่มีแรงพูดอะไรอีกแล้ว

มังกรเขียวเห็นอาจารย์ของตนเองกลับมา ก็รีบเดินเข้าไปถามอย่างเป็นห่วงทันทีว่า “อาจารย์ไม่เป็นไรนะครับ?”

หลงอ๋าวส่ายหน้าด้วยความเจ็บใจและโกรธจัด

“อาจารย์ครับ ท่านฉู่ชวิ๋นบอกให้ผมเอากระดาษแผ่นนี้ให้อาจารย์” มังกรเขียวส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ชายชรา

หลงอ๋าวมีสีหน้าโกรธแค้นมากขึ้นเมื่อรับกระดาษมาถือในมือ นี่คือสัญญาการกู้เงินที่เขาเขียนด้วยลายมือของตัวเอง แต่ที่ด้านหลังสัญญากลับมีข้อความเพิ่มเติมเขียนเอาไว้ว่า

“หลงอ๋าว หนี้ 5,000 ล้านของคุณได้รับการชำระเรียบร้อยแล้ว เดาว่าตอนนี้คุณคงยิ้มไม่หุบเลยล่ะสิ แต่ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้ ฉันเป็นคนที่ทำธุรกิจอย่างยุติธรรมเสมอ ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้เราหมดเรื่องกันแล้ว คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรือรู้สึกว่าติดหนี้อีกแล้วนะ ขออภัยที่ไม่ได้บอกลาคุณต่อหน้า ไม่งั้นคุณคงไม่ยอมให้ผมลาจากมาง่าย ๆ ขอแสดงความคิดถึงจนกว่าเราจะได้พบกันใหม่ ขอให้คุณโชคดี ลาก่อน — ฉู่ชวิ๋น”

ฮ่า ๆๆ!

สัญญาเงินกู้ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและโปรยใส่ในอากาศ  ใบหน้าของหลงอ๋าวโกรธแค้นจนแดงก่ำ ริมฝีปากของเขาสั่นระริก ดวงตาเบิกโต และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือว่า

“มันเอามาให้แกตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“10 นาทีก่อนครับ เขากลับมาเอาตัวหัวหน้าไปด้วย” มังกรเขียวคอหดพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ในขณะนี้แม้แต่การหายใจของหลงอ๋าวก็ยังดูน่ากลัวเหลือเกิน

หลงอ๋าวยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น ฉู่ชวิ๋นฉวยโอกาสตอนที่เขาไล่ตามไปกลับมาที่นี่ เพื่อพาตัวหัวหน้าหมายเลข1 ไปด้วย

“แล้วแกก็ยืนมองมันจากไปเฉย ๆ งั้นเหรอ?”

มังกรเขียวหดหัวไม่กล้าพูดคำใดออกมา หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว ก็จะให้เขาทำอย่างไรได้ล่ะ? ขืนขวางทางอีกฝ่ายคงกลายสภาพเป็นกระสอบทรายให้ฉู่ชวิ๋นได้วอร์มมือวอร์มเท้าเล่นกันพอดี มังกรเขียวรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรได้เลยเหมือนกัน!

ตู้ม!

มังกรเขียวถูกเตะโดยหลงอ๋าวจนลอยกระเด็นไป

“นับจากนี้ไป ฉันไม่รับแขกและหวังว่าเมื่อฉันกลับออกมาอีกครั้งทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะ” หลงอ๋าวพูดทิ้งท้าย ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป

มังกรเขียวร้องไห้โดยที่ไม่มีน้ำตาไหล เขารับคำสั่งทั้งที่ยังนอนจุกอยู่บนพื้น!

“ไม่ต้องห่วงครับอาจารย์ ไว้เมื่ออาจารย์กลับออกมาเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จะกลับเป็นเหมือนเดิมแล้วครับ” มังกรเขียวพูดด้วยน้ำตาที่คลอเต็มเบ้า

หลงอ๋าวพยักหน้าและเดินต่อไป

“อาจารย์ครับ แล้วหัวหน้าล่ะครับ?” มังกรเขียวถาม

“ไม่ต้องห่วง สนใจแค่หน้าที่ของตัวเองก็พอ” หลงอ๋าวตอบโดยไม่ได้หันหน้ากลับมา

หัวหน้าหมายเลข1 คงจะติดตามฉู่ชวิ๋นไปด้วยความสมัครใจมากกว่า เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ฉู่ชวิ๋นจะลักพาตัวหัวหน้าหมายเลข1 ไปแบบนี้

ในไม่ช้า ชายชราก็ย่างเท้าเข้าไปในห้องลับ ไฟแค้นในหัวใจของเขาลุกโชนจนแทบควบคุมไม่ได้

ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้เวรตะไลฉู่ชวิ๋น!!